รีเซต

‘มิโด’ (Mido) เอาใจเหล่านักเดินทาง กับคอลเลกชั่น Multifort Dual Time บอกเวลาได้ 2 ไทม์โซน

‘มิโด’ (Mido) เอาใจเหล่านักเดินทาง กับคอลเลกชั่น Multifort Dual Time บอกเวลาได้ 2 ไทม์โซน
Faii_Natnista
18 ธันวาคม 2562 ( 18:00 )
347
2

     สำหรับเหล่านักเดินทาง ‘นาฬิกา’ ถือได้ว่าเป็นไอเท็มสำคัญอย่างหนึ่งเพื่อใช้ในการบอกเวลา อีกทั้งยังช่วยเสริมลุคให้ดูดีอย่างสมบูรณ์แบบได้ ซึ่งนอกจากดีไซน์ที่สวยเหมาะกับผู้สวมใส่แล้ว ฟังก์ชั่นที่จำสำหรับเหล่านักเดินทางอย่างระบบที่สามารถบอกเวลาได้ถึง 2 ไทม์โซนก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายขณะเดินทางข้ามทวีปได้เป็นอย่างดี ล่าสุดแบรนด์เรือนเวลาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ‘มิโด’ (Mido) พร้อมเปิดตัวนาฬิกาที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติสามารถบอกเวลาได้ 2 ไทม์โซนในคอลเลกชั่นที่ชื่อว่า ‘มัลติฟอร์ต ดูอัล ไทม์’ (Multifort Dual Time) พร้อมเอาใจเหล่านักเดินทางแล้ววันนี้

 

 

     ‘มิโด’ (Mido) หนึ่งศตวรรษแห่งความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและความยอดเยี่ยมในโลกแห่งเวลา แบรนด์นาฬิกาในเครือ สวอทช์ กรุ๊ป (Swatch Group) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท Mido G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่วันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน รวมถึงความเที่ยงตรงสูงซึ่งได้รับการรับรองจาก Contrôle Official Suisse des Chronomètres (Official Swiss Chronometer Testing Institute) หรือ COSC.

     สำหรับคอลเลกชั่น ‘มัลติฟอร์ต ดูอัล ไทม์’ (Multifort Dual Time) เรือนเวลาคู่กายสำหรับนักเดินทางทั่วโลกเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการท่องเที่ยวข้ามเขตเวลาในแต่ละพื้นที่ โดยตัวเรือนขับเคลื่อนด้วยระบบกลไกที่มีความเที่ยงตรงและการสำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมงอย่าง Caliber 80 พร้อมเพิ่มความสามารถในการบอกเวลาด้วยการติดตั้งระบบ GMT ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มิโด (Mido) ได้นำฟังก์ชั่นนี้เข้ามาผสมผสานกับกลไกที่ได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยมที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ซึ่งเหล่านักเดินทางสามารถไว้ใจในความทนทานและการออกแบบให้ดูเท่ ทันสมัย โดยมีตัวเรือนทรงกลมผลิตจากสแตนเลสสตีลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร พร้อมเคลือบ PVD สีดำให้สัมผัสที่แข็งแกร่ง ด้านหน้าปัดดีไซน์ให้ดูโดดเด่นด้วยลวดลายแบบเจนีวา สไตรป์ (Geneva Stripes) สีดำแอนทราไซต์วางตัวในแนวตั้งซึ่งสื่อถึงสายเคเบิลที่รองรับน้ำหนักและการสั่นสะเทือนที่ถูกขึงอยู่บนสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ บริเวณตรงกลางของนาฬิกาจะเป็นพื้นที่ของฟังก์ชั่นในการบอกเวลาไทม์โซนที่ 2 ซึ่งสามารถดูได้จากเข็ม GMT ทรงหัวลูกศรสีส้มซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของแบรนด์มิโดเอง ชุดเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีมีการตกแต่งแบบไดมอนด์-คัต ขัดแต่งลวดลายซาตินพร้อมเคลือบสารเรืองแสงแบบซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-Luminova) เพิ่มการมองเห็นในที่มืด และตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกาบนหน้าปัดถูกออกแบบให้เป็นช่องแสดงวันที่ปิดครอบทับด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทนแรงกระแทกและรอยขีดข่วน พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน และปิดทับฝาหลังแบบใสซึ่งสามารถมองเห็นกลไกการทำงานได้ เชื่อมตัวเรือนเข้ากับสายหนังวัวปั๊มลายจระเข้สีดำที่ให้สัมผัสที่มีความหรูหราและเท่ สมาร์ทได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังสามรถกันน้ำได้ที่ระดับ 100 เมตร

 

 

 

     โดยแบรนด์ ‘มิโด’ (Mido) ยังได้แนะทริคข้อคำนึงในการเลือกนาฬิกาสำหรับเหล่านักเดินทาง เริ่มจากการเลือก ระบบกลไก การทำงานของนาฬิกาที่ต้องเน้นความเที่ยงตรงและต้องมีความทนทาน อย่างกลไก Caliber 80 ก็ถือเป็นหนึ่งได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยมที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก เพราะมีความเที่ยงตรงและสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 80 ชั่วโมง อีกทั้งยังได้รับการรองรับจาก COSC.

     ถัดมาที่ ดีไซน์ ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย เพราะเรือนเวลาที่มีงานดีไซน์สวย ย่อมสะท้อนคาแรคเตอร์ของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสำหรับนักเดินทางนาฬิกาจะเป็นไอเท็มที่จะเติมเต็มลุคให้ดูเท่ มีความสมาร์ท อย่างนาฬิกาตัวเรือนวงกลมสีดำเข้าคู่กับสายหนังสุดเท่ หน้าปัดตกแต่งด้วยลวดลายที่สื่อถึงความแข็งแกร่งก็ดูเหมาะสมเป็นอย่างมาก และยังสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับเสื้อผ้าได้หลากหลายสไตล์

     และเลือก ฟังก์ชั่น ที่เป็นจุดเด่นของนาฬิกาสำหรับนักเดินทางทั่วโลก อย่างฟังก์ชั่น GMT ที่สามารถบอกเวลาไทม์โซน 2 เขตเวลา ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก

     ร่วมเลือกนาฬิกาที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นและดีไซน์อย่างคอลเลกชั่น ‘มัลติฟอร์ต ดูอัล ไทม์’ (Multifort Dual Time) จาก แบรนด์ ‘มิโด’ (Mido) นาฬิกาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ ‘มิโด’ (Mido) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง