9 ลักษณะการทำงาน เสี่ยงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 มีอะไรบ้าง เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เป็นเพียงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมหรือข่าวสุขภาพตามฤดูกาลอีกต่อไปแล้วนะคะ แต่ได้กลายเป็นความเสี่ยงที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันและการทำงานของเราหลายอาชีพโดยไม่รู้ตัว แม้บางคนจะไม่ได้ทำงานท่ามกลางควันหรือฝุ่นหนาทึบก็ตาม แต่สภาพแวดล้อมการทำงานที่ต้องเผชิญซ้ำๆ ทุกวัน มักเป็นจุดเริ่มต้นของการรับสัมผัสฝุ่นขนาดเล็กสะสมอย่างเงียบๆ จนส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าฝุ่น PM2.5 เชื่อมโยงกับลักษณะงานอย่างไร จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่เราคิดค่ะ และหากเราลองทำความเข้าใจดีๆ แล้วนั้น เราจะพบว่าความเสี่ยงจาก PM2.5 ไม่ได้เกิดจากอาชีพใดอาชีพหนึ่งโดยตรงค่ะ แต่เกิดจากรูปแบบการทำงาน สถานที่ และเวลาที่เราใช้ชีวิตอยู่กับอากาศแบบเดิมซ้ำๆ ซึ่งประเด็นสำคัญจึงไม่ใช่แค่ทำงานอะไร แต่คือทำงานในสภาพแวดล้อมแบบไหน ดังนั้นในบทความนี้เราจะมารู้กันว่า ลักษณะงานแบบไหนที่มีความเสี่ยง อาชีพที่เรากำลังทำอยู่ใช่ไหม แล้วจุดไหนทำให้งานของเรากลายเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการรับสัมผัสกับฝุ่น PM2.5 ในอากาศ โดยข้อมูลที่ผู้เขียนจะได้นำเสนอไว้ในบทความนี้ จะช่วยให้คุณผู้อ่านเห็นจุดเชื่อมโยง เข้าใจปัญหาเชิงระบบ และนำไปสู่การดูแลสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีทิศทางและยั่งยืนมากขึ้นนะคะ กับข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการเผาไหม้หรือกระบวนการผลิตที่ก่อฝุ่น คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการเผาไหม้หรือมีกระบวนการผลิตที่ก่อฝุ่น ถือเป็นหนึ่งในลักษณะงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 ค่ะ เพราะกระบวนการเผา การหลอม การบด การผสม หรือการขนถ่ายวัตถุดิบ สามารถปล่อยอนุภาคขนาดเล็กมากออกสู่บรรยากาศได้ตลอดเวลา ซึ่งฝุ่นชนิดนี้มีขนาดเล็กจนตาเปล่ามองไม่เห็น แต่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานและแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้โดยตรง โดยเฉพาะในโรงงานหลอมโลหะ โรงงานปูนซีเมนต์ โรงไฟฟ้า หรือโรงงานที่ใช้เชื้อเพลิงในการผลิต โดย PM2.5 มักเกิดทั้งจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์และจากการแตกตัวของวัสดุในขั้นตอนการผลิตนะคะ และสิ่งที่ทำให้ความเสี่ยงในโรงงานอุตสาหกรรมก็ซับซ้อนกว่าที่คิด นั่นคือการสะสมของฝุ่นในพื้นที่ทำงาน หากระบบระบายอากาศไม่ดี หรือการควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นยังไม่เพียงพอ เราสามารถรับสัมผัส PM2.5 ซ้ำๆ เป็นเวลานานโดยไม่รู้ตัว ซึ่งฝุ่นขนาดเล็กนี้สามารถผ่านถุงลมปอดและเข้าสู่กระแสเลือดได้ และส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ หัวใจ และสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจความเสี่ยงจากกระบวนการผลิตจึงไม่ใช่แค่เรื่องของคนทำงานในโรงงานเท่านั้นค่ะ แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของการจัดการด้านอาชีวอนามัย การออกแบบระบบควบคุมฝุ่น และการป้องกันสุขภาพของแรงงานอย่างยั่งยืนค่ะ 2. งานขนส่งและโลจิสติกส์ งานขนส่งและโลจิสติกส์เป็นอีกหนึ่งลักษณะงานที่มีความเสี่ยงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 อย่างต่อเนื่องค่ะ เพราะผู้ปฏิบัติงานต้องอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดมลพิษจากการจราจรเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถบรรทุก รถโดยสาร รถแท็กซี่ หรือพนักงานขนส่งสินค้า โดยฝุ่น PM2.5 จากไอเสียรถยนต์ การเผาไหม้เชื้อเพลิง และฝุ่นที่ฟุ้งจากผิวถนน สามารถสะสมทั้งในอากาศภายนอกและภายในห้องโดยสารได้ แม้จะปิดกระจกหรืออยู่ในรถปรับอากาศก็ตาม หากระบบกรองอากาศไม่เหมาะสม ฝุ่นขนาดเล็กก็ยังสามารถเล็ดลอดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้ตลอดเส้นทางการทำงานนะคะ ซึ่งความเสี่ยงของงานขนส่งและโลจิสติกส์ก็ไม่ได้เกิดจากความเข้มข้นของฝุ่นในช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่เกิดจากระยะเวลาการสัมผัสที่ยาวนานและซ้ำทุกวัน การขับรถในช่วงเร่งด่วน การจอดรอสินค้าในพื้นที่อับอากาศ หรือการวิ่งรถในเขตอุตสาหกรรม ล้วนเพิ่มโอกาสให้ PM2.5 สะสมในร่างกายโดยไม่รู้ตัว เมื่อเวลาผ่านไปอาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ความดันโลหิต และสุขภาพของหัวใจ การตระหนักถึงลักษณะความเสี่ยงเฉพาะของงานกลุ่มนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการวางแผนป้องกัน ทั้งในระดับบุคคล ยานพาหนะ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในการทำงานค่ะ 3. งานก่อสร้างและงานรื้อถอน รู้ไหมคะว่า งานก่อสร้างและงานรื้อถอนเป็นลักษณะงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 เนื่องจากกิจกรรมแทบทุกขั้นตอนก่อให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย ไม่ว่าจะเป็นการทุบ เจาะ ตัด ขัด หรือรื้อวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ คอนกรีต อิฐ และทราย ซึ่งฝุ่นที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีเพียงอนุภาคขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีฝุ่นขนาดเล็กมากที่ลอยอยู่ในอากาศได้นาน และสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้โดยตรง โดยเฉพาะในพื้นที่ก่อสร้างที่อยู่ใกล้ชุมชนหรือมีการทำงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยความเสี่ยงจากงานก่อสร้างและงานรื้อถอนมักเพิ่มขึ้นเมื่อการควบคุมฝุ่นยังไม่เพียงพอ เช่น การไม่พรมน้ำ การใช้เครื่องจักรในพื้นที่เปิด หรือการทำงานในจุดอับลม ทำให้เรารับสัมผัส PM2.5 ซ้ำๆ เป็นเวลานานจนกลายเป็นความเสี่ยงสะสม จึงส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ปอด และสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นการเข้าใจธรรมชาติของฝุ่นจากงานก่อสร้างจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการจัดการด้านอาชีวอนามัย ตั้งแต่การออกแบบกระบวนการทำงาน การควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น ไปจนถึงการป้องกันสุขภาพของคนทำงานและคนรอบพื้นที่ก่อสร้างอย่างเป็นระบบค่ะ 4. งานที่ต้องทำในพื้นที่อับอากาศหรืออาคารที่ระบายอากาศไม่ดี งานที่ต้องทำในพื้นที่อับอากาศหรืออาคารที่ระบายอากาศไม่ดี เป็นลักษณะงานที่มีความเสี่ยงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในรูปแบบที่มองไม่เห็นแต่สะสมได้ง่ายคะ โดยตัวอย่างของพื้นที่ลักษณะนี้ เช่น ห้องเครื่อง ห้องใต้ดิน โกดัง ห้องเก็บของ หรืออาคารที่ปิดทึบและมีการถ่ายเทอากาศจำกัด เพราะมักทำให้ฝุ่นละเอียดจากภายนอก แหล่งกำเนิดภายในอาคาร หรือกิจกรรมการทำงาน ไม่สามารถระบายออกไปได้อย่างเหมาะสม ฝุ่น PM2.5 จึงค่อยๆ สะสมในอากาศโดยที่เราไม่รู้สึกผิดปกติในระยะสั้น แต่กลับส่งผลต่อสุขภาพเมื่อได้รับสัมผัสต่อเนื่องค่ะ แบะความเสี่ยงที่แท้จริงของงานในพื้นที่อับอากาศก็ไม่ได้อยู่ที่ความเข้มข้นของฝุ่นเพียงช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่คือการหายใจรับฝุ่นซ้ำๆ ในสภาพแวดล้อมเดิมเป็นเวลานาน เมื่ออากาศหมุนเวียนไม่ดี PM2.5 สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ลึกถึงถุงลมปอด และส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาวได้ การตระหนักถึงลักษณะความเสี่ยงเฉพาะของพื้นที่ทำงานประเภทนี้ จึงเป็นหัวใจของการจัดการสุขาภิบาลอาคาร ตั้งแต่การออกแบบระบบระบายอากาศ การบำรุงรักษาอาคาร ไปจนถึงการปกป้องสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานอย่างยั่งยืนค่ะ 5. งานที่ต้องอยู่กลางแจ้งใกล้การจราจรหนาแน่น หลายคนยังมองไม่ออกว่า งานที่ต้องอยู่กลางแจ้งใกล้การจราจรหนาแน่น เป็นลักษณะงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 ที่เป็นแบบนั้นก็เนื่องจากต้องอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดมลพิษโดยตรงค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไอเสียจากรถยนต์ รถบรรทุก รถโดยสาร หรือฝุ่นที่ฟุ้งจากผิวถนนและการสึกหรอของยางและผ้าเบรก ทำให้ผู้ปฏิบัติงานอย่างตำรวจจราจร พนักงานโบกรถ วินมอเตอร์ไซค์ หรือพนักงานส่งของ มักต้องหายใจรับอากาศในสภาพแวดล้อมเดิมเป็นเวลานาน ฝุ่นขนาดเล็กจึงเข้าสู่ร่างกายได้และสะสมอย่างต่อเนื่อง แม้ในวันที่ฝุ่นไม่หนาจนเห็นชัด แต่ระดับ PM2.5 ก็อาจสูงเกินค่าที่ปลอดภัย ซึ่งความเสี่ยงของงานกลุ่มนี้ก็ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น แต่เป็นผลจากการสัมผัสซ้ำๆ ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเร่งด่วนหรือบนถนนที่การจราจรติดขัด เพราะอากาศจะหมุนเวียนได้ยากและฝุ่นสะสมในระดับสูง โดยบางคนอาจเริ่มจากอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ ก่อนจะพัฒนาไปสู่ผลกระทบต่อปอด หัวใจ และระบบหลอดเลือดในระยะยาวค่ะ ดังนั้นการเข้าใจลักษณะความเสี่ยงของงานที่อยู่ใกล้การจราจร จึงเป็นจุดตั้งต้นสำคัญของการวางมาตรการป้องกัน ทั้งในระดับบุคคล การจัดเวลาการทำงาน และการจัดการสิ่งแวดล้อมในเมืองอย่างเป็นระบบนะคะ 6. งานเก็บขยะ คัดแยกขยะ หรือทำงานในบ่อขยะและเตาเผาขยะ หลายคนยังไม่รู้ว่า งานเก็บขยะ คัดแยกขยะ หรือการทำงานในบ่อขยะและเตาเผาขยะ เป็นลักษณะงานที่มีความเสี่ยงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศในระดับสูง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้าย การกองสะสม และการเผาของเสีย ลองนึกภาพตามค่ะ ขยะจำนวนมากเมื่อถูกเขย่า บดอัด หรือเผาไหม้ จะปล่อยทั้งฝุ่น เถ้า และอนุภาคขนาดเล็กฟุ้งกระจายออกมาในอากาศ ซึ่งฝุ่นที่เกิดขึ้นนี้อาจปะปนกับสารเคมี โลหะหนัก หรือสารจากการย่อยสลาย จึงทำให้ผู้ปฏิบัติงานรับสัมผัสมลพิษที่ซับซ้อนมากกว่าฝุ่นทั่วไป โดยเฉพาะในพื้นที่เปิดโล่งหรือจุดที่การควบคุมฝุ่นยังไม่สมบูรณ์นะคะ และความเสี่ยงของงานกลุ่มนี้มักเกิดจากการสัมผัสต่อเนื่องเป็นเวลานานและซ้ำทุกวัน แม้จะไม่เห็นฝุ่นหนาทึบ แต่ PM2.5 สามารถลอยอยู่ในอากาศและเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ลึกถึงถุงลมปอด จึงส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว ที่โดยสรุปแล้วการทำความเข้าใจลักษณะความเสี่ยงเฉพาะของงานด้านการจัดการขยะ เป็นพื้นฐานสำคัญของการจัดการอาชีวอนามัย ตั้งแต่การควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น การออกแบบพื้นที่ทำงาน ไปจนถึงการปกป้องสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบและยั่งยืนค่ะ 7. งานทำความสะอาดที่ต้องกวาด ถู เป่าฝุ่น หรือจัดการฝุ่นสะสม น้อยคนมองออกว่า งานทำความสะอาดที่ต้องกวาด ถู เป่าฝุ่น หรือจัดการฝุ่นสะสม เป็นลักษณะงานที่มีความเสี่ยงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 มากกว่าที่หลายคนคาดคิด เพราะกิจกรรมเหล่านี้ทำให้ฝุ่นที่ตกค้างตามพื้น ผิววัสดุ หรือซอกมุม ถูกฟุ้งกลับขึ้นมาในอากาศอีกครั้ง และเนื่องจากฝุ่นขนาดเล็กจำนวนมากไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นาน โดยเฉพาะการใช้ไม้กวาด เครื่องเป่าลม หรือการทำความสะอาดในพื้นที่กึ่งปิด เช่น โรงงาน โกดัง หรืออาคารสำนักงาน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานต้องหายใจรับฝุ่นโดยตรงในระยะใกล้นะคะ ซึ่งความเสี่ยงของงานทำความสะอาดก็ไม่ได้เกิดจากฝุ่นใหม่เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นสะสมซ้ำๆ ในทุกวันทำงาน เมื่อฝุ่น PM2.5 ถูกสูดดมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจลึกถึงถุงลมปอด และส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นการมองให้ออกว่าธรรมชาติของฝุ่นจากงานทำความสะอาดเป็นยังไง จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการจัดการอาชีวอนามัย ตั้งแต่วิธีการทำความสะอาดที่เหมาะสม การจัดการสภาพแวดล้อม ไปจนถึงการปกป้องสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบและเลือกที่ยั่งยืนกว่าค่ะ 8. งานร้านอาหารริมถนนหรือครัวที่ใช้การผัด ทอด ย่าง ด้วยความร้อนสูง คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วงานร้านอาหารริมถนนหรือครัวที่ใช้การผัด ทอด ย่าง ด้วยความร้อนสูง เป็นลักษณะงานที่มีความเสี่ยงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 จากแหล่งกำเนิดภายในโดยตรง เพราะควันจากการปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิสูง โดยเฉพาะการทอดและย่าง สามารถก่อให้เกิดอนุภาคขนาดเล็กจำนวนมากลอยปะปนอยู่ในอากาศ และควันนี้ไม่เพียงมีกลิ่นหรือความระคายเคืองในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะใกล้เคียงกับฝุ่น PM2.5 ที่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ลึก เลยทำให้ผู้ปฏิบัติงานในครัวต้องหายใจรับควันและฝุ่นละเอียดซ้ำๆ ตลอดชั่วโมงการทำงาน โดยความเสี่ยงของงานครัวไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะร้านอาหารริมถนนเท่านั้นนะคะ แต่ยังรวมถึงครัวในอาคารที่ระบบดูดควันหรือการระบายอากาศไม่เพียงพอด้วย เพราะเมื่อควันสะสมอยู่ในพื้นที่ปิด ฝุ่นขนาดเล็กจะเพิ่มความเข้มข้นและยืดระยะเวลาการสัมผัสของเราออกไป จึงส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ปอด และสุขภาพหัวใจในระยะยาว ดังนั้นการตระหนักถึงลักษณะความเสี่ยงเฉพาะของงานครัว จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการจัดการสุขาภิบาลอาหารและอาชีวอนามัย ตั้งแต่การออกแบบครัว ระบบระบายอากาศ ไปจนถึงการปกป้องสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานค่ะ 9. งานเกษตรกรรมบางประเภท ทุกคนรู้ไหมว่า งานเกษตรกรรมบางประเภทเป็นลักษณะงานที่มีความเสี่ยงต่อการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 อีกงานค่ะ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ทำในพื้นที่โล่งและเกี่ยวข้องกับดินแห้งหรือการเผา เช่น การไถพรวนดินในช่วงแล้ง การจัดการตอซังพืช การเก็บเกี่ยวด้วยเครื่องจักร หรือการขนย้ายผลผลิต ซึ่งฝุ่นดิน เศษพืช และเถ้าจากการเผา สามารถฟุ้งกระจายในอากาศและลอยอยู่ได้นาน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานต้องหายใจรับฝุ่นละเอียดเข้าสู่ร่างกายโดยตรง แม้จะอยู่กลางแจ้ง แต่ระดับฝุ่น PM2.5 อาจสูงกว่าที่คาดคิดได้ในบางช่วงเวลานะคะ และความเสี่ยงของงานเกษตรกรรมก็ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลันเพียงครั้งเดียว แต่เป็นการสะสมจากการทำงานซ้ำๆ ในสภาพแวดล้อมเดิม เมื่อฝุ่นขนาดเล็กเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่อง ก็อาจส่งผลต่อปอด ระบบทางเดินหายใจ และสุขภาพโดยรวมในระยะยาว ดังนั้นการเข้าใจลักษณะความเสี่ยงเฉพาะของงานเกษตรกรรมให้ออก จึงเป็นจุดตั้งต้นสำคัญของการจัดการด้านอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การเลือกวิธีจัดการเศษพืช การลดแหล่งกำเนิดฝุ่น ไปจนถึงการปกป้องสุขภาพของตัวเองระหว่างทำงานเกษตรหรือเกษตรกรอย่างยั่งยืนค่ะ ก็จบแล้วค่ะ กับลักษณะของงานที่มีโอกาสรับสัมผัสกับฝุ่น PM2.5 และจากเนื้อหาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ภาพรวมของลักษณะงานที่เสี่ยงต่อฝุ่น PM2.5 แต่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาชีพใดอาชีพหนึ่ง แต่เกิดจากโครงสร้างของการทำงานและสภาพแวดล้อมที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน โดยงานที่อยู่ใกล้แหล่งกำเนิดมลพิษ งานที่ต้องทำซ้ำในพื้นที่เดิม หรือพื้นที่ที่อากาศหมุนเวียนไม่ดี ล้วนทำให้เราได้รับฝุ่นขนาดเล็กสะสมโดยไม่รู้ตัว แม้ในวันที่มองไม่เห็นฝุ่นด้วยตาเปล่า แต่ PM2.5 ยังสามารถลอยอยู่ในอากาศและเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจได้ตลอดเวลา และนั่นคือความเสี่ยงที่ค่อยๆ สะสมและส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวมากกว่าที่หลายคนคิดค่ะ และเมื่อมองภาพใหญ่ของ PM2.5 จึงเป็นปัญหาเชิงระบบที่ต้องอาศัยความเข้าใจมากกว่าการแก้ไขเฉพาะหน้านะคะ โดยการป้องกันที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากการออกแบบกระบวนการทำงาน การจัดสภาพแวดล้อม การระบายอากาศ การควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น และการจัดตารางหรือรูปแบบการทำงานให้เหมาะสม หากเรายังทำงานในสภาพเดิมซ้ำๆ โดยไม่ปรับอะไรเลย ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีอุปกรณ์ป้องกันบางส่วนก็ตาม แต่หากขาดการจัดการเชิงระบบ ก็ยากที่จะลดผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างแท้จริงค่ะ ซึ่งการนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้จริงจึงต้องเปลี่ยนมุมมองจากการป้องกันแบบเฉพาะตัว ไปสู่การจัดการร่วมกันทั้งในระดับบุคคล องค์กร และสังคม โดยเราสามารถเริ่มจากการประเมินสภาพแวดล้อมการทำงานของตัวเอง และเมื่อรู้ว่าความเสี่ยงเกิดจากอะไร และเกิดขึ้นซ้ำบ่อยแค่ไหน จากนั้นจึงเชื่อมโยงไปสู่การปรับวิธีทำงาน การเรียกร้องมาตรการป้องกันที่เหมาะสม และการวางแผนดูแลสุขภาพในระยะยาว เมื่อเข้าใจภาพรวมอย่างชัดเจน PM2.5 จะไม่ใช่แค่ตัวเลขคุณภาพอากาศในข่าว แต่กลายเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้เราทำงานได้อย่างปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี และยั่งยืนมากขึ้นนะคะ ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนมีโอกาสเกี่ยวข้องกับงานที่มีโอกาสสัมผัสฝุ่นบ้าง ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยคำว่า “ทางตรง” ที่ผู้เขียนหมายถึงก็คือผู้เขียนมีแหล่งรายได้จากการทำการเกษตรด้วย ดังนั้นทำให้บางวันก็ต้องไปอยู่ในจุดนั้น แต่ไม่ได้ไปทุกวันและไม่ได้หลายชั่วโมง ซึ่งจริงค่ะ มีกิจกรรมหลายอย่างก่อฝุ่น และสำหรับคำว่า “ทางอ้อม” นั้น ซึ่งคำนี้ผู้เขียนหมายถึงการที่คนอื่นทำงานนั้น แต่ตัวเรามีโอกาสไปอยู่ในจุดที่เขาทำงาน และแน่นอนว่าเดิมงานนั้นก็ทำให้คนทำงานมีความเสี่ยงเรื่อง PM2.5 เป็นคนแรกอยู่แล้ว พอเราไปอยู่ในจุดนั้นเราจะกลายเป็นคนที่สองทันที เช่น สมมติเราไปซื้อไก่ย่าง ซึ่งเป็นการขายริมอาหารริมทางที่มีการใช้ความร้อน มีการปิ้ง การย่าง เกิดควัน เกิดเขม่า เราไปรอซื้อกลับบ้าน โอกาสรับสัมผัสกับฝุ่นละอองขนาดเล็กมีแน่นอน พอจะมองภาพออกไหมค่ะ ดังนั้นในกรณีเช่นนี้ผู้เขียนจะพยายามยืนเหนือลม เลือกร้านที่มีพัดลมดูดอากาศ ใช้เวลาให้น้อยลง และตัวอย่างอื่นสมมติเราขับมอเตอร์ไซต์ไปไหนสักที เจอด่านตรวจแล้วเราต้องชะลอรถเพื่อรอการตรวจสอบ ใช่อยู่ว่าตำรวจจราจรเจอเต็มๆ แต่เราในฐานะคนใช้ถนนไปหยุดไปจอดที่ล้อมรอบด้วยรถคันอื่นๆ ที่มีการติดเครื่องยนต์ ก็แน่นอนว่าความเสี่ยงของเราก็จะมี เพียงแต่ช่วงระยะเวลาในการสัมผัส ความเข้มข้นที่ได้รับน้อยกว่าตำรวจเท่านั้นเอง ก็นั่นคือทางอ้อมของการรับสัมผัส ในขณะที่คนอื่นสัมผัสโดยตรงจากการทำงานค่ะ ก็ลองนำข้อมูลไปเป็นแนวทางเพื่อประเมินความเสี่ยงจากการทำงานกันค่ะ ไม่ได้บอกว่าให้เลิกทำงานนะคะ แต่ให้นำความเสี่ยงที่เกิดขึ้นไปบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงค่ะ เพราะสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเราสามารถส่งผลต่อสุขอนามัยคนเราได้ โดยฝุ่น PM2.5 จากการทำงานเป็นอีกหนึ่งอย่างที่คนทั่วไปยังมองไม่ออก และไม่รู้เลยว่าการทำงานก็สามารถทำให้ตัวเองเป็นโรคได้ เพราะส่วนมากเชื่อมโยงการทำงานไปหาแค่ว่าจะได้เงินกี่บาทเป็นหลัก ที่ไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งแวดล้อมในการทำงานก็สามารถส่งผลต่อสุขภาพได้ ที่ต่อจากนั้นก็ต้องเสียเงินจากการทำงานมารักษาตัวเองค่ะ เพราะอยากเห็นคนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระหว่างที่ทำงานหารายได้ไปด้วย ก็อย่าลืมตระหนักเรื่องความเสี่ยงจากการทำงานด้วยนะคะ #PM2.5 #โรคจากการทำงาน #ฝุ่นละอองขนาดเล็ก #อาชีวอนามัยและความปลอดภัย #อนามัยสิ่งแวดล้อม เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก ถ่ายภาพโดย Lifestylememory จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 ถ่ายภาพโดย neelam279 จาก Pixabay, ภาพที่ 2 ถ่ายภาพโดย geralt จาก Pixabay และภาพที่ 3-4 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 สิ่งต้องรู้เกี่ยวกับฝุ่นละออง PM2.5 มีผลต่อสุขอนามัยได้ไง 8 สัญญาณเตือน ฝุ่น PM2.5 สูง จากแหล่งกำเนิดใกล้ตัว มาดูกัน! 9 แหล่งกำเนิด PM2.5 ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่สามารถคุกคามสุขภาพได้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !