วิธีดูแลตัวเอง รับมือสารก่อภูมิแพ้หน้าฝน วันอานันทมหิดล ที่ควรรู้! เมื่อสายฝนโปรยปรายนำพาความชุ่มฉ่ำมาสู่ผืนดิน หลายคนอาจรู้สึกสดชื่นและคลายร้อนจากอากาศอบอ้าว แต่สำหรับผู้มีภาวะภูมิแพ้ นี่อาจไม่ใช่สัญญาณที่ดีนักค่ะ เพราะฤดูฝนมักมาพร้อมกับความชื้นในอากาศที่สูงลิ่ว ซึ่งเป็นสภาวะที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของสารก่อภูมิแพ้ตัวฉกาจ ที่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญและทำให้หลายคนต้องเผชิญกับอาการคัน จาม น้ำมูกไหล ไอ หรือแม้แต่อาการอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น โดยหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ความชื้นที่แทรกซึมเข้ามาในบ้านและสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา เป็นปัจจัยชักนำทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการรู้จักและเข้าใจวิธีรับมือกับภูมิแพ้ในช่วงหน้าฝน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยิ่งในยุคปัจจุบันนะคะ จากที่ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและมลภาวะมีผลกระทบโดยตรงต่อคนเรา ซึ่งการหันมาใส่ใจดูแลตัวเองและคนในครอบครัวให้ห่างไกลจากสารก่อภูมิแพ้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสุขอนามัยส่วนบุคคล แต่ยังเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้เราและคนที่เรารักสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ ปลอดจากสารก่อภูมิแพ้ และไม่ให้ฤดูฝนที่ควรจะสดชื่นกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานจากอาการแพ้ค่ะ และต่อไปนี้คือแนวทางดูแลตัวเองนะคะ แนวทางสำหรับการดูแลตัวเองเบื้องต้น • รู้จักสารก่อภูมิแพ้ของตัวเอง สิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่เราทุกคนควรทำ คือ การรู้จักสารก่อภูมิแพ้ของตัวเองค่ะ ฟังดูเหมือนง่าย แต่หลายคนอาจไม่เคยสังเกตหรือไปตรวจอย่างจริงจังเลยว่า แท้จริงแล้วอาการคัดจมูก จาม หรือผื่นคันที่เราเป็นบ่อยๆ นั้นเกิดจากอะไรกันแน่ การที่เราไม่รู้ว่าแพ้ไรฝุ่น เชื้อรา หรือละอองเกสรชนิดไหน ก็เหมือนกับการสู้รบโดยไม่รู้จักศัตรู พอฝนตกทีไรก็แพ้ทีนั้น แถมยังไม่รู้จะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันอย่างไรให้ถูกจุด การลงทุนทำความเข้าใจร่างกายตัวเองเพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตอาการหลังจากสัมผัสสิ่งต่างๆ หรือจะให้ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์เพื่อทำการทดสอบภูมิแพ้ จะช่วยให้เราได้แผนที่สำหรับการรับมือกับภูมิแพ้ได้อย่างแม่นยำค่ะ • จัดการสุขอนามัยส่วนบุคคล การจัดการสุขอนามัยส่วนบุคคลนั้น ก็เป็นแนวทางรับมือกับสารก่อภูมิแพ้ที่เราไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ เพราะในแต่ละวันที่เราออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การทำงาน หรือแม้แต่การเดินทาง สารก่อภูมิแพ้ไม่ว่าจะเป็นละอองเกสร ฝุ่นละออง หรือสปอร์เชื้อรา ล้วนติดมากับเสื้อผ้า เส้นผม และผิวหนังของเราได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ถ้าเรากลับถึงบ้านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาหรือเตียงนอนทันที สารก่อภูมิแพ้เหล่านั้นก็จะถูกพัดพาเข้ามาในบ้านและห้องนอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราควรได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ การหมั่นล้างมือ ล้างหน้า หรือแม้แต่การสระผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่กลับถึงบ้าน จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาดทั่วไป แต่เป็นการสร้างเกราะป้องกันด่านแรกให้กับตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ที่เรานำพาเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัว และลดโอกาสในการสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นอาการแพ้ค่ะ • สังเกตพยากรณ์อากาศและปริมาณละอองเกสร หลายคนอาจคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วสามารถเชื่อมโยงกับอาการแพ้ของเราโดยตรงเลยทีเดียวค่ะ เพราะในวันที่อากาศแห้งและมีลมแรง ละอองเกสรจากต้นไม้หรือหญ้ามักจะฟุ้งกระจายในอากาศได้ง่ายกว่าปกติ หรือในวันที่มีความชื้นสูงหลังฝนตก สปอร์เชื้อราก็อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่เราตระหนักถึงข้อมูลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจากแอปพลิเคชันพยากรณ์อากาศ หรือเว็บไซต์ที่บอกปริมาณละอองเกสร ก็เหมือนกับการที่เราได้รู้สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า ทำให้เราสามารถปรับแผนการใช้ชีวิตประจำวันได้ เช่น ถ้าวันนี้รู้ว่าละอองเกสรเยอะ ก็อาจจะเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือเลือกปิดหน้าต่างอยู่บ้านแทน เพื่อลดการสัมผัสโดยตรง และช่วยให้เราควบคุมอาการแพ้ได้ดีขึ้นมากค่ะ • หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นอาการแพ้ รู้ไหมคะว่าเรื่องภูมิแพ้ ไม่ได้เป็นเรื่องของฝุ่นหรืออากาศเท่านั้น แต่ความจริงแล้วอาหารที่เรากินก็มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้น หรือทำให้อาการแพ้กำเริบได้เช่นกันค่ะ ดังนั้นให้ลองสังเกตดูว่าเวลาเรากินอาหารบางอย่างแล้วมีอาการแย่ลงไหม ไม่ว่าจะเป็นผื่นคันขึ้น คัดจมูกมากขึ้น หรือรู้สึกไม่สบายตัว การที่เราใส่ใจและหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นอาการแพ้ โดยเฉพาะในช่วงที่ภูมิแพ้จากสภาพแวดล้อมกำลังระบาดหนักอย่างหน้าฝน ก็เหมือนกับการช่วยลดภาระให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนักสองต่อ การตัดปัจจัยเสี่ยงด้านอาหารออกไป จะทำให้เรามีโอกาสที่จะใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบายตัวและมีอาการแพ้น้อยลงได้ค่ะ • เปิดเครื่องปรับอากาศแทนการเปิดหน้าต่างในบางช่วงเวลา การใช้เครื่องปรับอากาศแทนการเปิดหน้าต่างในบางช่วงเวลา โดยเฉพาะช่วงที่ฝนกำลังตกปรอยๆ หรือช่วงเช้าถึงบ่ายที่ปริมาณละอองเกสรในอากาศสูง เนื่องจากเครื่องปรับอากาศจะช่วยหมุนเวียนอากาศภายในบ้านโดยผ่านระบบกรองอากาศ ซึ่งช่วยดักจับสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ได้ในระดับหนึ่ง ทำให้บ้านของเรากลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสิ่งกระตุ้นอาการแพ้ ช่วยให้เราหายใจได้สะดวกขึ้นและใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างสบายใจกว่าเดิมค่ะ ข้อควรปฏิบัติเพื่อจัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดสารก่อภูมิแพ้ • ควบคุมความชื้นภายในบ้าน เวลาอากาศชื้นๆ มักจะเอื้ออำนวยให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอย่างไรฝุ่น และเชื้อราเจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษค่ะ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้คือตัวร้ายหลักที่ทำให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ ถ้าบ้านเรามีความชื้นสูง ไรฝุ่นก็จะยิ่งขยายพันธุ์ได้เร็วขึ้นตามฟูกที่นอน หมอน ผ้าห่ม หรือแม้แต่พรม ส่วนเชื้อราก็ชอบขึ้นตามผนังที่ชื้น หรือในห้องน้ำที่อับๆ การที่เราควบคุมความชื้นในบ้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จึงเป็นการตัดวงจรชีวิตของเจ้าสารก่อภูมิแพ้ และลดปริมาณลงในที่สุด บ้านเราก็จะสะอาดขึ้น ปลอดโปร่งขึ้น และที่สำคัญคือคนที่เป็นภูมิแพ้ก็จะใช้ชีวิตได้สบายขึ้น หายใจได้โล่งขึ้น ไม่ต้องทนทรมานกับอาการแพ้ที่กลับมาทุกปีในช่วงหน้าฝนอีกต่อไปค่ะ • ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ในบางครั้งการระบายอากาศอาจไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้ความชื้นสะสมอยู่ภายใน และส่งผลให้สารก่อภูมิแพ้เจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในที่อับชื้น เช่น ใต้เฟอร์นิเจอร์ มุมห้อง ม่าน หรือแม้แต่ที่นอน ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาดทั่วไป แต่เป็นการป้องกันเชิงรุกเพื่อลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้ได้นะคะ การดูดฝุ่น เช็ดถู ทำความสะอาดพื้นผิว และซักเครื่องนอนเป็นประจำ จะช่วยลดปริมาณไรฝุ่นและเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยให้เราหายใจได้สะดวกขึ้น ลดอาการภูมิแพ้กำเริบ และมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นตลอดฤดูฝนนี้ค่ะ • จัดการแหล่งน้ำขัง ปัญหาหนึ่งที่มักจะตามมาคู่กับความชุ่มฉ่ำก็คือแหล่งน้ำขัง ไม่ว่าจะเป็นกระถางต้นไม้ ยางรถยนต์เก่า จานรองแก้ว หรือแม้แต่แอ่งน้ำเล็กๆ ตามซอกมุมบ้าน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเท่านั้น แต่ยังเป็นสวรรค์ของจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ตัวร้ายที่หลายคนมองข้าม เนื่องจากความชื้นจากน้ำขังจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ทำให้สปอร์เชื้อราและสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศได้ง่ายขึ้น เมื่อเราสูดดมเข้าไปก็จะกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ ดังนั้นการจัดการและกำจัดแหล่งน้ำขังรอบบ้านอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการเทน้ำทิ้ง คว่ำภาชนะ หรือทำให้พื้นแห้งอยู่เสมอ จึงเป็นวิธีง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพสูง ในการช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ในสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา ให้เราและคนในครอบครัวห่างไกลจากอาการภูมิแพ้ และใช้ชีวิตในหน้าฝนได้อย่างสบายใจมากขึ้นค่ะ • ลดการสะสมของผ้า พรม และตุ๊กตาขนปุย หลายคนยังไม่รู้ว่า สารก่อภูมิแพ้มักจะแฝงตัวอยู่ในของใช้ภายในบ้าน โดยเฉพาะสิ่งของที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหรือมีขนปุย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากองโตที่ยังไม่ซัก พรมเช็ดเท้า หรือตุ๊กตาขนปุยตัวโปรด ของเหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำดูดซับความชื้นและฝุ่นละอองค่ะ จึงทำให้ไรฝุ่นเติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ความอับชื้นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีเช่นกัน เมื่อเราสัมผัสหรือสูดดมสารก่อภูมิแพ้เข้าไป ก็จะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้นะคะ ดังนั้นการลดการสะสมของผ้า พรม หรือตุ๊กตาขนปุยที่ไม่จำเป็น หรือการหมั่นทำความสะอาด ซักล้าง และนำไปตากแดดบ่อยๆ จึงเป็นวิธีสำคัญในการช่วยควบคุมปริมาณไรฝุ่นและเชื้อราในบ้านให้ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญค่ะ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บ้านดูเป็นระเบียบ สะอาดตาแล้ว ยังช่วยให้เราและคนในครอบครัวมีสุขอนามัยที่ดี ห่างไกลจากอาการภูมิแพ้ที่มักจะกำเริบในช่วงหน้าฝนนะคะ ข้อควรระมัดระวังเพื่อป้องกันตัวเองจากสิ่งกระตุ้น • หลีกเลี่ยงการตากผ้าภายนอกบ้าน เข้าสู่หน้าฝนทีไร หลายคนคงคุ้นชินกับการตากผ้าในที่ร่ม แต่รู้ไหมคะว่าการหลีกเลี่ยงการตากผ้านอกบ้านในช่วงนี้ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของผ้าไม่แห้งหรือมีกลิ่นอับเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากสารก่อภูมิแพ้ได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งละอองเกสรดอกไม้และเชื้อรา ที่มักแพร่กระจายได้ดีในอากาศชื้นและลมพัดแรงช่วงหน้าฝน ซึ่งการตากผ้านอกบ้านในเวลานี้จึงไม่ต่างอะไรกับการนำพาเอาสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ กลับเข้ามาในบ้านเกาะติดอยู่ตามเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ ซึ่งสามารถกระตุ้นอาการแพ้ให้แย่ลงได้สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ดังนั้นการเลือกใช้เครื่องอบผ้า หรือตากผ้าในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกและแห้งในบ้าน จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้ผ้าแห้งสนิท แต่ยังช่วยปกป้องสุขอนามัยจากสารก่อภูมิแพ้ที่มองไม่เห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยค่ะ • สวมหน้ากากอนามัย ปกติอากาศที่ชื้นและลมแรงจะพัดพาเอาละอองเกสรดอกไม้และสปอร์เชื้อรามาด้วย และลอยฟุ้งอยู่ในอากาศมากกว่าปกติ การสวมหน้ากากอนามัยจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการป้องกันเท่านั้นค่ะ แต่ยังเป็นเสมือนเกราะป้องกันชั้นดีที่ช่วยลดโอกาสในการสูดดมสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้เข้าสู่ร่างกายโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้าน หรืออยู่ในสถานที่ที่มีลมพัดแรง จึงเป็นวิธีง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพในการช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้ และไม่ให้กำเริบหนักจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นอย่ามองข้ามความสำคัญของการสวมหน้ากากอนามัยในช่วงหน้าฝนนะคะ • รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำ รู้ไหมคะว่า เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ตลอดวัน โดยเฉพาะหลังจากออกไปข้างนอก สามารถเป็นแหล่งสะสมของสารก่อภูมิแพ้ได้ ไม่ว่าจะเป็นละอองเกสรที่ลอยมากับลม หรือสปอร์เชื้อราที่มองไม่เห็น หากเราไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและชำระล้างร่างกาย สารก่อภูมิแพ้ก็จะติดอยู่กับผิวหนัง เส้นผม และยังแพร่กระจายไปยังเครื่องนอนหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้อีกด้วย การอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่กลับถึงบ้าน จึงเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการชะล้างสารก่อภูมิแพ้ให้หลุดไป และลดโอกาสที่ร่างกายจะสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นเหล่านี้เป็นเวลานาน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงหรือบรรเทาอาการภูมิแพ้ที่มักกำเริบในช่วงหน้าฝนได้อย่างชัดเจนค่ะ • ไม่ควรปลูกพืชที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ใกล้บ้าน จากที่เรารู้กันดีว่าหน้าฝนเป็นช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง และเหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชหลายชนิด แต่สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ การเลือกพืชมาปลูกรอบๆ บ้านนั้นสำคัญมากๆ ค่ะ เพราะพืชบางชนิด โดยเฉพาะกลุ่มที่ผสมเกสรด้วยลม เช่น หญ้าบางชนิด หรือไม้พุ่มอย่างต้นรัก ต้นปาล์มบางชนิด สามารถปล่อยละอองเกสรจำนวนมหาศาลออกมาในอากาศได้ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นหลักของอาการภูมิแพ้ หากเราปลูกพืชเหล่านี้ไว้ใกล้บ้าน ละอองเกสรก็จะฟุ้งกระจายเข้ามาในตัวบ้านได้ง่ายๆ ผ่านประตู หน้าต่าง หรือแม้กระทั่งติดมากับเสื้อผ้าและสัตว์เลี้ยง การหลีกเลี่ยงการปลูกพืชเหล่านี้ใกล้บริเวณบ้าน จึงเป็นการลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ในสภาพแวดล้อมโดยตรง และช่วยให้เราและคนที่เรารักสามารถใช้ชีวิตในช่วงหน้าฝนได้อย่างสบายขึ้น โดยไม่ต้องเผชิญกับอาการภูมิแพ้ที่คอยกวนใจนะคะ และนั่นคือแนวทางสำหรับการดูแลตัวเองนะคะ จะเห็นได้ว่าการรับมือกับสารก่อภูมิแพ้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนนั้น เราทุกคนสามารถลงมือทำได้ ตั้งแต่การรู้จักสารก่อภูมิแพ้ของตัวเองอย่างลึกซึ้ง การจัดการสุขอนามัยส่วนบุคคลให้สะอาดอยู่เสมอ การหมั่นสังเกตพยากรณ์อากาศและปริมาณละอองเกสร ฯลฯ เพื่อวางแผนการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด ไปจนถึงการหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นอาการแพ้ โดยทั้งหมดนี้คือแนวทางที่ช่วยให้เราสร้างเกราะป้องกัน และลดผลกระทบจากภูมิแพ้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เรามีลมหายใจที่ปลอดโปร่งและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ค่ะ นอกจากการดูแลสุขภาพของตัวเองแล้ว เรายังสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ผู้อื่นมีลมหายใจที่ปกติได้อีกด้วยนะคะ ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคเพื่อรับเข็มวันอานันทมหิดล ประจำปี 2568 เข็มแห่งคุณงามความดีนี้เป็นสัญลักษณ์ของการให้ ที่จะเปลี่ยนเป็นลมหายใจอันมีค่าสำหรับผู้ป่วย โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยิ่งไปกว่านั้น รายได้ส่วนหนึ่งยังสนับสนุน โครงการ “Happy Home Respiratory Care” ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่องที่บ้าน เพื่อลดภาระและช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้อย่างมีความสุขในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ทุกการบริจาค ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใด ล้วนมีความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ มาร่วมกันเป็นผู้ให้ในวันอานันทมหิดลปีนี้ และสร้าง “ลมหายใจแห่งความหวัง” ให้กับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนกันนะคะ สำหรับรายละเอียดการบริจาคและช่องทางการติดตามโครงการ สามารถดูได้ที่ Social Media ของเรา: anan_day #ANANDAY2025 #วันอานันทมหิดล #เข็มวันอานันทมหิดล เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Pressfoto จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Stéphane Mingot จาก Unsplash, ภาพที่ 2 จากแอป Weather , ภาพที่ 3 โดย Josue Michel จาก Unsplash, ภาพที่ 4-5 โดยผู้เขียน และภาพที่ 6 จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 14 วิธีมีสุขอนามัยพื้นฐานส่วนบุคคลดี เริ่มง่ายๆ จากที่บ้าน วิธีกำจัดไรฝุ่น อาศัยอยู่บนที่นอนในบ้าน แบบไม่ใช้สารเคมีเลย 12 แนวทางดูแลสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน ช่วงหน้าฝน ต้องทำอะไรบ้าง จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !