เห็นแว็บ ๆเห็นแว็บ ๆ ว่าภาระกิจหนึ่ง ให้เขียนเกี่ยวกับโรคออฟฟิศซินโดรม ใจจริงตอนนั้นก็ว่าจะเขียนตอนอยู่ที่ทำงาน แต่ มะม้ามารับเลยจะกลับมาเขียนตอนถึงบ้าน โชคร้ายหมดสิทธิไป แต่ลึก ๆ ผมแค่อยากมาเตือนและถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจคุณว่า 1. ออฟฟิศซินโดรมไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ เฉกเช่นเดียวกับโควิด แต่ 2. โรคดังกล่าวเพิ่งจะมาดังมากขึ้น เมื่อมนุษย์เราเริ่มรู้จักเครื่องพิมพ์ดีด + คอมพิวเตอร์เครื่องพิมพ์ดีด + คอมพิวเตอร์เพราะเครื่องใช้สำนักงานพวกนั้น จะส่งผลดังนี้สนุกกับการทำงาน1) ทำให้เราสนุกกับการทำงานหน้าคอมได้นานขึ้น ประกอบกับว่าเรามีความบันเทิงเข้ามาทำให้การทำงานหน้าคอมก็ดี การเล่นมือถือก็ดี ส่งผลต่อสรีระของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการนั่งก้าวอี้นาน ๆ ชอบบอกกับตัวเอง "ขอแป๊บนึง" - รู้ตัวอีกทีก็ชั่วโมงเข้าไปแล้ว บ่อยสุดก็"งานมันด่วน" เลยต้องนั่งนาน แต่ก็เปิดเพลงฟังนะ - งงมากแม่!การเปิดเพลงฟังเป็นไหมครับ อาการเหล่านี้ : ปวดต้นคอ - เนินบนบ่า / ปวดข้อมือ / ร้าวลงหลัง / ตาจะปิด / ปวดกระบอกตา - ใช่ครับผมเคยเป็นมาหมดแล้ว และ ผมทำอย่างไรต่อ? ใช่ต้องเข้าพบแพทย์ แต่คุณหมอแนะว่า อยากให้ "ผมออกจากงาน" เพราะรักษาร่างกายน่าจะดีกว่า ผมจึงย้อนคุณหมอไปว่าถ้าออก ผมจะหาเงินที่ไหนมาหาคุณหมอ? คุณหมอเลยให้ผมไปประคบร้อน ต่อด้วยใช้อัลตร้าซาวด์ผลักความร้อนเข้าไปตรงเนินบนบ่า และคุณหมอก็จ่ายยา "คล้ายกล้ามเนื้อ" ยี่ห้องดัง Nor...สาเหตุสำคัญ ที่เกิดอาการตามที่กล่าวข้างบนเพราะ การหด เกร็ง ของกล้ามเนื้อเป็นเวลานาน ๆ เช่น นั่งเกร็งบ่านาน ๆ พอกล้ามเนื้อตรงจุดนั้นไม่ได้รับการบริหารให้มีความยืดหยุ่นมากพอไม่แปลกครับจะเกิดพังผืด คล้าย ๆ พังผืดสีขาว ๆ ในเนื้อหมู เหล่านี้จะส่งผลให้เกิดอาการชา ตาม ข้อต่อ ข้อพับ นิ้ว เช่น ปวดคอ ปวดบ่า ชาตามปลายมือปลายนิ้ว - นี่แหล่ะครับสัญญาณเตือนเกี่ยวกับโรคทางระบบประสาท กรณีผม ปวดต้นคอ - ลองจับเนื้อ-บริเวณรอยต่อระหว่างคอและบ่าครับ ถ้าแข็ง ยินดีด้วยครับคุณอาจจะเข้าข่าย ยิ่งบวกสภาวะกดดัน และเครียด ทำให้อาการปวดยิ่งรุนแรงไปใหญ่ ช่วงนั้น จำได้ว่ายานวดร้อนกับผมนี่ของคู่กันเลย ห้องทำงานมมีแต่กลิ่นยานวดนึกว่าเป็นร้านยา 555 ยิ่งแข็งความเจ็บปวดจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทางแก้คือ ทำอย่างไรได้ให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นอ่อนลง/ยืดหยุดมากขึ้น ถูกต้องนะครับ เข้าฟิตเนส - ออกกำลังกาย และ/หรือโยคะร้อน แต่คุณต้องเตือนตัวเอง ดีๆ ว่า สร้างนิสัยการออกกำลังกายให้กลายเป็นกิจวัตรเสีย เพราะเมื่อมันกลายเป็นกิจวัตร คุณจะไม่รู้สึกฝืนเลยแม้แต่น้อยพอสร้างนิสัยที่ดีแล้วอาการปวดค่อย ๆ ดีขึ้น ยานวดนี่แทบไม่ได้ใช้ ยาทานนี่หยุดไปเลย ผลพลอยได้ คือ ไม่ต้องเสียเงินไปพบแพทย์ที่ รพ. และที่สำคัญที่สุด ผมติดการไปออกกำลังกายไปเลย - ไม่ไปก็นอนไม่หลับ สอดคล้องกับคำแนะนำจากผู้รู้รอบตัวซึ่งเป็นบุคลากรสายแพทย์ ผมเลยถามเพื่อนว่า โรคนี้ทานยาแล้วหายไหม? คำตอบคือ มันจะอยู่กับเราไม่นาน ผมได้รับการยืนยันว่า ถ้าหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายพร้อมสู้ คล้าย ๆ "นักรบที่หมั่นฝึกฝนย่อมมีโอกาสชนะฉันใด ร่างกายที่แข็งแรง ย่อมไกลจากโรคฉันนั้น" และโดนสวนกลับว่าถ้าอยากหาย ก็ต้องออกกำลัง หรือไม่ก็ลาออก หรือไม่ก็ไปนอนที่วัด เพราะ การทานยา+ใช้ความร้อน+ฝังเข็ม เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ รักษาที่ปลายเหตุถ้าให้ผมสรุปเป็นภาษาง่าย ๆ คือ ผมไม่ฟังเสียงร่างกายตัวเอง เพราะถือคติ #ไม่ไหวบอกไหว เมื่อร่างกายเตือนแล้ว ไม่ฟังก็เตรียมตัว พัง ก่อนจะลากันไปผู้อ่านอาจจะสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับลอว์เฟิร์ม ทำงานแล้วเป็นทุกคน?ไม่ใช่เลย แค่ผมกำลังจะสื่อว่า เมื่อทำงาน ณ ลอว์เฟิร์มสักที่ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก สิ่งที่เหมือนกันกันของที่ปรึกษากฎหมาย คือ ความทุ่มเท และเจ้าความทุ่มเทนี่แหล่ะครับก่อให้เกิดการนั่งทำงานก็ดี นิสัยไม่ค่อยฟังเสียงร่างกาย รวมถึงสะท้อนทัศนคติ "เงินดี มีพอไปหาหมอ" ทานยา นวดยาก็หาย! ผิดทุกข้อ... ซ้ำร้ายการไปสมัครฟิตเนส แต่ไม่มีวินัย - สมัครเพื่อให้รู้ว่ามีฐานะ ถ่ายรูปลง IG/face รอคนมาเม้น -จบ- เมื่อโรคไม่ได้รับการรักษาที่ต้นเหตุ - ทำตัวเอง เสี่ยงเอง เจ็บเอง จะไปเรียกร้องจากใคร?ท้ายนี้ขอบพระคุณภาพ1. ปก โดย Tim van der Kuip จาก unspash2.ที่ 1 โดย bugnsts จาก pixabay3.ที่ 2 โดย Sreeguru จาก pixabay4.ที่ 3 โดย lukasbieri จาก pixabay5.ที่ 4 โดย Peggy_Marco จาก pixabay6.ที่ 5 โดย 00luvicecream จาก pixabayปล. ขอบพระคุณ ข้อมูลอ้างอิงจาก รพ.ศิริราช และคุณหมอเจ้าของไข้ - ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าโดนดุ!ออกกำลังกายอยู่บ้านได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !