รีเซต

3 ประเภทและสาเหตุของอาการปวดหลัง สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

3 ประเภทและสาเหตุของอาการปวดหลัง สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
BeauMonde
12 ธันวาคม 2565 ( 14:09 )
5.8K
1

     อาการปวดหลังเป็นปัญหาทางสุขภาพที่มักพบได้บ่อย โดยผู้ป่วยอาจมีอาการตั้งแต่ปวดตลอดเวลา ไปจนถึงปวดแบบเฉียบพลัน บางครั้งการปวดหลังอาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม การยกของหนัก แต่ในบางครั้งก็สามารถเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เนื่องจากการเสื่อมของกระดูกสันหลังตามวัยก็เป็นได้ ในบางกรณีความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย การอักเสบหรือแม้แต่การนั่งทำงานท่าเดิมในเวลานาน ๆ ก็ทำให้เรามีภาวะออฟฟิศซินโดรม ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน

     การรักษาอาการปวดหลังจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุและอาการ อย่างไรก็ตาม ก็มีขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้ เพื่อทำให้อาการปวดหลังดีขึ้นและลดโอกาสเกิดอาการปวดหลังเรื้อรังหรือเป็นระยะยาว

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง

     ทุกคนสามารถมีอาการปวดหลังได้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเกิดอาการปวดหลังได้  

 

1. ร่างกายไม่แข็งแรง

     อาการปวดหลังสามารถพบได้บ่อยขึ้นในคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง โดยเฉพาะคนที่มีกล้ามเนื้อหลังและท้องที่อ่อนแอ ไม่อาจรองรับกระดูกสันหลังได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามอาการปวดหลังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในคนที่ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือคนที่ห่างจากการออกกำลังมาระยะหนึ่ง

 

2. น้ำหนักเพิ่ม

     การรับประทานอาหารที่มีแคลอรีและไขมันสูง บวกกับการใช้ชีวิตที่ไม่ออกกำลังกาย อาจนำไปสู่โรคอ้วนได้ และสาเหตุนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง

 

3. ปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับงาน

     งานที่ต้องออกแรงยก ดัน ดึง หรือบิดของหนัก อาจทำให้หลังบาดเจ็บได้ อย่างไรก็ตามงานนั่งโต๊ะก็อาจมีส่วนที่ทำให้ปวดหลังได้เช่นกัน หากคุณมีท่าทางที่ไม่ดีหรือนั่งทั้งวันบนเก้าอี้ที่ไม่สบาย

 

4. อายุ

     อาการปวดหลังจะพบได้บ่อยเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่มีอายุมาก โดยอาจจะเริ่มปวดหลังได้ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป

 

5. กรรมพันธุ์

     พันธุกรรม ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ เช่นในผู้ที่มีความผิดปกติบางอย่างก็อาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง

 

 

3 ประเภทอาการปวดหลัง

     หากคุณกำลังมีอาการปวดหลัง อย่างแรกเลยคือการสังเกตว่ามีอาการมานานแค่ไหน และปวดในลักษณะอย่างไร เพราะข้อมูลนี้สามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยปัญหาได้

 

1. อาการปวดเฉียบพลัน

     อาการปวดเฉียบพลันหรือปวดในระยะสั้น ๆ ตั้งแต่ 1 วันจนถึง 4 สัปดาห์ โดยทั่วไปอาการปวดหลังแบบเฉียบพลันนั้นอาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บบางอย่างเช่น การยกของหนัก การล้ม หรือการก้มตัวผิดท่าขณะทำงานบ้านหรือทำงานต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการปวดเฉียบพลันจะหายได้เองเมื่อกล้ามเนื้อหายอักเสบหรืออาการบวมลดลง อย่างไรก็ตามหากอาการปวดหลังมีความมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน คุณก็ควรไปพบแพทย์

 

2. อาการปวดกึ่งเฉียบพลัน

     อาการปวดหลังแบบกึ่งเฉียบพลันจะมีอาการได้ตั้งแต่ 4 - 12 สัปดาห์ ซึ่งหากคุณมีปัญหา แนะนำให้พบแพทย์เบื้องต้นเพื่อดูว่าอาการปวดจะหายไปเองหรือมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังหรือไม่

 

3. อาการปวดเรื้อรัง

     อาการปวดหลังเรื้อรัง เป็นอาการปวดที่กินเวลานานกว่า 12 สัปดาห์ ซึ่งในบางกรณีอาการปวดนี้จะรุนแรงเพิ่มขึ้น และในบางครั้งอาจเป็นอาการปวดตื้อ ๆ ตลอดเวลาหรือมีอาการปวดเป็นชุด ๆ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการปวดเรื้อรังอาจทำให้ร่างกายทรุดโทรมและส่งผลเสียต่อจิตใจได้

 

การป้องกันอาการปวดหลัง

     การหมั่นบำรุงร่างกายและการใช้ร่างกายด้วยความระมัดระวังอาจช่วยป้องกันอาการปวดหลังได้

  • ออกกำลังกาย

     การออกกำลังแบบแอโรบิก หรือการออกกำลังแบบที่มีแรงกระแทกต่ำเป็นประจำ สามารถเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของหลัง รวมถึงยังสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น รวมไปถึงการทำกิจกรรมอย่างการเดิน ปั่นจักรยานและว่ายน้ำ ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี

  • เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

     การบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลัง เป็นการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ซึ่งสามารถทำให้เกิดการรองรับหลังได้ดีมากขึ้น การรักษากล้ามเนื้อบริเวณนี้ให้แข็งแรง ก็จะสามารถทำให้อาการปวดหลังลดลงได้

  • ใช้ร่างกายอย่างเหมาะสม

     เมื่อต้องยืนเป็นเวลานาน ให้ยืนด้วยการลงน้ำหนักที่เท้าทั้ง 2 ข้าง ทั้งนี้เพื่อที่จะเป็นการถ่ายเทน้ำหนักบางส่วนจากหลังส่วนล่าง และสามารถลดความเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณหลังได้ เช่นเดียวกับการนั่ง พยายามเลือกที่นั่งที่มีการรองรับหลังส่วนล่าง มีที่วางแขนและฐานหมุนได้ดี คุณอาจวางหมอนหรือผ้าขนหนูม้วนไว้ที่หลัง เพื่อช่วยคงความโค้งตามปกติของกระดูกสันหลัง รวมถึงพยายามเปลี่ยนท่าบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง 

  • เลิกสูบบุหรี่

     การสูบบุหรี่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการปวดหลังส่วนล่างได้ ซึ่งความเสี่ยงนี้ก็จะเพิ่มขึ้นมากขึ้นตามปริมาณบุหรี่ที่สูบต่อวัน หมายความว่ายิ่งสูบบุหรี่มากขึ้นก็จะยิ่งมีอาการปวดหลังมากขึ้น ดังนั้นการเลิกบุหรี่จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้

 

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง