อยากมาแชร์ประสบการณ์ความคิดเกี่ยวกับสุขภาพจิตให้ฟังค่ะ ต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานเราเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะเก่งยิ้มง่าย แต่อย่างว่าด้วยเนื้องานของเราเป็นงานที่ต้องคิดใหม่ทุกวัน อยู่กับข่าวอยู่กับเรื่องราวปัญหาของคนมากมาย ต้องรับฟังปัญหาต่าง ๆ จากคนที่หลากหลายมาก จนวันนึงเรามารู้สึกตัวเองว่า มีอาการนอนไม่หลับ กังวล คิดอยู่ตลอดเวลา พยายามถามตัวเองว่าเราคิดเรื่องอะไร อะไรคือสาเหตุ เพราะเรานอนวันละประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง จนบอกกับตัวเองว่า ไม่ได้แล้วถ้าปล่อยไปแบบนี้ร่างกายเราแย่แน่ ขอบคุณภาพจากhttps://www.pexels.com/th-th/photo/1990207/เริ่มแรกเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเพราะมีอาการอาเจียนและนอนไม่หลับ อาการนอนไม่หลับถือว่าเป็นมาเกือบ 1 ปีค่ะ จะหลับช่วงตี 4 ตื่นตอน 6 โมง หรือ 7 โมงเช้าเป็นประจำ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็ตาม เราเอาข้อมูลตรงนี้ไปปรึกษาหมอ หมอทั่วไปที่ประจำแผนกอายุรเวชค่ะ ซึ่งคำแนะนำที่ได้คือ อย่าคิดมาก งานก็ไม่ต้องไปทุ่มเทมาก บริษัทไม่มีเราเขาก็อยู่ได้ และให้ยานอนหลับมาตามระเบียบขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/159211/เราพยายามไม่กินยานอนหลับ ตามฉลากยาให้เรากินทุกวันวันละ 1 เม็ด แต่เราเลือกกินยานอนหลับวันเว้นวัน เพราะกลัวจะติด จนยาหมดอาการนอนไม่หลับก็ไม่หายไปค่ะ ที่หลับไปเพราะยาจริง ๆ ถามตัวเองว่าเราจะทำยังไงดี เริ่มมีอาการอ่อนเพลียก็แน่นอนค่ะ เกือบ ๆ 1 ปีที่ไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลยนะ ต้องมีอาการอ่อนเพลียเป็นธรรมดา ขอบคุณภาพจากhttps://www.pexels.com/th-th/photo/313690/หลังจากนั้นเริ่มมีความรู้สึกว่า ไม่มีความสุขกับชีวิต เบื่อหน่าย ไม่อยากพบเจอใคร (อันนี้อาจเป็นเพราะในแต่ละวันของการทำงานเราต้องรับรู้ปัญหาของคนหลายเรื่องค่ะ) กลับบ้านไปคือไม่คุยกับใครเพราะในแต่ละวันคุยมาเยอะมากแล้ว ความสุขที่เคยมีลดลง จากที่เคยหัวเราะง่าย อารมณ์ดี เรารู้สึกไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกค่ะ และหาสาเหตุไม่ได้ตอบตัวเองไม่ได้ ขอบคุณภาพจากhttps://www.pexels.com/th-th/photo/3408368/เราตัดสินใจไปหาหมออีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวชค่ะ พอเจอหมอเราลังเลอยู่ในใจว่ามาถูกทางแล้วใช่มั้ย เพราะเราไม่ได้โรคจิต จะมาหาหมอจิตแพทย์ทำไมกันเนี่ย คำพูดเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ในใจเราค่ะ แต่สุดท้ายตัดสินใจเล่าความคิดทุกอย่างที่เล่ามาข้างต้น พร้อมอาการนอนไม่หลับ บอกหมอจนหมดเปลือก หมอรับฟังเราเป็นอย่างดี แตกต่างจากหมออายุรเวชที่บอกว่าให้เลิกคิดเลิกเครียด แต่จิตแพทย์ท่านนี้บอกให้เราเล่าให้ฟังทุกอย่างมีอะไรคาใจ สภาพแวดล้อมภายในบ้าน ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวและคนรอบข้าง การดำเนินชีวิต แปลกค่ะที่เราเชื่อใจไว้ใจเล่าให้หมอฟังจนหมด แล้วพอเราเล่าจบ หมอถามว่ารู้สึกยังไง เราตอบไปว่าโล่งค่ะ ความรู้สึกเราตอนนั้นนั่งยิ้มไปเล่าไป มีคำถามกับตัวเองว่าทำไมไว้ใจและเล่าเรื่องทุกอย่างให้หมอฟัง แต่เราว่าเรามาถูกทางเพราะเรารู้สึกโล่งใจ ไม่เครียด ไม่นึกอะไรมากเหมือนว่าในแต่ละวันที่เราเป็นอยู่ เราไม่สามารถเล่าหรือปรึกษาเรื่องต่าง ๆ กับใครได้ พอมาเจอคนที่รับฟังเราเราได้ระบาย คุณหมอมีวิธีในการคุยคือ รับฟังค่ะ ใช่ค่ะ คุณหมอไม่ได้ทำอะไรเลยนั่งและฟังเราเล่าเรื่องต่างๆ ถามกลับบ้างเป็นระยะ แต่เป็นผู้ฟังที่ดีมาก สรุปหมอบอกว่าเราเครียดจากสิ่งรอบด้าน แต่ไม่ให้ยานอนหลับค่ะ แค่บอกให้เราหาอะไรทำที่ไม่ซ้ำซาก วันหยุดแทนที่จะอยู่บ้านตามปกติ ลองออกไปเที่ยว ขับรถไปทะเล หรือเดินทางไปที่ที่ไม่เคยไป หมอบอกว่าเราไม่ได้เป็นโรคจิตใด ๆ เพียงแต่รับรู้เรื่องราวมาเยอะ ทำให้เกิดอาการคิดตามปัญหาของคน ๆ นั้น จริง ๆ เรื่องของเราเหมือนไม่ได้มีอะไรมากมายแต่ที่อยากแชร์ให้ฟังเพราะว่า หลายคนชอบคิดว่าการไปหาหมอจิตแพทย์ ต้องเป็นโรคจิต หรือ จิตผิดปกติ แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลยค่ะ ด้วยสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมทางสังคม มันกดดันและทำให้คนเรามีความเครียด ความกังวลใจเพิ่มขึ้น ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมต่าง ๆ ทำให้คนเราคิดมาก เราเลยอยากบอกว่า ถ้าไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร และมีความรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิต ลองเปิดใจไปพบจิตแพทย์ดูสักครั้งไม่เสียหายค่ะ ถ้าไปแล้วรู้สึกไม่โอเคก็ไม่ต้องไปซ้ำ แต่เรารู้สึกสบายใจเหมือนมีคนที่ไว้ใจได้รับฟัง ภาพหน้าปกจาก : https://www.pexels.com/th-th/photo/373914/