ตั้งแต่วัยสาวจนวัยทำงาน จนตอนนี้เข้าเลขสามปลาย ๆ ก็เพิ่มทราบว่า ผิวหน้าเราจำเป็นต้องใช้ Sleeping mask และเพราะอะไรเราถึงใช้ sleeping mask เราเชื่อว่าผู้หญิงกว่าร้อยละ 80 ต้องมีประสบการณ์การเข้ารักษาผิวหน้าแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคลินิก หรือ ร้านความงามใด ๆ ก็ตาม เราเป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ใน 80% นั้น ยอมรับว่าลงทุนกันการรักษาปัญหาผิวหน้ามาก็เป็นตัวเลขหกหลัก จนกระทั่งตอนนี้ผิวหน้าเริ่มเข้าที่ แต่ก็ยังมีอยู่อย่างหนึ่งที่ยังไม่สามารถช่วยได้ คือความสดใส เครดิตภาพ : Alexas_Fotos จาก Pixabay เราค่อนข้างผอมดังนั้นหน้าก็จะโทรมง่ายหากขาดการบำรุง เวลาดูตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่า เราแก่กว่าวัยมาก เราเน้นเขาคอร์สเพื่อเพิ่มความหนาเด้ง หน้าใส แต่ยังงัยก็ดูหน้าโทรม คือตัวเราเองรู้สึกได้บ้าง และพอเริ่มมีคนมาทักว่าเข้าคอร์สไปไม่ได้มีประโยชน์เลย เสียเงินไปเปล่า ๆ ไม่เห็นดีขึ้นเลย เราเริ่มทุกข์ใจมาก เครดิตภาพ : Gerd Altmann จาก Pixabay เราไปที่คลินิกที่เราใช้บริการอยู่ประจำ และบังเอิญวันนั้นคุณหมอเจ้าของเข้ามาพอดี เราขอพบคุณหมอเพื่อให้คุณหมอช่วยแต้มสิว พอแต้มสิวเรียบร้อย คุณหมอถามว่า ทุกวันนี้ใช้ครีมก่อนนอนแบบไหนบ้าง เราก็เริ่มเรียงตั้งแต่ ล้างหน้า, โทนเนอร์, first serum, eye cream, moisturizer และ นอน คุณหมอบอกว่า ปริมาณการทา moisturizer แค่ไหน เราบอกก็ปกติที่เคยทา เหมือนตอนกลางวัน คุณหมอบอกว่า ไม่ได้ละ คือหน้าเราดูโทรม ไม่สดใส ให้ไปหา night cream หรือถ้าไม่ชอบทา ก็ไปเอา sleeping mask มาใช้ก็ได้ ไม่ต้องใช้ของคลินิกหมอ เพราะดูจะแพงไป ให้ไปหายี่ห้อที่ชอบ จากเมือกหอยทากจะดีมาก แล้วก็ทาให้ฉ่ำหน้า เครดิตภาพ : RitaE จาก Pixabay คือ คุณหมอแนะนำว่า การทาครีมบำรุงในตอนกลางคืนสำคัญการทาตอนกลางวันเพราะช่วงกลางคืน ผิวหน้าได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องไปผจญสภาวะมลพิษต่าง ๆ ดังนั้น ไม่ต้องกลัวมัน เน้นว่าเป็น sleeping mask จะดีมาก ทาเข้าไปเอาแบบฉ่ำหน้า ทำแบบนี้ไปประมาณ 3 เดือนแล้วมาดูผล เครดิตภาพ : silviarita จาก Pixabay ปรากฏว่า ไม่ต้องรอ 3 เดือนอย่างคุณหมอว่าเลย แค่เดือนครึ่งก็มีคนทักแล้วว่า หน้าเราดูสดใส หน้าดูไม่โทรม ตอนแรกก็งกหน่อย ไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา แต่พอมีมาทักบ่อยเข้าเราก็บอกวิธีที่คุณหมอแนะนำมาให้ งานนี้ต้องขอบคุณคุณหมอมากที่ทำให้หน้าโทรมอย่างเรา กลับมาเป็นหน้าสดใสได้ เครดิตภาพปก : melancholiaphotography จาก Pixabay