โอ๊ย . . . ลืมของ ลืมนู่น ลืมนี่ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยประสบปัญหาเหล่านี้ แต่ทราบมั้ยคะว่าในการลืมที่เกิดขึ้นในแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันนะ บางคนอาจจะเกิดความคิดขึ้นมาว่าทำไมเราขี้ลืมบ่อยจัง แต่จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ใช่การลืม แต่เกิดจากการที่ยังไม่ได้จำเลยต่างหาก บางคนก็จำสิ่งที่เคยเกิดขึ้นได้ แต่จำได้แค่บางส่วน หรือบางคนอาจจะจำบางอย่างไม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่ควรจะจำได้ ซึ่งแต่เราจะไขข้อสงสัยในความแต่งต่างนี้ให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกัน และจะเน้นไปที่วิธีการง่าย ๆ ใกล้ตัวในการปฏิบัติให้ห่างไกลสมองเสื่อม เพื่อน ๆ คนไหนที่มีคนใกล้ตัวหรือแม้กระทั่งตัวเพื่อน ๆ เอง ที่กำลังเข้าข่ายอาการเหล่านี้ ตามมาอ่านกันนะ เราเชื่อว่าจะต้องเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะขอขอบคุณ : www.pixabay.com สำหรับประเด็นแรก มักเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำในทุก ๆ วัน จนเกิดความเคยชิน เราจะยกตัวอย่างให้เพื่อน ๆ เห็นภาพได้ง่าย ๆ ก็คือ เวลาเพื่อน ๆ เข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อย ในหัวอาจจะคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ แต่มือก็มักจะไปกดชักโครกอย่างอัตโนมัติด้วยความเคยชิน แล้วเมื่อออกมานอกห้องน้ำอาจมีคำถามกับตัวเองว่า ลืม ! ว่ากดชักโครกแล้วหรือยัง เราจะบอกว่าอาการแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าลืม เพราะการที่เราจะลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่งแสดงว่าต้องเคยผ่านกระบวนการจำมาก่อน แต่สำหรับตัวอย่างนี้ตอนที่เพื่อน ๆ กดชักโครก เพื่อน ๆ ไม่ได้เกิดการจำแต่กดไปเพราะความเคยชิน เหตุการณ์แบบนี้จึงไม่ได้เรียกว่าลืม นอกจากนี้ก็อาจจะเป็นการลงจากรถแล้วกดล็อคด้วยความเคยชิน พอเดินมาถึงบ้านก็สงสัยขึ้นมาว่า เอ๊ะ ! เมื่อกี้ล็อครถแล้วยังนะ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับประเด็นนี้ ในประเด็นที่สองที่บอกไปว่า เพื่อน ๆ อาจจะจำเหตุการณ์บางอย่างได้แต่จำได้ไม่ดีเท่าคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย มีเหตุผลด้วยปัจจัยหลายอย่าง แต่สิ่งที่มีผลแล้วเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดนั่นก็คืออารมณ์ ณ ตอนนั้น เช่น มีการจัดทริปไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน ๆ แต่ดันมีเรื่องเครียดเกิดขึ้นกับเรา ทำให้เราไม่ได้โฟกัสกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางมากเท่าไหร่แต่ก็พอจะรู้ว่ามีเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ ที่ไปด้วยกันทุกคนอารมณ์ดี มีความสุข ก็จะสามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางได้ดีกว่า เพราะไม่ได้มีเรื่องอื่น ๆ เข้ามาทำให้เกิดการวิตกกังวล สำหรับเหตุการณ์แบบนี้สามารถเรียกว่าการหลงลืมได้ เพราะเมื่อค่อย ๆ พยายามนึกย้อนกลับไปทีละนิด ก็พอจะนึกออกได้นั่นเอง และสำหรับประเด็นสุดท้าย เรียกได้ว่าเป็นประเด็นสำคัญเลยเพราะว่านี่คืออาการที่บ่งบอกถึงสมองเสื่อม เราจะยกตัวอย่างเหตุการณ์ใกล้ตัวเราที่เกิดขึ้นจริงให้เพื่อน ๆ ได้เห็นภาพง่าย ๆ คุณยายแถวบ้านเค้าขายเสื้อผ้ามานานมาก ๆ แล้ว แต่พอช่วงหลัง ๆ มานี้เมื่อได้รับเงินจากลูกค้าปกติจะต้องใส่ไว้ในลิ้นชัก แต่คุณยายกลับนำไปใส่ไว้ในตู้เย็น เมื่อลูกมาเจอก็เลยทราบว่านี่อาจจะเป็นอาการของโรคอัลไซเมอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคสมองเสื่อม ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวโรคหนึ่งเลยนะเพราะถ้าหากเริ่มเป็นหนักขึ้นอาจจะถึงขั้นไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้เพราะอาจจะกลับบ้านไม่ถูกก็เกิดขึ้นได้ขอขอบคุณ : www.pixabay.com เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มต้นดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากเหตุการณ์เหล่านี้กันดีกว่าค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าการดูแลสมองแต่ละวิธีที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ได้ยากเลย ใคร ๆ ก็สามารถทำได้จ้าการร้องเพลง ข้อนี้เป็นอะไรที่ทำได้ง่ายมาก ๆ ที่สำคัญสามารถทำตอนไหนก็ได้ เพื่อน ๆ อาจจะมีคำถามว่าการร้องเพลงจะช่วยอะไรกับความจำและสมองของเรา ต้องบอกเลยว่าการร้องเพลงช่วยในเรื่องของความจำได้ดีเลยแหละค่ะเพราะการที่เราจะเริ่มร้องเพลง ๆ หนึ่งได้โดยไม่ต้องดูเนื้อร้อง ก็ต้องเกิดจากการจดจำที่สะสมขึ้นทีละนิดไงหละคะ แถมยังช่วยผ่อนคลายความเครียดอีกด้วยนะการเล่นเกมส์ ซึ่งเกมส์ที่ว่านี้เป็นเกมส์เกี่ยวกับการจำภาพเหมือน จะว่าไปแล้วก็เป็นเทคนิคเดียวกับที่ใช้ในการฝึกความจำของเด็กที่พึ่งเกิดนั่นเองค่ะการอ่านหนังสือ เป็นอีกหนึ่งอย่างที่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ทำมาก ๆ ค่ะ เพราะนอกจากที่จะเป็นการช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองแล้ว หากเพื่อน ๆ ได้ไปแบ่งปันโดยการเล่าให้คนอื่น ๆ ฟังด้วย ก็จะเป็นการเสริมสร้างความจำที่ดีได้อีกด้วยขอขอบคุณ : www.shutterstock.comการทำสมาธิ บอกได้เต็มปากเลยว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและควรปฏิบัติมาก เพราะเป็นพฤติกรรมที่จะทำให้เซลล์ต่าง ๆ แข็งแรงขึ้น และยังมีงานวิจัยที่ทำการทดลองตรวจสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าระหว่างคนที่ทำสมาธิและคนที่ไม่ได้ทำสมาธิก็พบว่าการทำงานของสมองของคนที่ทำสมาธิสามารถส่งสัญญาณได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำสมาธิ เพราะฉะนั้นวิธีนี้เป็นวิธีที่สำคัญที่จะสามารถการชะลอการเสื่อมของสมองได้ดีมาก ๆ ค่ะพักผ่อนให้เพียงพอ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าเพื่อน ๆ พักผ่อนเต็มที่ร่างกายของเพื่อน ๆ ก็จะถูกฟื้นฟูได้อย่างดี ทำให้สุขภาพดี แล้วอารมณ์ก็จะดีด้วย และอีกสิ่งสำคัญที่จะตามมานั่นก็คือ " ความจำที่ดี " นั่นเองค่ะขอขอบคุณ : www.pixabay.comการจัดการความเครียด ความเครียดเป็นหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลต่อโรคทางสมอง ในช่วงเวลาที่เรามีความสุขสมองจะทำงานได้เป็นอย่างดีและร่างกายจะมีการหลั่งสารความสุขออกมา เมื่อเราผ่อนคลายโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดจากความเครียดโดยเฉพาะโรคทางสมองก็จะลดลงตามไปด้วย รู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมไปหาอะไรที่เพื่อน ๆ ชอบทำกันนะคะการออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ทุกคนทราบกันดีว่าการออกกำลังกายจะทำให้สุขภาพดี แต่ไม่เพียงแค่นั้นเพราะยังช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย โดยเฉพาะสมองส่วนหน้าขอขอบคุณ : www.pixabay.comการควบคุมน้ำหนักตัว ต้องบอกเลยว่าจากที่ผ่านมาคนอ้วนมีโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อมได้มากกว่าคนผอม เนื่องจากมีการสะสมไขมันในเลือดสูง เพราะฉะนั้นควรควบคุมน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลที่ดีต่อสมองดื่มชา กาแฟ ไม่เกินวันละ 1 แก้ว เพราะหากดื่มมากจนเกินไป คาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านี้ก็จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของสมองให้ตื่นตัวมากตามไปด้วย ทำให้หัวใจบีบตัวแรงและเร็ว ซึ่งการที่สมองทำงานหนักเพราะมีการตื่นตัวตลอดเวลาเป็นเหตุให้เกิดความอ่อนล้านั่นเองค่ะ สารอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะมือเช้าถือเป็นมื้อที่สำคัญมากที่คนส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญ ที่บอกว่าสำคัญเนื่องจะหากเราทานมื้อเช้าที่มีประโยชน์จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดจะคงที่ และการทำงานของสมองก็ดีตามไปด้วยขอขอบคุณ : www.pixabay.com เห็นมั้ยคะเพื่อน ๆ การป้องการการเกิดสมองเสื่อมไม่ใช่เรื่องยากเลย เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน ก็สามารถทำให้เราห่างไกลจากโรคสมองเสื่อมได้แล้วค่ะ ใครที่มีคนใกล้ตัวที่เสี่ยงต่ออาการเหล่านี้ก็สามารถไปแชร์ความรู้เหล่านี้ให้กับพวกเค้าได้นะคะ ที่มาภาพหน้าปก : www.pixabay.com