Bottega Veneta Summer 23 Show ผลงานการออกแบบโดย Gaetano Pesce
“ผลงานชิ้นนี้คือการแสดงความเคารพต่อความแตกต่าง เป็นผลงานที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนแล้วต่างกัน ถ้ามีใครบอกว่ามนุษย์ทุกคนเหมือน ๆ กันทั้งนั้น ก็ช่างหัวพวกเขา! พวกเราต่างกัน และนั่นคือสิ่งที่นิยามคุณค่าของพวกเรา ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต่างอะไรจากสำเนาเลียนแบบ หนึ่งในแนวคิดการออกแบบในครั้งนี้มาจากพื้นฐานที่ว่าพวกเราทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์ด้วยกันทั้งนั้น” Gaetano Pesce กล่าว
“Gaetano เคยบอกกับผมว่า: “เมื่อคุณคิดถึงผม คุณต้องนึกถึงคำว่า ‘Come Stai?’ (ซึ่งแปลว่าสบายดีหรือเปล่า?) และคุณจะต้องตอบกลับมาว่า ‘Tutto Bene!’ (ซึ่งแปลว่าสบายมาก!) นั่นคือมุมมองของผมที่มีต่อ Gaetano และคือความเป็นมาของชื่อเก้าอี้” กล่าวโดย Matthieu Blazy
Gaetano Pesce สถาปนิก นักออกแบบ และศิลปินสายมนุษนิยมคือผู้ทรงอิทธิพลของทุกวงการที่เขามีส่วนร่วม เป็นบุคคลที่มีความฉกาจในหลากหลายสาขาและมาพร้อมกับแผนการนอกกรอบธรรมเนียมเสมอ ถึงแม้จะคร่ำหวอดในวงการมากว่าเจ็ดทศวรรษ เขายังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานต่อไปและปฏิเสธที่จะถูกจำกัดในกรอบ ผลงานส่วนตัวและสาธารณะระดับโลกจำนวนมากคือเครื่องยืนยันว่าเขาคือศิลปินนักทดลองผู้ไม่ยอมให้ความจำเจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในผลงาน ไม่ว่าจะเป็นในสาขาสถาปัตยกรรม การวางผังเมือง การออกแบบภายใน การออกแบบเชิงอุตสาหกรรม และการออกแบบงานแสดง
ในงานการแสดงอันแปลกใหม่ที่มีครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Bottega Veneta อย่าง Matthieu Blazy เป็นหัวเรือใหญ่ Pesce ได้รับอิสระให้ทำการรังสรรพื้นที่แสดงผลงานศิลปะชั่วคราวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในงาน Summer ’23 แฟชั่นโชว์อย่างเต็มที่ พื้นของสถานที่จัดการแสดงเป็นพื้นยางเรซิ่นที่ได้รับการออกแบบอย่างวิจิตรและเป็นที่รองรับเก้าอี้ทั้งหมด 400 ตัว ทุกตัวล้วนแล้วได้รับการออกแบบใหม่โดย Pesce จึงทำให้แต่ละตัวแตกต่างและมีเอกลักษณ์ อีกทั้งเป็นการออกแบบเก้าอี้ครั้งใหม่ของเขาในหลายปีที่ผ่านมา ยังส่องสะท้อนให้เห็นภาพมนุษย์นั่งบนเก้าอี้แต่ละตัวอีกด้วย เก้าอี้ Come Stai? ซีรีส์นี้ทำมาจากคอตตอนแคนวาสที่ใช้ผ้าลินินจุ่มสีเรซิ่น บางตัวก็ประกอบด้วยรูปวาดด้วยมือ
แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันและเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ผลงานความหลากหลาย’ ที่ปรากฏในชิ้นงานอื่น ๆ เช่นกัน เก้าอี้ 400 ตัวนี้จะได้รับการจัดแสดงและจัดจำหน่ายที่งาน Design Miami (30 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม)
“ในฐานะนักออกแบบ ผมรังสรรค์ผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่ผลงานซ้ำซากจำเจ นั่นคือการทำงานแบบเก่า การทำงานของผมคือการทำงานแบบใหม่ นี่คือสิ่งที่บริษัทแฟชั่นทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับโปรเจกนี้ นี่คือสาส์นทางการเมือง และสื่อที่ส่งสาส์นนี้ออกไปก็ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์หรือแกลลอรี่ ใครเป็นคนสร้างวัฒนธรรมขึ้นในยุคนี้? พิพิธภัณฑ์หรือบริษัทแฟชั่น? นี่คืออาหารสำหรับสมอง ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจหรือการค้ากำไร หากเราเห็นสิ่งที่ซ้ำซากจำเจทุกวัน ก็ไม่ต่างจากตาย” Gaetano Pesce กล่าวทิ้งท้าย
BOTTEGA VENETA
SUMMER 2023 COLLECTION
“โลกใบนี้คือห้องขนาดย่อม: แนวคิดสุดแสนเรียบง่ายนี้คือที่มาของคอลเลกชั่นความแตกต่างแห่งตัวตนอันเพียบพร้อม ซึ่งได้รับการถ่ายทอดผ่านดินแดนของ Gaetano Pesce ณ ดินแดนแห่งนี้ โลกสองใบจะมาขนานเทียบเคียงกัน ในขณะที่การเดินหน้ารังสรรค์ผลงานที่ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวและ quite power ยังคงดำเนินต่อไป” Matthieu Blazy กล่าว
Gaetano Pesce กล่าวว่า “ผลงานชิ้นนี้คือการแสดงความเคารพต่อความแตกต่างเป็นผลงานที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์อย่างปฎิเสธไม่ได้ เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนแล้วต่างกัน ถ้ามีใครบอกว่ามนุษย์ทุกคนเหมือน ๆ กันทั้งนั้น ก็ช่างหัวพวกเขา! พวกเราต่างกัน และนั่นคือสิ่งที่นิยามคุณค่าของพวกเราไม่เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต่างอะไรจากสำเนาเลียนแบบ แนวคิดการออกแบบในครั้งนี้มาจากพื้นฐานที่ว่าพวกเราทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์ด้วยกันทั้งนั้น”
นอกเหนือจากฉากหลังของ Gaetano Pesce ครีเอทีฟไดเรกเตอร์อย่าง Matthieu Blazy ยังคงยังคงเดินหน้ารังสรรค์ผลงานอย่างแน่วแน่ด้วยรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์และความหลากหลายในช่วงอายุโดยมีรากฐาน มาจากคอลเลกชั่นเปิดตัวในฤดูกาลก่อน
เรื่องราวของตัวตนกับการแต่งกายคือสิ่งที่ได้รับการนิยามโดยทั้งผู้รังสรรค์และผู้สวมใส่ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนที่เปี่ยมไปด้วย ท่วงทำนองแห่งการเคลื่อนไหวและความรู้สึกผลลัพธ์จะอยู่ในความสมดุลของสิ่งที่สัมผัสได้จากภายในมากกว่าสิ่งที่ปรากฎต่อสายตาตามแบบฉบับของความเงียบอันทรงพลังหรือ quiet power แห่งความพอใจส่วนตัว ดังเช่นความหรูหราและประโยชน์ใช้สอยที่เคียงคู่กันแทรกซึมสู่ชีวิตประจำวันด้วยวัสดุและเทคนิคการรังสรรค์ที่เฉียบคมอันเป็นฝีไม้ลายมือเอกลักษณ์ดั้งเดิมเฉพาะของห้องเสื้อของช่างฝีมือในอิตาลี ด้วยฟังก์ชันการใช้งานและลูกเล่น เครื่องแต่งกายคลาสสิกที่ได้รับการออกแบบใหม่นี้จึงเหมาะกับตัวตนที่หลากหลาย จากความแตกต่างและหลุดจากแนวคิดนอกกรอบประเพณีนิยมและจากความแปลกตาสู่ความเรียบง่ายผ่านการเคลื่อนไหว แรงผลักดัน ความเย้ายวน และชีวิต: ตัวตนนี้ได้เดินทางมาถึงจุดใดแล้วและจะมีทิศทางต่อไปเช่นไร? ไม่ว่าอย่างไร ตัวตนนี้จะยังคงเดินหน้าต่อไป และการเดินทางในฤดูกาลนี้นั้นยอดเยี่ยมกว่าครั้งไหน ๆ
แปลงโฉมจากสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และน่าหลงใหลตามแบบฉบับอิตาเลียนในชุดตารางลายหมากรุก (plaid) และกางเกงผ้าชิโน (chinos) (ชูการพิมพ์ลายนูบัคอย่างวิจิตร) ผู้มาพร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างที่โฉบเฉี่ยวพร้อมเฉิดฉาย (การตีความเทคนิคการสาน Intreccio ตามความหมายดั้งเดิมคือการทอถักแห่งความแตกต่างและหลุดจากกรอบเกณฑ์เดิม ซึ่งไหลเวียนอยู่ในบริบทที่แปรเปลี่ยนไป) สู่สาวในชุดเฟอร์ขนสัตว์ (เป็นอีกครั้งที่ใช้เทคนิคการพิมพ์ลาย ในครั้งนี้เป็นการพิมพ์ลายสุนัขจิ้งจอกลงบนหนังแกะ);จากนั้นไปสู่เหล่าสุภาพบุรุษและสตรีที่สวมใส่สูทลายทางสะท้อนโครง สร้างที่ชัดเจนและเคยเห็นมาก่อน(แรงบันดาลใจจากจิตกรและประติมากรอย่างบ็อชชิโอนี (Boccioni) ได้รับการนำมาปรับปรุงให้พลิ้วไหวและหรูหรามากยิ่งขึ้นด้วยเทคนิคการถักทอเป็นปม ซึ่งพบได้ในรองเท้าเช่นกัน); ไปจนถึงสุภาพบุรุษและสตรีผู้มาพร้อมกับแนวคิดนอกกรอบประเพณีนิยมอีกรูปแบบหนึ่ง (แนวคิด neo-noir ยุคเปลี่ยนถ่ายหรือราวยุค 70 จากอดีตแห่งอนาคตเผยโฉมผ่านเสื้อคอกรวย (funnel neck) ที่นุ่มนวลและส่วนข้อมืออันละเมียดละไม พร้อมโครงสร้างแบบ Volcano) ถักทอด้วยความสดใหม่และความใส่ใจเพื่อให้ได้มาซึ่งความบางเบา ความแน่น ลายทอและเนื้อผ้าพิเศษสำหรับทั้งสุภาพบุรุษและสตรีผ่านการถักทอเส้นใยเนื้อผ้าเป็นอย่างดีดั่งผ้าบูเคล (boucle) รูปแบบใหม่ การใช้ด้ายมูลิเน่ (mouliné) หลากสีสันขัดกัน รวมไปถึงเทคนิคการทอและการตัดเย็บขั้นสูง ‘high sewing’ ประหนึ่งการรังสรรค์ลวดลายดอกไม้บนชุดราตรี ‘Chandelier’ สมัยยุคกลางศตรวรรษ ชั้นเชิงการเย็บปักอันแยบยลในเนื้อผ้าฝ้ายเครป (cotton crepe) บนผ้าไนลอนสมัยใหม่คือการมัดรวมให้อดีตและอนาคตเป็นหนึ่ง ความแตกต่างของประวัติศาสตร์ได้เผยอยู่ในผ้าแจ็คการ์ด (Jacquards) ราวกับรูปแบบลวดลายฟิวเจอร์ริสม์ (Futurist) ที่แนบเนียน เสื้อผ้าแต่ละชุดได้รับการถักทอและตกแต่งอย่างพิถีพิถันด้วยมือ ทำให้ความแตกต่างและเอกลักษณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นการผสมผสานอดีต ปัจจุบัน และอนาคตผ่านงานฝีมืออย่างลงตัว
แนวคิดเรื่องการเดินทางและการแสวงหาทางอารมณ์ได้รับการส่งเสริมด้วยดนตรีประกอบการแสดงที่ประพันธ์โดย Afrodeutsche ขึ้นมาเป็นพิเศษ การแสดงออกของปัจเจกบุคคลเป็นสิ่งที่สำคัญและอาจเป็นสิ่งที่นิยามจุดยืนที่แท้จริงของ Bottega Veneta ซึ่งนั้นก็คือในชีวิตของเราที่ได้ลงทุนในวัตถุที่มีค่าทางจิตใจ และมีความหมายในทุกโอกาส
“เมื่อเปรียบเทียบความเป็นแบบฉบับดั้งเดิมกับผู้คนผ่านเสื้อผ้าและตัวตนผมอยากออกแบบเครื่องแต่งกายที่ไม่ได้เหมาะแค่กับผู้ชายหรือผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เหมาะกับผู้ชายและผู้หญิงทุกคน เป็นการเดินทางจากชุดที่สวมใส่ได้ทุกวันที่เลือกใช้วัสดุอย่างหนังนูบัค (Nubuck) ไปเป็นความเย้ายวนน่าค้นหาด้วยการตัดเย็บ จากผลงานการออกแบบฉบับเสรีชนในสมัยอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่สู่การเป็นของที่ระลึกให้กับนักเดินทางผู้มากประสบการณ์… โลกทั้งใบภายในห้องขนาดย่อม” Matthieu Blazy กล่าว