Photo by Alexandru Zdrobău on Unsplash แม้ว่าศาสตร์ด้านการแพทย์จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับการตรวจรักษาแทบทุกโรคที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แต่ดวงตาก็ยังคงเป็นอวัยวะสำคัญอันดับต้นๆ ที่แต่ละคนต้องดูแลรักษาอย่างดี ยิ่งเสพ content จากหน้าจอมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องใส่ใจถนอมสายตาของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เพราะไม่เพียงสายตาจะยาวขึ้นหรือสั้นลง แต่อาการอื่นๆ อาจตามมาเป็นแพ็คเกจเสริมด้วย ทั้งตาแห้ง ตาพร่า และวุ้นในตาเสื่อม เราอาจหลีกเลี่ยงการจ้องจอไม่ได้ ทั้งจอคอมพิวเตอร์ จอทีวี และจอสมาร์ทโฟน แต่เราสามารถถนอมดวงตาไว้ไม่ให้ทำงานหนักเกินไปได้ ด้วยเคล็บลับง่ายๆ 5 วิธีต่อไปนี้ 1. พักสายตาทุก 2 ชั่วโมง การจ้องมองไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเกินไปจะทำให้ดวงตาอ่อนล้า เพื่อไม่ให้ดวงตาทำงานหนักเกินไปจึงควรพักเบรกด้วยการหลับตานิ่งๆ สัก 15นาที หรือจะลุกไปยืดเส้นยืดสาย ขยับแข้งขยับขา เดินไปชงกาแฟ ทักทายเพื่อนร่วมงาน ไม่ก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งนอกจากจะได้ถนอมสายตา ให้ม่านตาและจอประสาทตาได้พัก ก็ยังเป็นการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย Photo by Joey Kyber on Unsplash 2. ชมนกชมไม้ หันหน้าเข้าหาธรรมชาติ สีเขียวที่มาจากต้นไม้ ดอกไม้ จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ละสายตาจากหน้าจอทั้งหลายไปมองต้นไม้ ดอกไม้บ้าง ถ้าบริเวณใกล้ๆ ไม่มีต้นไม้เขียวๆ ให้มอง แนะนำให้หาต้นตะบองเพชรเล็กๆ สัก 2-3 ต้นมาปลูกไว้เยียวยาอาการดวงตาอ่อนล้าของตัวเอง 3. ปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับแสงภายนอก ความสว่างของหน้าจอคือสิ่งที่ทำร้ายดวงตาโดยตรง คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนบางรุ่นมีฟังก์ชั่นปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ เมื่อแสงภายนอกจ้าขึ้นหน้าจอก็จะสว่างขึ้น เมื่อแสงภายนอกลดลง ความสว่างของหน้าจอก็จะลดลงเช่นเดียวกัน สาเหตุที่ต้องมีฟังก์ชั่นอัจฉริยะแบบนี้ก็เพื่อถนอมสายตาของผู้ใช้นั่นเอง แต่ถ้าคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเครื่องไหนไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นนี้ ผู้ใช้งานก็สามารถปรับความสว่างของหน้าจอเองได้ โดยปรับให้แสงสว่างของหน้าจอไม่สว่างจ้าเกินแสงภายนอก จึงจะเป็นแสงที่พอเหมาะต่อการใช้งาน และไม่ทำให้ปวดตาเมื่อต้องจ้องจออย่างต่อเนื่อง Photo by Kate Stone Matheson on Unsplash 4. นอนหลับให้เพียงพอ อาจดูไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆ แล้วการพักผ่อนคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายอย่างที่สุด รวมทั้งการถนอมดวงตาด้วย เนื่องจากเมื่อเรานอนหลับพักผ่อน ดวงตาก็จะได้พัก และหากจ้องจอนานๆ ดวงตาทำงานหนัก บวกกับการนอนน้อยเกินไป ก็อาจส่งผลให้สายตาสั้นลง และดวงตาพร่าเบลอได้ เชื่อเถอะว่า... การนอนหลับจะเยียวยาทุกอย่างจริงๆ 5. หลีกเลี่ยงที่แสงจ้า ม่านตาเปรียบเสมือนรูรับแสงของกล้องถ่ายรูป หากเราอยู่ในที่มืด รูม่านตาจะขยายกว้างขึ้นเพื่อเปิดรับแสงให้ตกกระทบไปยังจอประสาทตา ในทางกลับกัน หากเราอยู่ในที่แสงจ้า รูม่านตาก็จะหรี่แคบลง สังเกตง่ายๆ ว่าเวลาที่อยู่กลางแดด เรามักจะทำตาหยี นั่นคือกลไกอัตโนมัติของร่างกายที่ป้องกันไม่ให้แสงเข้าสู่ดวงตามากจนเกินไป เพราะความสว่างที่มากเกินไปอาจส่งผลให้จอประสาทตาเสื่อมและทำให้ตาบอดได้ หน้าจอที่ปรับแสงสว่างจนจ้ามากเกินไปก็ไม่ต่างกัน Photo by Simon Abrams on Unsplash แอบกระซิบเพิ่มกันอีกนิดหนึ่งว่า... มนุษย์ติดจอคนไหนอายุย่างเข้าเลข 3 ยิ่งต้องระมัดระวังถนอมดวงตาเป็นพิเศษ เพราะวัยนี้เป็นช่วงอายุที่ร่างกายเริ่มส่งสัญญาณเตือนให้ดูแลสุขภาพขนานใหญ่ รวมทั้งเรื่องสายตา ที่สำคัญคือดวงตาก็เป็นตัวชี้วัดเรื่องสุขภาพ เหมือนคำกล่าวที่ว่า “ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ” ซึ่งนอกจากจะบ่งบอกความรู้สึกในหัวใจแล้ว ดวงตาก็ยังบ่งบอกสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเจ้าของด้วย