9 ผลเสียไลฟ์สดเสียงดัง ในยามวิกาล เหตุรำคาญส่งผลต่อสุขอนามัย มีอะไรบ้าง? เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนมักมองว่าเสียงดังเป็นเพียงเรื่องของความเคยชินหรือเรื่องของอารมณ์ส่วนตัว แต่ในความเป็นจริงแล้วเสียงดังเป็นหนึ่งในสาเหตุของความรำคาญทางสิ่งแวดล้อมที่รบกวนทั้งร่างกาย สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตของคนรอบข้างอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเสียงดังในยามวิกาล เช่น การไลฟ์สดขายของ เปิดเพลง หรือพูดคุยเสียงดังระหว่างที่คนอื่นกำลังพักผ่อน ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้หลับไม่สนิท แต่ยังทำให้สมองเกิดภาวะตื่นตัวโดยไม่รู้ตัว ระบบประสาทไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ เสียงดังเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องน่ารำคาญค่ะ หากมองในมุมสาธารณสุขแล้วคือมลพิษทางเสียง ที่มีผลต่อสุขอนามัยของชุมชนโดยตรงและต่อเนื่องในระยะยาวนะคะ และสิ่งที่คนทั่วไปมักมองไม่ออกคือ เสียงดังไม่ได้กระทบแค่ผู้ที่อยู่ใกล้ต้นเสียงเท่านั้น แต่ยังแผ่กระจายและสะสมผลกระทบในระดับชุมชน เสียงที่ดังเกินมาตรฐานในช่วงกลางคืนสามารถทำให้เด็กสะดุ้งตื่น ผู้สูงอายุนอนไม่หลับ หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียดได้ และเมื่อเกิดขึ้นซ้ำๆ ความรำคาญเหล่านี้จะสะสมกลายเป็นภาวะเครียดเรื้อรังของทั้งชุมชน หลายคนอาจไม่รู้ว่าเสียงดังจัดเป็นภัยเงียบที่องค์การอนามัยโลกจัดให้เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงต่อสุขอนามัย ที่ไม่ต่างจากอากาศเสียหรือแหล่งน้ำปนเปื้อน นั่นหมายความว่าการไม่ควบคุมระดับเสียงในพื้นที่อยู่อาศัย คือการปล่อยให้สุขอนามัยของคนในชุมชนถูกทำลายไปทีละน้อยโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัวนะคะ เพราะเสียงดังคือเหตุรำคาญที่ส่งผลกระทบต่อคนเราได้ ดังต่อไปนี้ค่ะ 1. รบกวนการนอนหลับของผู้อื่น การไลฟ์สดหรือเปิดเสียงดังในยามวิกาลอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ผลกระทบที่แท้จริงคือการรบกวนการนอนหลับของผู้อื่นในระดับที่ส่งผลต่อสุขอนามัยโดยตรงค่ะ เมื่อร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ สมองจะไม่สามารถเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูได้เต็มที่ ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดสมดุล ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง สมาธิสั้น หรือแม้แต่ภาวะหงุดหงิดง่ายในวันถัดไป คนที่ต้องตื่นเช้าไปทำงานหรือนักเรียนที่ต้องเรียนในตอนเช้าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะการนอนที่ขาดช่วงย่อมทำให้ประสิทธิภาพการทำงานและการเรียนรู้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้การถูกรบกวนซ้ำๆ ยังทำให้วงจรการนอนหลับเสียไป ส่งผลระยะยาวต่อทั้งร่างกายและจิตใจ การนอนหลับเป็นกระบวนการฟื้นฟูตามธรรมชาติของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน การหลั่งฮอร์โมน และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ หากถูกรบกวนจากเสียงดังในยามที่ควรเงียบสงบ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถเข้าสู่ภาวะหลับลึกได้ ซึ่งเป็นช่วงที่สมองจัดระเบียบข้อมูลและลดความเครียด เสียงรบกวนจากการไลฟ์สดจึงไม่เพียงเป็นความรำคาญ แต่เป็นภัยต่อความเป็นอยู่ของผู้คนในระดับครัวเรือนและชุมชน ที่ควรได้รับการตระหนักและจัดการอย่างจริงจังค่ะ 2. เพิ่มความเครียดในชุมชน เมื่อมีการไลฟ์สดหรือเปิดเสียงดังเกิดขึ้นซ้ำๆ ในยามค่ำคืน ไม่ได้สร้างความรำคาญเฉพาะรายบุคคลเท่านั้นนะคะ แต่จะค่อยๆ สะสมกลายเป็นแรงกดดันทางสังคมในชุมชน เสียงที่ดังเกินไปโดยไม่คำนึงถึงเวลาพักผ่อนของคนอื่น ทำให้ความสงบในพื้นที่อยู่อาศัยหายไป ผู้อยู่อาศัยบางรายอาจเริ่มบ่น บางรายอาจโต้เถียงหรือเกิดความขัดแย้งจนบั่นทอนความสัมพันธ์ในละแวกเดียวกัน จากที่เคยทักทายกันด้วยรอยยิ้มก็อาจกลายเป็นการหลบหน้า เพราะความไม่พอใจที่ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งปัญหานี้เมื่อเกิดบ่อยครั้งจะทำให้เกิดบรรยากาศความตึงเครียดในชุมชน ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเชิงอนามัยสิ่งแวดล้อมเสียงดังจัดเป็นมลพิษทางเสียง ที่ไม่ได้เพียงกระทบทางกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังสร้างภาวะเครียดเรื้อรังแก่ผู้ที่ต้องอาศัยในพื้นที่นั้น ความเครียดนี้อาจแสดงออกผ่านอาการนอนไม่หลับ ปวดศีรษะ หรือแม้แต่ความรู้สึกวิตกกังวลโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นสัญญาณของสุขภาพจิตที่เริ่มถูกบั่นทอน การป้องกันจึงไม่ใช่เพียงการควบคุมระดับเสียง แต่คือการฟื้นฟูความเข้าใจร่วมกันในชุมชนให้ทุกคนเห็นว่า ความสงบในยามวิกาล คือ รากฐานของสุขภาวะร่วมที่เราต้องช่วยกันรักษา 3. เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต เสียงดังจากการไลฟ์สดในยามวิกาลส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาทและอารมณ์ของผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เพราะร่างกายของเรามีการตอบสนองต่อเสียงในลักษณะเดียวกับภัยคุกคาม ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ระดับฮอร์โมนความเครียดสูงขึ้น และส่งผลให้สมองตื่นตัวแม้จะพยายามหลับอยู่ก็ตาม เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ทุกคืน สมองจะค่อยๆ สูญเสียสมดุลในการจัดการความเครียด ทำให้คนที่ได้รับผลกระทบรู้สึกหงุดหงิด วิตกกังวล และเริ่มมีอาการของภาวะซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งถือเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่มาจากสิ่งแวดล้อมรบกวนโดยตรง ในทางอนามัยสิ่งแวดล้อมมลพิษทางเสียงถูกจัดให้เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของประชาชนในเมืองใหญ่และพื้นที่ชุมชนหนาแน่น เพราะความเครียดเรื้อรังจากเสียงดังไม่เพียงลดคุณภาพชีวิต แต่ยังเชื่อมโยงกับปัญหาพฤติกรรม เช่น การขาดสมาธิ ความอดทนต่ำ หรือแม้แต่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว การควบคุมระดับเสียงในพื้นที่พักอาศัยจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของมารยาทเท่านั้น แต่เป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันโรคทางใจที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมเสียง ซึ่งควรได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในชุมชน 4. ทำลายสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อยู่อาศัย เสียงดังในยามค่ำคืนจากการไลฟ์สดหรือเปิดเพลงประกอบการขายของ ไม่เพียงสร้างความรำคาญให้ผู้อยู่อาศัยค่ะ แต่ยังทำลายสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมของพื้นที่อยู่อาศัยในเชิงระบบ เพราะเสียงจัดเป็นหนึ่งในปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่ควบคุมความสงบของพื้นที่ ถ้าเสียงรบกวนเกิดขึ้นซ้ำๆ จะทำให้พื้นที่นั้นไม่เหมาะแก่การพักผ่อน ขาดความรู้สึกปลอดภัย และส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้คนโดยรวม บ้านหรือชุมชนที่ควรเป็นพื้นที่ฟื้นฟูพลังกลับกลายเป็นแหล่งมลพิษทางเสียงที่สะสมความเครียดแทน ซึ่งในระยะยาวจะทำให้คนในพื้นที่มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยง เช่น ปิดหน้าต่างแน่น เดินทางหนี หรือใช้เครื่องเสียงกลบเสียง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ซ้ำเติมสิ่งแวดล้อมเสียงให้แย่ลงกว่าเดิม ในมุมมองของอนามัยสิ่งแวดล้อม เสียงดังถือเป็นมลพิษที่กระทบคุณภาพชีวิตโดยตรง เพราะรบกวนการทำงานของร่างกายในระดับสรีรวิทยาและจิตใจ ทำให้พื้นที่อยู่อาศัยไม่ตอบโจทย์สุขภาวะพื้นฐาน เช่น การพักผ่อน การนอนหลับ หรือการสื่อสารในครอบครัว การรักษาสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมจึงไม่จำกัดอยู่แค่ความสะอาดของน้ำหรืออากาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเงียบที่เหมาะสม ซึ่งเป็นองค์ประกอบของสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อการดำรงชีวิตในชุมชนอย่างยั่งยืนค่ะ 5. กระทบต่อกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กและผู้สูงอายุ กลุ่มเด็กและผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มที่มีความไวต่อเสียงมากกว่าคนทั่วไป เสียงดังจากการไลฟ์สดในยามวิกาลอาจทำให้เด็กสะดุ้งตื่น ร้องไห้ หรือนอนไม่หลับ ซึ่งรบกวนกระบวนการพัฒนาทางสมองและร่างกาย ที่ต้องอาศัยการนอนหลับลึกอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้สูงอายุที่มักมีโรคประจำตัว อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากเสียงดัง เพราะเสียงรบกวนทำให้หัวใจเต้นเร็วและเพิ่มระดับความดันโลหิตในทันที การนอนไม่หลับเรื้อรังยังทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุอีกด้วย ผลกระทบเหล่านี้เมื่อสะสมในระยะยาวจะทำให้ทั้งสองกลุ่มเปราะบางมีคุณภาพชีวิตลดลง และกลายเป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขในภาพรวม เพราะต้องได้รับการดูแลรักษาเพิ่มเติม ทั้งจากภาวะเครียดเรื้อรัง นอนไม่เพียงพอ และปัญหาทางร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเสียง การป้องกันมลพิษทางเสียงในชุมชนจึงเป็นเรื่องจำเป็น ที่ไม่เพียงเพื่อความสงบ แต่เพื่อคุ้มครองกลุ่มเปราะบางที่ต้องการสิ่งแวดล้อมเงียบสงบ และเพื่อฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจในแต่ละวันค่ะ 6. ทำลายภาพลักษณ์ของชุมชนและสิ่งแวดล้อมโดยรวม การไลฟ์สดหรือเปิดเสียงดังในยามวิกาลอาจดูเหมือนเป็นเพียงพฤติกรรมส่วนบุคคล แต่ในระดับภาพรวมสามารถทำลายภาพลักษณ์ของชุมชนได้อย่างรุนแรงค่ะ เสียงดังที่เกิดขึ้นเป็นประจำสร้างภาพจำว่าพื้นที่นั้นไม่น่าอยู่ ขาดระเบียบ และไม่มีการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้มาเยือน ผู้ประกอบการ หรือแม้แต่คนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ เมื่อข่าวสารหรือคลิปเสียงดังยามค่ำคืนถูกเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ก็อาจทำให้ชื่อเสียงของพื้นที่เสื่อมเสียและกลายเป็นจุดที่คนไม่อยากเข้าไปอยู่หรือทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนอีกต่อไป ในมุมของสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข เสียงดังถือเป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตในชุมชนที่สำคัญ เพราะพื้นที่ที่สงบ สะอาด และเป็นระเบียบจะสะท้อนถึงการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีของท้องถิ่น การปล่อยให้เสียงดังในยามวิกาลเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยไม่มีการควบคุมจะทำให้สิ่งแวดล้อมโดยรวมเสื่อมโทรมลง ทั้งในเชิงกายภาพ เช่น ความรบกวนต่อผู้อยู่อาศัยและสัตว์ในพื้นที่ และเชิงสังคม เช่น ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนที่แย่ลง ดังนั้นการรักษาความสงบของชุมชนจึงไม่เพียงเป็นเรื่องของมารยาทหรือการบังคับใช้กฎหมาย แต่ยังเป็นการปกป้องภาพลักษณ์ด้านสุขอนามัยสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลต่อความน่าอยู่และความยั่งยืนของพื้นที่ในระยะยาวค่ะ 7. เพิ่มภาระต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น เมื่อเกิดปัญหาเสียงดังในยามวิกาลจากการไลฟ์สดหรือการใช้เครื่องเสียง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นมักต้องเข้าไปตรวจสอบและระงับเหตุ ซึ่งเป็นภารกิจที่นอกเหนือจากงานหลักด้านการส่งเสริมสุขภาพและดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชน การร้องเรียนที่เพิ่มขึ้นจากประชาชนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลาในการลงพื้นที่กลางคืน ประสานงานกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานท้องถิ่นอื่นๆ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งไม่เพียงเพิ่มภาระงาน แต่ยังเสี่ยงต่อความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการที่ไม่เข้าใจกฎหมายเกี่ยวกับมลพิษทางเสียงอีกด้วย ซึ่งผลกระทบนี้ยังส่งต่อไปถึงระบบบริหารงานของท้องถิ่น เพราะต้องจัดสรรบุคลากรและงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับปัญหาเสียงดังซ้ำซากที่ควรถูกป้องกันตั้งแต่ต้น หากไม่มีมาตรการชัดเจน เจ้าหน้าที่จะต้องทำงานแบบตามแก้ปัญหามากกว่าการป้องกัน ซึ่งขัดกับหลักการของสาธารณสุขเชิงรุกที่เน้นการควบคุมปัจจัยเสี่ยงก่อนเกิดโรคหรือผลกระทบ ดังนั้นการลดมลพิษทางเสียงในชุมชน จึงไม่ใช่เพียงการรักษาความสงบ แต่เป็นการช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ทำให้สามารถนำทรัพยากรไปพัฒนาโครงการด้านสุขอนามัยอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 8. ส่งผลต่อสมดุลของสิ่งแวดล้อมทางเสียง เสียงดังจากการไลฟ์สดในยามวิกาลถือเป็นการรบกวนสมดุลของสิ่งแวดล้อมทางเสียง ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมที่หลายคนมักมองข้าม โดยทั่วไปเสียงในชุมชนจะมีระดับที่ร่างกายและจิตใจของคนสามารถปรับตัวได้ เช่น เสียงลม เสียงนก หรือเสียงพูดคุยเบาๆ แต่เมื่อมีเสียงจากลำโพงหรือไมค์ที่ดังเกินระดับมาตรฐานเข้ามาแทรกในช่วงเวลาพักผ่อน โดยเฉพาะในตอนกลางคืน สมดุลทางเสียงของพื้นที่จะถูกทำลายทันที ซึ่งเสียงที่ดังเกิน 45 เดซิเบลในเวลากลางคืนอาจรบกวนวงจรการนอนหลับ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและสมองตื่นตัวโดยไม่รู้ตัว ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ในระยะยาว นอกจากนี้มลพิษทางเสียงยังส่งผลต่อระบบนิเวศรอบตัว เช่น สัตว์เลี้ยงที่ตกใจง่าย สุนัขเห่าตลอดคืน หรือแม้แต่นกที่เปลี่ยนเวลาหากินเพราะถูกรบกวนจากเสียง จึงไม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังรวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ร่วมในพื้นที่เดียวกัน การดูแลสมดุลของสิ่งแวดล้อมทางเสียงจึงเป็นหน้าที่ร่วมกันของคนในชุมชน เพื่อรักษาความเงียบและความสงบซึ่งเป็นทรัพยากรเสียงธรรมชาติให้คงอยู่ เป็นสภาวะเสียงที่เหมาะสมกับการพักผ่อนและการดำรงชีวิตของทุกสิ่งในพื้นที่อย่างยั่งยืนค่ะ 9. ลดคุณภาพชีวิตโดยรวมของคนในพื้นที่ เมื่อเสียงดังในยามวิกาลจากการไลฟ์สดกลายเป็นเรื่องปกติในชุมชน คุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่จะค่อยๆ ลดลงโดยไม่รู้ตัว เพราะสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการพักผ่อนทำให้ร่างกายและจิตใจไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ การนอนไม่พอส่งผลให้เกิดอาการอ่อนล้า สมาธิสั้น และขาดแรงจูงใจในการทำงานหรือเรียนรู้ในวันถัดไป ความเครียดสะสมจากเสียงรบกวนยังทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแย่ลง เพราะคนในบ้านอาจหงุดหงิดง่ายหรือโต้เถียงกันบ่อยขึ้น เสียงดังที่ต่อเนื่องจึงไม่ได้กระทบแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่บั่นทอนสุขภาวะโดยรวมในทุกมิติของชีวิตประจำวัน ในด้านสาธารณสุขการมีคุณภาพชีวิตที่ดีหมายถึงการมีสิ่งแวดล้อมที่สงบ ปลอดภัย และเอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างมีสมดุล เมื่อเสียงดังจากกิจกรรมส่วนบุคคลอย่างการไลฟ์สดสร้างผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ ความสงบสุขจะถูกแทนที่ด้วยความวุ่นวายและความเครียดเรื้อรัง คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อาจเริ่มรู้สึกไม่อยากอยู่บ้าน ต้องหาที่พักชั่วคราวหรือย้ายถิ่นฐานในที่สุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามลพิษทางเสียงไม่ใช่แค่ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สุขภาวะชุมชนเสื่อมถอยลง และลดทอนความน่าอยู่ของพื้นที่ในระยะยาว ที่โดยสรุปแล้วเสียงดังในยามวิกาลไม่ได้เป็นเพียงความรำคาญใจค่ะ แต่คือปัญหามลพิษทางเสียงที่ส่งผลต่อสุขอนามัยของคนในชุมชนอย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อมโดยรอบ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเสียงจากการไลฟ์สด ขายของ เปิดเพลง หรือจัดกิจกรรมที่มีระดับเสียงเกินมาตรฐาน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่คนส่วนใหญ่ต้องการพักผ่อน สามารถรบกวนวงจรการนอนหลับของผู้อื่นได้โดยตรง เมื่อร่างกายไม่ได้นอนเต็มที่ สมองจะไม่สามารถฟื้นฟูพลังงานได้ตามปกติ ทำให้เกิดความเครียดสะสม หงุดหงิดง่าย และมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ความดันโลหิตสูง ภูมิคุ้มกันลดลง หรือภาวะซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า เสียงรบกวนที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรงนั้นสามารถทำลายคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนได้มากกว่าที่คิด ในแง่ของการจัดการตามหลักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เสียงดังถือเป็นมลพิษที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สำนักงานสาธารณสุข หรือกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งได้กำหนดระดับเสียงที่เหมาะสมไว้ชัดเจน โดยในเวลากลางคืนไม่ควรเกิน 45 เดซิเบล หากประชาชนพบว่ามีการเปิดเสียงดังเกินไป หรือมีการไลฟ์สดที่รบกวนผู้อื่นเป็นประจำ สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล หรือสายด่วนกรมควบคุมมลพิษ 1132 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป การร้องเรียนลักษณะนี้ไม่ใช่การสร้างความขัดแย้ง แต่เป็นการปกป้องสิทธิของทุกคนในชุมชนให้ได้รับสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบและเหมาะสมต่อการพักผ่อน ซึ่งถือเป็นสิทธิพื้นฐานด้านสุขอนามัยของประชาชน ตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ว่า “เหตุอันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียง” เช่น เสียง แสง กลิ่น เป็นต้น ถือเป็น “เหตุรำคาญ” ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบสามารถร้องเรียนได้ ดังนั้นหากเราได้ยินเสียงดังเกินควรในยามวิกาล ไม่ว่าจะมาจากการไลฟ์สด ขายของ หรือกิจกรรมใดก็ตาม ควรเข้าใจว่านั่นคือปัญหาที่มีผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้คนในพื้นที่ การพูดคุยอย่างสุภาพเพื่อให้ผู้ก่อเหตุรับรู้ หรือการแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้ดำเนินการตามระเบียบ เป็นแนวทางที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากกว่าการโต้เถียงกันโดยตรง เพราะในท้ายที่สุดความเงียบในยามพักผ่อน คือส่วนหนึ่งของสุขภาวะที่ดีที่ทุกคนในสังคมมีสิทธิ์ได้รับอย่างเท่าเทียม การเคารพสิทธิของกันและกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างระดับเสียง จึงเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบและยั่งยืนในทุกชุมชนค่ะ #เหตุรำคาญ #มลพิษทางเสียง #ปัญหาการใช้เสียง #อนามัยสิ่งแวดล้อม #EnvironmentalHeath เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก AI Generated และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1, ภาพที่ 3 AI Generated โดยผู้เขียน, ภาพที่ 2 ถ่ายภาพโดย Mario Heller จาก Unsplash และภาพที่ 4 ถ่ายภาพโดย Creativeart จาก FREEPIK เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 7 ตัวอย่างเหตุรำคาญในชุมชน ที่ส่งผลเสียและคุกคามสุขภาพได้ 10 ผลกระทบจากมลพิษทางเสียง ต่อสุขภาพจิตของคนเรา มีอะไรบ้าง 9 เทคนิคจัดการสุขอนามัย สร้างนิสัยดีๆ ที่ทำได้ง่ายในทุกวัน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !