ดื้อเงียบ:บุคลิกภาพแปรปรวน (บทความสุขภาพจิต) ภาพจากผู้เขียน “คุณหรือใครที่ใกล้ชิดเป็นคนประเภทปากตอบตกลงแต่ใจต่อต้านและปฏิเสธหรือพวกปาก yes แต่ใจ no ใช่หรือไม่ หากใช่โปรดอย่าพลาดอ่านบทความนี้” มานิตได้รับฉายาว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายค้านประจำหน่วยงาน เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกบ่อยๆในที่ทำงานคือไม่ว่าในที่ประชุมใดๆเขาจะคัดค้านต่อต้านและแสดงออกโดยไม่ได้ตึกรองไว้อย่างรอบคอบ และมักจะต่อว่าคนอื่นหรือหัวหน้าว่าเอางานที่ไร้เหตุผลและไม่เข้าท่ามาให้เขาทำ ดังนั้นมานิตจึงจงใจที่จะหลีกเลี่ยงงานหรือข้อตกลงหรือสัญญาใดๆในการทำงาน เขาจะอ้างเหตุผลเช่นเดิมอยู่เป็นประจำ ทั้งยังจงใจถ่วงเวลาให้ล่าช้าลงไปอีก หรือหากลงมือทำงานก็ทำงานอย่างเสียไม่ได้และไร้คุณภาพ เพราะเป็นงานที่ตนเองไม่อยากทำนั่นเอง ครั้นจะไม่ทำลึกๆก็ยังเคารพและเกรงหัวหน้างานอยู่กระทั่งกลัวว่าตนเองจะไร้ผลงาน เมื่อไหร่ที่มีคนมาแนะนำว่าควรทำงานอย่างไรจึงจะมีคุณภาพ เขาจะรู้สึกโกรธเคืองคนๆนั้นทันที และเมื่อร่วมงานกับผู้อื่นเขาจะขัดขวางความพยายามและความสำเร็จของทีมงานด้วยการไม่ทำงานในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบให้สำเร็จ เขาจะรีรอหรือเก็บงำสิ่งที่ต้องใช้งานในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบไว้ก่อน หรือแกล้งลืมจนงานไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ภาพผู้เขียน เป็นกรรมการตัดสินการประกวดนางสาวไทยปี2563 เมื่อถูกหัวหน้างานตักเตือนเขาจะไม่พอใจและโต้ตอบแบบเงียบๆและเรียบเฉย แต่จะไปวิจารณ์อย่างไรเหตุผลหรือดูถูกเหยียดหยามหัวหน้าหรือผู้ร่วมงานที่เห็นต่างจากตนในที่อื่น นั่นคือมานิตเป็นคนประเภทปากตอบตกลง(yes)แต่ใจต่อต้านและปฏิเสธ(no)จึงผัดวันประกันพรุ่ง ล่าช้า รีรอ และแกล้งหลงลืมจนทำให้งานเสียหายในที่สุด สุดท้ายมานิตในสายตาของหัวหน้างานและผู้ร่วมงานก็จะเป็นผู้ร้ายดื้อเงียบที่คอยถ่วงความเจริญก้าวหน้าของทีมงานและหน่วยงานไม่ให้เจริญรุ่งเรืองด้วยการต่อต้านการทำงานอย่างลึกๆ และทำงานอย่างเสียมิได้ จนภาพรวมออกมาเสียหายนั่นเอง มานิตไปพบจิตแพทย์ด้วยอาการวิตกกังวลและนอนไม่หลับและเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคบุคลิกภาพแปรปรวนแบบดื้อเงียบหรือ passive aggressive personality disorder และมานิตได้รับการรักษาด้วยการทำจิตบำบัดแบบปรับความคิดและพฤติกรรมบำบัด(cbt)และให้ยาลดความเครียดและลดความวิตกกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ภาพผู้เขียน อบรมบุคลิกภาพผู้เข้าประกวดนางสาวเชียงใหม่ นอกจากมานิตแล้วยังมีผู้คนอีกมากมายที่บุคลิกภาพแปรปรวนแบบดื้อเงียบดังกล่าว คนเหล่านั้นจะแฝงเร้นอยู่ตามที่ทำงานและในสังคมและจะเป็นฝ่ายค้านประจำหน่วยงานและประจำสังคม ไม่ว่าองค์กรหรือภาครัฐมีนโยบายใดๆออกมา ก็จะต่อต้านและกล่าวหาว่าไร้เหตุผลและไม่ชอบธรรมไปเสียหมดเช่นนั้นเอง ทั้งๆที่คนส่วนใหญ่ก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับโครงการต่างๆเหล่านั้น แต่คนดื้อเงียบจะต่อต้านและไม่ให้ความร่วมมือใดๆ อย่างไรก็ตามคนที่บุคลิกภาพแปรปรวนแบบดื้อเงียบนี้ ก็ยังดีกว่าบุคลิกภาพแปรปรวนแบบต่อต้านสังคมและก้าวร้าวซึ่งทำความเสียหายให้กับองค์กรและสังคมมากกว่า ซึ่งผู้เขียนจะได้นำเสนอในบทความต่อไป บุคลิกภาพแปรปรวนหรือ personality disorder เป็นหนึ่งในการเจ็บป่วยด้านจิตเวชที่ผู้ป่วยมักไม่เข้าสู่การรักษา เว้นเสียแต่จะได้รับผลกระทบที่ทำให้ตัวเองเครียดและวิตกกังวลในการดำรงชีวิตและการทำงานจึงจะหาทางรักษา ดังนั้นคนที่มีบุคลิกภาพแปรปรวนแบบต่างๆจึงแฝงเร้นอยู่ในสังคมเป็นจำนวนมาก และมักจะมีผลลัพธ์ออกมาทางข่าวสารที่สร้างความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นในรูปแบบต่างๆนั่นเอง บุคลิกภาพแปรปรวนชนิดดื้อเงียบสาเหตุเกิดจากกรรมพันธุ์และการเลี้ยงดูที่ถูกข่มขู่ ไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นอย่างสมเหตุผล ห้ามเถียง ห้ามถาม ให้ทำตามผู้ใหญ่บอกอย่างเดียว เขาจึงเก็บกดอดกลั้นแสดงความต่อต้านแบบเหงียบๆและเรียบเฉยไม่ก้าวร้าวแต่ไม่ทำหรือทำก็ทำแบบเสียไม่ได้นั่นเอง ใครที่มีอาการทำนองที่ผู้เขียนเล่ามา โปรดรีบปรึกษาจิตแพทย์ใกล้บ้านด่วนเพื่อความสงบสุขของท่านเองและหน่วยงานกระทั่งสังคมโดยรวมครับ ภาพผู้เขียน ในงานสัปดาห์หนังสืออุบลราชธานี เนื้อหาอ้างอิงจากหนังสือ holistic personality:บุคลิกพลิกชีวิต โดยผู้เขียนภาพปก : Free-Photos /pixabay รศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสื่อสารสุขภาพจิตและศาสนาปรัชญานักเขียนสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มติชน,อมรินทร์ธรรมะ,ซีเอ็ด,ดีเอ็มจีและวิชบุ๊คประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรwuttipong academy ,ไอดีไลน์ac6555 อัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !