ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร หรือเคอร์ฟิวทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) ให้ยุติลงได้โดยเร็ว ซึ่งสาระสำคัญของการประกาศเคอร์ฟิว คือ ห้ามออกจากบ้านระหว่างเวลา 22.00 - 04.00 น. และจำกัดการเคลื่อนย้ายผู้คนเข้า-ออกประเทศไทย สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องประกาศเคอร์ฟิว เพราะในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เกิดการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง และรวดเร็วในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ จากการสอบสวนโรคทำให้ทราบว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนหนึ่งมีลักษณะติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน โดยได้รับเชื้อมาจากการไปสถานบันเทิง สนามมวย และสถานบริการ ซึ่งสถานที่เหล่านี้เป็นการรวมตัวของผู้คนจำนวนมากในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้น เพื่อเป็นการยุติการแพร่ระบาดของโรคอย่างเบ็ดเสร็จและเด็ดขาดจึงต้องมีการประกาศเคอร์ฟิวในช่วงเวลาดังกล่าว // เครดิตภาพประกอบ (ฟรี) จาก Canva Application // ภายหลังจากการประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายที่มีบทลงโทษที่ชัดเจน คือ ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินมาตรการทางสาธารณสุข เช่น สร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน ค้นหาผู้ป่วย แยกผู้ป่วย ดูแลรักษาผู้ป่วย สอบสวนโรคโดยเร็ว ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยให้ครบถ้วน ป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล รณรงค์ให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย และส่งเสริมการล้างมือบ่อย ๆ ฯลฯ รวมทั้งมาตรการทางสังคม เช่น หลีกเลี่ยงการออกมาในพื้นที่สาธารณะ ลดความแออัดในสถานที่สาธารณะ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ทำงานจากที่บ้าน เหลื่อมเวลาทำงาน และปิดสถานที่สาธารณะบางแห่ง ฯลฯ จากการดำเนินมาตรการดังกล่าวนี้อย่างจริงจัง ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 50 - 60 คน // ภาพประกอบจากศูนย์ข้อมูล COVID-19 // จากการแถลงข่าวประวันของกระทรวงสาธารณสุข ประจำวันที่ 10 เมษายน 2563 นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ให้แง่คิดที่ดีมากเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ สรุปได้ว่า ถึงแม้ช่วงเวลานี้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลง แต่มาตรการต่าง ๆ ยังคงต้องดำเนินอยู่ เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโรค และลดจำนวนผู้ป่วยให้ลดลงมากที่สุด โดยจะวางใจในสถานการณ์ได้ก็ต่อเมื่อ ไม่พบผู้ป่วย 14 วันหลังจากพบผู้ป่วยคนสุดท้าย อย่างไรก็ดี เนื่องจากโรคโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ และเป็นโรคที่ระบาดได้รวดเร็ว จึงประมาทหรือวางใจไม่ได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่สนามมวย และสถานบันเทิง เป็นกรณีศึกษาที่ดี เพราะระยะเวลาที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนเพียงสั้น ๆ แต่ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 70 - 80 คน ทั้งนี้ เรื่องการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ นั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันพิจารณาอย่างใกล้ชิด // เครดิตภาพประกอบ (ฟรี) จาก Canva Application // อย่างไรก็ดี แม้จะมีการใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มข้น แต่ยังคงพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในบางพื้นที่ ซึ่งยังมีการรวมกลุ่มของผู้คน เช่น แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี และภูเก็ต รวมทั้งผู้ที่ยังคงปฏิบัติศาสนกิจร่วมกัน ดังนั้น เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เราทุกคนจึงควรออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน เพราะการที่ผู้คนจำนวนมากมารวมกัน แล้วมีผู้ติดเชื้อปะปนเข้าไป ย่อมจะทำให้เกิดการระบาดของโรคเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ควรเว้นระยะห่างทางสังคม งดการพบปะสังสรรค์แบบใกล้ชิด แต่ติดต่อสื่อสารกันผ่านเทคโนโลยีต่าง ๆ ทนแทนจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ขอความร่วมมือทุกคนปฏิบัติตามประกาศ และคำสั่งของจังหวัดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของตนเอง คนในครอบครัว และสังคมไทย รวมทั้งให้ความร่วมมือจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว เพื่อที่พวกเราทุกคนจะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเช่นที่ผ่านมา