…..ตั้งแต่อายุมากขึ้น..เลยหลักสี่ ดอนเมือง มาจนถึงเลข 5 แล้ว ความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะลุก นั่ง เดินเหินไปไหนมาไหน เริ่มขาดความคล่องตัว ช่วงไหนทำอะไรรีบ ๆ ก็จะเกิดมึนงง เวียนหัว เหนื่อย และไม่ได้อย่างใจคิดเหมือนเดิมแล้ว... การเดินทางไปไหนมาไหนด้วย รถยนต์ หรือรถประจำทาง ก็ทำให้เกิดความไม่สบายตัว อึดอัด หากมีอะไรมาจำกัดการเคลื่อนที่ซักหลาย ๆ ชั่วโมง ข้อขาข้อเข่าก็จะปวดชา และเวลาในการฟื้นตัวช้ากว่าที่เคย เมื่อถึงคราวที่จะต้องเดินทางก็ต้องเตรียม กระดาษทิชชู่ ไว้เข้าห้องน้ำบนรถโดยสาร ถุงพลาสติค สำหรับอ้วก หากมีอาการวิงเวียน ยาลมยาหม่องก็ต้องเตรียมเพื่อไม่ให้เป็นลม.... เรียกได้ว่า พออายุมากขึ้น ชิ้นส่วนของร่างกายเกิดความเสื่อมไปทุกส่วน ตาที่เคยมองได้อย่างแจ่มชัดก็เริ่มมัว ๆ ต้องอาศัยร้านแว่น ท้อปเจริญ ตัดแว่นสายตามาปรับวิสัยทัศน์การมอง เส้นผมบนหนังศีรษะก็หลุดร่วง บางจนขาดความมั่นใจ เดินเหินไปไหนมาไหนเร็ว ๆ ก็รู้สึกเหนื่อย ต้องหยุดพักหายใจ ยิ่งตอนไหนต้องไปโรงพยาบาลแล้วรีบ ๆ หมอให้วัดความดัน อาการที่เลือดสูบฉีดมาก ๆ ก็ทำให้ความดันเลือดสูงกว่าปกติ จนพยาบาลต้องให้นั่งพักรอก่อน เพื่อที่จะวัดใหม่ เพราะหากความดันสูงเกินไป หมอคงไม่ยอมรักษาเพราะจะเกิดอันตรายได้.... อาหารการกินที่เคยกินเผ็ด กินเค็ม กินหวาน ก็เปลี่ยนไป เริ่มรู้สึกถึงรสชาติแปร่ง ๆมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเผ็ดจัด เค็มเกิน หวานเลี่ยน ก็รู้สึกได้ตอนอายุมากขึ้น อาหารการกินจะเน้นรสจืดเป็นหลัก เลือกกินมากขึ้น และพยายามหาความสุขจากการกินมากขึ้น เพราะอายุมาก หากพอมีอันจะกินแล้วก็เริ่มเสาะหาร้านอร่อย ไม่เกี่ยงราคาค่างวด ร้านไหนไม่อร่อยถูกปากก็คงไปครั้งเดียวแล้วก็บอกลากันไป แต่ถ้าร้านไหนอาหารถูกปากราคาพอดี มีบรรยากาศก็จะใช้บริการมากขึ้น อาการที่เป็นกับคนสูงอายุ ที่เป็นหลัก ๆ ก็เรื่องการเดินเหินนี่แหละ เพราะข้อเข่าจะขาดน้ำมันหล่อลื่น เดินไปก็จะรู้สึกขัด ๆ นั่งขัดสมาธิ หรือพับเพียบไหว้พระนาน ๆก็เหน็บกิน ครั้นนานๆ ไปก็ไม่นั่งพับเพียบแล้ว ต้องหาเก้าอี้พลาสติคมานั่งไหว้พระ ช่วงไหนมีเทศกาลงานบุญ สวดมนต์ทำวัตร ก็นั่งเก้าอี้ไปตลอด พอเป็น ส.ว. สูงวัยแล้ว ก็เริ่มหาอาหารเสริมมาไว้สำหรับพยุงกาย เช่น แคลเซียม วิตมินรวม น้ำมันตับปลา และอาหารเสริมหลายอย่างทั้งที่มี อย.และขายอยู่ในทีวี ที่บรรยายสรรพคุณกันอย่างเลิศหรู แต่ราคาแพงเอาการ คนที่ไม่มีรายได้มากนักก็ต้องยอมทนปวดขัดไปตามวัย แต่ที่มีรายได้พอจะมีจะกินบ้าง ก็ต้องเสาะหามาไว้.... สิ่งที่สำคัญอีกอย่างสำหรับผู้สูงวัย แบบผมที่จะเริ่มเข้าช่วงใกล้เกษียณ ก็คือการรักษาสุขภาพ ออกกำลังกายให้ได้วันละอย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่งเบาๆ ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่ยืนแกว่งแขนอยูกับที่ก็ควรทำให้ได้ 30 นาทีทุกวัน อาหารสำหรับผู้สูงอายุวัย50 อัพ ไม่ควรจะเป็นอาหารที่ย่อยยากประเภท เนื้อสัตว์ ไขมันอิ่มตัว หรืออาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน เผ็ดจนแสบใส้ เค็มจนน้ำทะเลเรียกพี่ ประเภทไม่มีน้ำปลาข้างสำรับก็ไม่ยอมกินข้าว แบบนี้เห็นทีโรคไตวายจะถามหาในเร็ววัน หลังอาหารคาวก็ไม่ควรจะทานอาหารหวานมากนัก ยิ่งเป็นมื้อเย็นยิ่งอันตราย เพราะน้ำตาลจะสะสมในร่างกาย เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้.. ควรเน้นอาหารที่เป็นผัก ผลไม้ ที่มีไฟเบอร์เยอะๆ จะทำให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายเป็นปกติ ท้องไม่ผูก และไม่รู้สึกอึดอัด... การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ คงไม่ต้องสมบุกสมบันแบบสมัยหนุ่มๆแล้ว แบบว่าเห็นสาวๆแล้วใจมันหนุ่มกระชุ่มกระชวยจนอยากโชว์เสต็ป ระวังเลือดลมสูบฉีดไม่ทัน เวลาเป็นลมปัจจุบันทันด่วนแล้ว รถ1669 อาจจะมาไม่ทันเวลาที่ต้องการ งานกีฬาประเภทเตะฟุตบอลประเพณีกระชับมิตรระหว่างหน่วยงานราชการ เห็นมาบ่อยครั้งที่หายใจไม่ทัน และส่งไม่ถึงโรงพยาบาลก็หมดลมเสียก่อน เป็นอันตรายมากๆ วิธีที่ค่อนข้างปลอดภัยก็คือการเดินออกกำลังกายธรรมดานี่แหละครับ ว่ากันว่า แค่เดิน10000 ก้าวในแต่ละวัน หรือใช้เวลาออกกำลังเบาๆวันละ30 นาทีเช้าและเย็น โรคภัยที่ ส.ว.ส่วนใหญ่เป็นก็จะหลีกไกลไปได้.. กินอาหารเช้า กลางวัน เลี่ยงมื้อหนักๆตอนเย็นจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาวได้ ดื่มน้ำบ่อย ๆ เข้าไว้ แม้จะมีอาการปวดเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ก็จำเป็น....สุขภาพเป็นเรื่องเฉพาะตัว เมื่อแก่ตัวขึ้นมาลูกหลานจะหามาดูแลเราให้ได้ตลอดนั้นเห็นจะยากแล้วในสังคมปัจจุบันที่ เศรษฐกิจเริ่มโตช้า…..จะให้ลูกหลานหยุดงานมาดูแลก็คงจะต้องมีมรดกซักหลายสิบล้านจึงจะพอ...ถ้าไม่เช่นนั้นก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้มากที่สุดนั่นแหละ...โยม.....