.." การคิดบวกในมุมมองของผู้เขียน คือการคิดในแง่มุมที่ดีอย่างมีเหตุผลที่ถูกต้องตามหลักความเป็นจริงของธรรมชาติ เหตุการณ์ต่างๆในชีวิตที่เกิดขึ้น บางเรื่องราวทำให้เรารู้สึกทุกข์ใจ ใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างไม่มีความสุข หลายต่อหลายครั้ง ที่ทำให้เรารู้สึกเหนี่อยกับวิธีการดำเนินชีวิตแบบที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ แต่ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปถ้าเราเรียนรู้ที่จะคิดบวก เพราะความคิดของเรานั้นมีผลกระทบต่อทุกด้านของชีวิตเรามาก การคิดบวกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยประคับประครองนำพาให้ชีวิตเรา เป็นไปในทิศทางบวกได้ ทำให้เราเรามองสิ่งต่างๆในมุมมองที่ดีขึ้น อีกทั้งสุขภาพของเราจะดีขึ้นตามไปด้วย วันนี้ผู้เขียนมีวิธีฝึกเป็นคนคิดบวกมาฝากกัน เพื่อนำไปฝึกฝน ค่อยๆฝึกกันไปนะคะ พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ "..1. ฝึกเป็นคนมีทัศนคติที่ดี.." การฝึกเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีนั้น เป็นการฝึกกระบวนการทางความคิด เพราะทัศนคติคือท่าทีที่แสดงออกมาจากภายในจากความรู้สึกต่อเหตุการณ์นั้นๆ เป็นการฝึกจัดลำดับความคิด ฝึกสร้างความรู้สึกที่ดีที่มีต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทัศนคติที่ดีไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้เอง เราต้องฝึกฝนกันนะคะ ยกตัวอย่างเช่นในเรื่องการทำงาน เราคิดลบกับนายจ้างจนทำให้เราคิดลบกับงานที่เราทำไปด้วย เมื่อเราคิดลบกับงานของเราก็ไม่ได้ทำให้นายจ้างดีขึ้น และอย่างเรื่องค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง ให้เราเตรียมใจเอาไว้เลยแม้จะรู้สึกฝืนก็ตาม ให้คิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นโอกาสให้เราได้หาวิธีลดค่าใช้จ่ายต่างๆลงอย่างสร้างสรรค์และสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินมาก เป็นต้น "..2. ไม่โทษตัวเองและผู้อื่น.." เมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้นหลายคนมักจะโทษตัวเอง ให้คุณพยายามอย่าโทษตัวเอง พยายามคิดหาคำตอบว่าเราผิดพลาดหรือบกพร่องตรงไหน แล้วแก้ไขปัญหานั้นดีกว่า ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุและผลอยู่แล้วควรหาเหตุให้เจอ ถ้าปัญหาเกิดจากตัวคุณเองควรคิดแล้วว่าเราบกพร่องตรงไหนแล้วควรคิดหาวิธีแก้ไขหรือปัญหาที่เกิดจากผู้อื่นเราก็ควรคิดว่าเขาบกพร่องตรงไหนแล้วหาวิธีแก้ไข ควรโฟกัสและสนใจกับวิธีแก้ปัญหาให้มากกว่าการคิดโทษตัวเองหรือโทษผู้อื่นว่าไม่ควรทำอย่างโน้นทำอย่างนี้เพราะความผิดที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตนั้นได้ ถ้าคิดโทษตัวเองหรือผู้อื่นก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหานั้นได้เช่นกัน อาจจะยิ่งเพิ่มพลังงานลบเข้าไปอีกจนทำให้ปัญหานั้นยากที่จะแก้ไขได้นะคะ "..3. ไม่ยึดติดหรือจมอยู่กับความคิดลบ.." เราไม่ควรยึดติดหรือคาดหวังกับเรื่องใดมากจนเกินไป ให้มองตามหลักความเป็นจริงตามธรรมชาติ ตามเหตุและผล และเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า อย่างเช่นไม่พยายามคาดหวังให้บุคคลนั้นเป็นไปตามที่เราต้องการ ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกัน พยายามอย่ามานั่งเสียใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ ให้คิดว่าเหตุการณ์เหล่านี้ได้สอนอะไรเราบ้าง สอนให้เราเรียนรู้และเข้าใจจิตใจของคนที่เราทะเลาะด้วย เพราะบางครั้งการทะเลาะมักเกิดจากการไม่พูดในสิ่งที่เราอยากพูดหรือพูดแล้วแต่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นการทะเลาะก็เหมือนการแลกเปลี่ยนความรู้สึกความคิดเห็นและเข้าใจของคู่ทะเลาะมากยิ่งขึ้นว่าเขาเป็นคนแบบไหนไม่ชอบเรื่องอะไร ก็หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะกันอีกนะคะ "..4. อยู่ใกล้บุคคลที่มีพลังบวก.." จะทำให้เราซึมซับพลังบวกจากเขาได้ คนที่คิดบวกเมื่อเราอยู่ใกล้เขา เราจะรู้สึกดีและได้รับพลังบวกจากเขา เรียนรู้วิธีคิดแบบเขา เขามักจะมีคำพูดที่ดีและการถ่ายทอดอารมณ์ที่ดีมาให้เรา นอกจากนี้ยังทำให้เรารู้สึกสบายใจสามรถพูดคุยกับเขาได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข เพราะผู้คนรอบข้างที่คิดบวกจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่มากๆเลยนะคะ "..5. หากิจกรรมคลายเครียดเมื่อเกิดอาการเครียด.." กิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดได้ อย่างเช่น เล่นดนตรี ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นกีฬา เต้น ดูรายการตลก ดูซีรี่ย์ เป็นแฟนคลับศิลปินที่เราชื่นชอบ เหล่านี้เป็นกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดได้อย่างดีเลยนะคะ เสียงดนตรี เสียงหัวเราะ และความสดใสของศิลปินที่เราชื่นชอบ ช่วยให้เราอารมณ์ดีและมีความสุขได้ เพราะฉะนั้นเมื่อใดที่เราเกิดความเครียดเราจะคิดลบโดยอัตโนมัติทันที พยายามอย่าเครียด เมื่อรู้ว่าเรากำลังเครียดให้หาวิธีคลายเครียดกันนะคะทุกคน เวลาที่เรามีความสุขเราก็จะกลายเป็นคนคิดบวกได้ค่ะ "..6. ปรับเปลี่ยนอารมณ์โกรธ.." เมื่อใดที่เรากำลังอยู่ในอารมณ์ที่โกรธ การกระทำที่แสดงออกมาจะเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งด้วยวาจาหรือการกระทำอย่างใดก็ตามแล้วเป็นไปในทางลบทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อเรารู้สึกว่าเรากำลังโกรธให้ตั้งสติก่อนนะคะแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆหายใจออกช้าๆ ฝึกให้ใจเย็นลง ควบคุมสติให้ได้ หรือโดยออกจากสถานการณ์นั้นก่อนก็ได้เพื่อลดการปะทะหรือพบหน้ากันซึ่งเป็นเหตุของการกระตุ้นความโกรธนั้น ความโกรธจะทำให้เราคิดลบทันที ควรปรับเปลี่ยนอารมณ์โกรธให้เร็วที่สุด และให้คิดว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญได้สอนอะไรเรา ให้เราเรียนรู้เรื่องอะไร "..7. เวลาแห่งความทุกข์ไม่ได้ยั่งยืนตลอดไป.." ให้เราคิดว่าช่วงเวลาแห่งความทุกข์ก็เหมือนฤดูกาลที่เกิดขึ้นแล้ว เดี๋ยวฤดูกาลนั้นก็ผ่านพ้นไป ไม่ได้มีอยู่ตลอดไป ถ้าเราคิดแบบนี้ก็จะทำให้เราไม่จมอยู่กับความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ต้องเสียเวลาหรือใช้เวลาเยอะจนเกินไปที่จะมานั่งเสียใจ นอกจากจะแก้ไขปัญหานั้นไม่ได้แล้ว ยังมีผลเสียต่อสุขภาพของเราอีกด้วย ดังนั้นเรามีความสุขได้แม้ในสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกข์ใจ ย่อมขึ้นอยู่กับความคิดของเราทั้งนั้นนะคะทุกคน ให้พยายามคิดบวกไว้ก่อน อย่างน้อยเราก็ยังได้อะไรบ้างจากเหตุการณ์นั้นๆ "..8. ยอมรับในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ตามที่เราคิด.." ไม่มีใครไม่เคยผิดหวังจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องงาน หรือเรื่องความรัก ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดาหรือโดยธรรมชาติที่มีอยู่ของสิ่งนั้นๆ ถ้าเรายอมรับและเข้าใจ พร้อมจะเรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น หาวิธีแก้ไขปัญหา หาวิธีคิดใหม่จากความคิดเดิม อย่างเช่น เราคิดแล้ว ลงมือทำ แล้วก็ผิดหวังเพราะผลที่เกิดขึ้นไม่ได้ตรงตามเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ ดังนั้นก็คิดใหม่ ลงมือทำใหม่ ทำไปเรื่อยๆจนเราสมหวังอย่างที่หวังไว้ ไม่มีสิ่งใดจะไม่สมหวังหรอกค่ะทุกคน ถ้าเรายังไม่หยุดที่จะทำสิ่งเหล่านั้นต่อไป "..9. อย่านำความรู้สึกกับเรื่องต่างๆมาเป็นเรื่องส่วนตัว.." ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเราโดยตรงหรือเป็นเรื่องของผู้อื่นก็ตาม เราไม่ควรนำมาคิดนะคะ หรืออย่างเช่น เรื่องข่าว เรื่องในละคร ซีรี่ย์ หรือเรื่องเล่าจากกลุ่มคน เป็นต้น เราฟังได้ รับรู้ได้ ว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นมาอย่างไร แต่เราไม่ควรอินจนเกินไป แค่รับรู้ก็พอแล้วค่ะทุกคน "..10. มีวินัยในการคิดบวก.." ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญมากนะคะทุกคน การมีวินัยคือการกระทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าการคิดบวกไม่ได้เกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่วินาที แต่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ค่อยๆฝึกฝนให้เป็นวินัยและติดเป็นนิสัยของเราไปเลย ดังนั้นไม่ว่าปัญหาหรือสถานการณ์ใดที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ตัวคุณเองเท่านั้นที่เป็นคนเลือกตัดสินใจว่า คุณจะคิดบวกกับสถานการณ์นั้นๆหรือไม่ ไม่มีใครมาบังคับคุณได้ เพราะการคิดบวกหรือการคิดลบนั้น จะกลายเป็นท่าทีหรือการกระทำที่เราแสดงออกมาด้วยความรู้สึกที่มีต่อสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งการแสดงออกมาจะมีผลที่แตกต่างกันนะคะ คิดลบก็จะแสดงออกในทางลบ ส่วนคิดบวกก็จะแสดงออกในทางบวก ผลก็จะเกิดจากการที่เราคิดนั้นเองค่ะ "...." เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะทั้ง10 วิธีนี้ ผู้เขียนคิดว่าจะเป็นประโยชน์ให้ผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยนะคะ เพื่อไว้เป็นแนวทางหรือวิธีสร้างความคิดบวกให้กับตัวเองกันค่ะ ข้อดีของการใช้ชีวิตที่คิดบวกมีมากมายนะคะ และยังมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายของเราด้วย มาฝึกคิดบวกกันดีกว่าชีวิตจะได้ดำเนินไปในทิศทางบวก ทำให้เรากลายเป็นคนที่รักตัวเองมากขึ้น เข้าใจชีวิต เข้าใจวิธีแก้ไขปัญหาโดยไม่ใช้อารมณ์ มีเหตุผลมากขึ้น อารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส สดใสทุกวัน ค่อยๆฝึกฝนกันไปเรื่อยๆนะคะ แล้วการใช้ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไป เห็นคุณค่าของการใช้ชีวิต และมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นด้วยตัวเราเองค่ะทุกคน "..เครดิตภาพหน้าปก (Masukazaเจ้าของบทความ)ภาพประกอบทั้งหมดโดย (Masukasaเจ้าของบทความ)อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !