ภาพปกจากpixabay ในอดีตสังคมไทยเป็นสังคมที่มีการลำดับชั้นฐานะทางสังคมอย่างซับซ้อน ทั้งลำดับโดยความอาวุโส ชาติกำเนิด หรือหน้าที่การงาน เป็นต้น นอกเหนือจากความซับซ้อนทางลำดับฐานะแล้วมักจะมีคติชนความเชื่อในการใช้ชีวิตโดยยึดตามหลักทางศาสนาหรือหลักการตกทอดทางยุคสมัย ก่อนจะกล่าวตักเตือนมักจะมีคำติดปากว่า “โบราณท่านว่าไว้” ซึ่งโบราณในที่นี้มิได้หมายถึงตัวบุคคล แต่หมายถึงหมู่ชนผู้เกิดมาก่อนหรือบรรพบุรุษนั่นเอง จากความซับซ้อนและแนวคิดดังกล่าวนั้น ทำให้สังคมไทยในอดีตมักมีกรอบกำหนดหรือนิยามสำหรับเรื่องต่าง ๆ ไว้อย่างเป็นแบบแผนตายตัว โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง ที่ในอดีตผู้ชายจะมีสิทธิและศักดิ์ที่สูงกล่าวผู้หญิงในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นนิยามและปรัชญาในการใช้ชีวิตของผู้หญิงจึงมาจากความพอใจของผู้ชายเป็นหลัก หากจะพูดถึงผู้หญิงแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงนิยามเรื่องความงาม ซึ่งถูกบันทึกสอดแทรกไว้กับถ้อยคำสอน สุภาษิต คำพังเพย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้ นิยามความงามจากการแต่งกาย ภาพจากpixabay การแต่งกายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับหญิงไทยในอดีตเป็นอย่างมากเพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายดูหมดจดงดงามแล้ว ยังเป็นการสะท้อนถึงมารยาท การรู้จักกาลเทศะ และการศึกษา ซึ่งนิยามความงามจากการแต่งกายนี้มีปรากฏในสุภาษิต คำพังเพยว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” ซึ่งสำนวนนี้สะท้อนว่าควรเอาใจใส่ในการแต่งกายให้ดูงาม หรือหนึ่งในวรรคทองของบทกลอนสุภาษิตสอนหญิงที่แต่งโดยสุนทรภู่ บ้างก็ว่าแต่งโดยนายภู่ จุลละภมร ซึ่งเป็นศิษย์ของสุนทรภู่ ที่ว่า “จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน” หมายความว่าควรนุ่งห่มหรือแต่งกายให้เหมาะกับสถานภาพทางสังคมของตนจึงจะดูงาม ภาพจากpixabay และ “จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน” กลอนวรรคนี้ค่อนข้างจะนิยามเรื่องการใช้เครื่องสำอางอย่างชัดเจนว่าไม่ควรมากเกินไป ควรดูความเหมาะสมตามผิวเนื้อของตน นิยามความงามจากการแต่งกายนี้ไม่ค่อยมีความซับซ้อนมากนัก สามารถสรุปได้ว่าแต่งกายตามสมัยนิยม สังคมทั่วไปนิยม และสามีนิยมนั่นเอง นิยามความงามจากภายใน (จากแนวคิด) ความละเอียดอ่อนและพิถีพิถันของคนไทยในอดีต ทำให้การนิยามความงามนั้นไม่ได้จำกัดไว้เพียงภายนอกร่างกายเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมและให้ความสำคัญไปถึงจิตใจอีกด้วย จะเห็นได้จากคำกล่าวที่ว่า ภาพจากpixabay “สวยแต่รูปจูบไม่หอม” สำนวนนี้ชี้ให้เห็นว่าต่อให้ผู้หญิงนั้นสวยเพียงใดก็ตามหากจิตใจไม่ดีแล้วก็มิอาจถือว่างามได้ ภาพจากpixabay “เสน่ห์ปลายจวัก” ที่ให้นิยามความงามถึงผู้หญิงที่ทำอาหารเก่ง แต่หากมองให้ลึกซึ้งแล้วสำนวนนี้หมายรวมถึงการเป็นผู้มีจิตอาสา มีน้ำใจบริการอีกด้วย เนื่องจากในอดีตคนไทยใช้จวักตักแกง ผู้หญิงที่นั่งข้างหม้อแกงคอยถือจวักตักให้คนอื่นนั้นถือว่ามีน้ำใจงาม อีกนัยหนึ่งอาจหมายถึงไม่หวงของกิน นิยามเรื่องความงามจากภายในนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรมทางสังคมเป็นหลัก ภาพจากpixabay แม้นิยามความงามของผู้หญิงในบริบทสังคมไทยในอดีตจากคำสอน สุภาษิต คำพังเพยจะมีมากมายหลายอย่าง แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกนิยามคือความปรารถนาให้ผู้หญิงเป็นในสิ่งที่ผู้ชายหรือผู้มีสถานภาพสูงในสังคมอยากให้เป็น ผู้หญิงในอดีตจึงเป็นกุหลาบดอกสวยที่ถูกย้อมสีด้วยปรารถนาของบุรุษเพศมาเนิ่นนาน ในปัจจุบันนิยามความงามของผู้หญิงถูกนิยามขึ้นด้วยสิทธิเสรีธรรมของเธอ โดยปราศจากขอบเขตหรือพรมแดนใด ผู้หญิงคือหนึ่งในเพศสภาพที่สำคัญในการขับเคลื่อนฟันเฟืองแห่งมนุษยชาติให้วิวัฒน์พัฒนาสืบไป