9 ไอเดียดูแลสุขอนามัย ระหว่างใช้ชีวิตต่างสถานที่ ช่วงหยุดยาว เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ช่วงหยุดยาวคือช่วงเวลาที่หลายคนเฝ้ารอ เพราะเป็นโอกาสได้เปลี่ยนบรรยากาศ เดินทางออกจากพื้นที่คุ้นเคย และใช้ชีวิตในสถานที่ใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวกันการเปลี่ยนสถานที่ก็หมายถึงการเปลี่ยนอาหาร น้ำ สิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมประจำวันโดยไม่รู้ตัวนะคะ หากเราไม่ใส่ใจเรื่องสุขอนามัยมากพอ ความสบายใจในช่วงพักผ่อนอาจถูกแทนที่ด้วยความไม่สบายกายที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งการเตรียมตัวด้านสุขอนามัยจึงไม่ใช่เรื่องเกินจำเป็น แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของการเดินทางที่ปลอดภัยค่ะ และนี่คือจุดที่หลายคนมักมองข้าม เพราะสุขอนามัยไม่ได้เริ่มต้นเมื่อเกิดปัญหา แต่เริ่มตั้งแต่การตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน ตั้งแต่วิธีใช้ชีวิต การเลือกกิน การดูแลร่างกาย ไปจนถึงการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในพื้นที่เดียวกันค่ะ เมื่อเราเริ่มฝึกมองภาพรวมของสุขอนามัยเป็นระบบเดียวกัน เราจะเห็นชัดว่าพฤติกรรมเล็กๆ เชื่อมโยงกันทั้งหมด และเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ช่วงหยุดยาวของเราเป็นช่วงเวลาที่ได้พักจริง ที่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ต้องมารับมือกับปัญหาสุขภาพภายหลังนะคะ ดังนั้นเรามาเรียนรู้เกี่ยวกับ 9 ไอเดียดูแลสุขอนามัย ระหว่างใช้ชีวิตต่างสถานที่ ช่วงหยุดยาวกันค่ะ 1. ใส่ใจความสะอาดมือให้มากกว่าปกติ ในช่วงหยุดยาวที่เราใช้ชีวิตต่างสถานที่ ความสะอาดของมือกลายเป็นด่านแรกของสุขอนามัยที่หลายคนมองข้ามค่ะ โดยมือของเราสัมผัสพื้นผิวหลากหลายกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นลูกบิดประตู โต๊ะอาหาร รีโมต ที่จับรถเข็น หรือของใช้สาธารณะ ซึ่งล้วนเป็นจุดสะสมจุลินทรีย์ได้ดี หากเรายังใช้พฤติกรรมล้างมือแบบเดิม ความเสี่ยงที่จุลินทรีย์ก่อโรคจะเข้าสู่ร่างกายผ่านการหยิบจับอาหาร ขยี้ตา หรือสัมผัสปากก็จะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การใส่ใจความสะอาดมือมากกว่าปกติจึงไม่ใช่เรื่องจุกจิก แต่เป็นการตัดวงจรการรับจุลินทรีย์ที่ได้ผลและทำได้จริงที่สุด ซึ่งมือที่สะอาดก็ไม่ใช่แค่ล้างเมื่อเห็นว่าสกปรกเท่านั้น แต่คือการล้างให้ถูกจังหวะและถูกวิธีค่ะ โดยเราควรล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนกินอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังจับของใช้ร่วม หรือหลังกลับจากพื้นที่แออัด และในกรณีที่ไม่สะดวกใช้น้ำ ควรมีเจลแอลกอฮอล์ติดตัวเป็นตัวช่วยเสริม การเพิ่มความถี่ในการดูแลมือช่วงเดินทาง จะช่วยลดปัญหาท้องเสีย อาหารเป็นพิษ และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารที่มักเกิดซ้ำในช่วงเทศกาลได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยพฤติกรรมที่อาจดูเล็กน้อยแต่ส่งผลต่อสุขอนามัยของเรามากกว่าที่คิดค่ะ 2. มีของใช้ส่วนตัวติดตัวเสมอ เมื่อเราใช้ชีวิตต่างสถานที่ช่วงหยุดยาว การพกของใช้ส่วนตัวติดตัวไว้เสมอเป็นหนึ่งในหลักสุขอนามัยพื้นฐาน ที่ช่วยลดความเสี่ยงได้มากกว่าที่หลายคนคิดนะคะ เพราะว่าของใช้ที่ดูเหมือนเล็กน้อย เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า แปรงสีฟัน หรือผ้าเช็ดตัว มักเป็นของที่มีโอกาสสัมผัสน้ำลาย เหงื่อ และสารคัดหลั่งโดยตรง หากต้องใช้ร่วมกับผู้อื่นหรือใช้ของที่ไม่ทราบประวัติการทำความสะอาด จุลินทรีย์สามารถถ่ายทอดจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายโดยที่เราไม่รู้ตัว การเตรียมของใช้ส่วนตัวจึงเป็นการตัดความเสี่ยงตั้งแต่ต้นทางค่ะ อีกทั้งการแยกของใช้ส่วนตัวออกจากของส่วนรวม ยังช่วยลดการปนเปื้อนข้ามระหว่างบุคคล โดยเฉพาะในบ้านญาติที่มีคนหลายวัยอยู่ร่วมกัน การมีของใช้ส่วนตัวเป็นของตัวเองยังช่วยให้เราควบคุมความสะอาดได้ดีขึ้น รู้ว่าของชิ้นไหนผ่านการล้างหรือทำความสะอาดมาอย่างไร พฤติกรรมนี้อาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ช่วยลดปัญหาทางเดินอาหาร การระคายเคืองผิวหนัง และการเจ็บป่วยที่มักเกิดซ้ำในช่วงเดินทางได้อย่างชัดเจน และทำให้การใช้ชีวิตต่างสถานที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้นอย่างยั่งยืนค่ะ 3. ระวังเรื่องน้ำดื่มและน้ำใช้ เมื่อต้องใช้ชีวิตต่างสถานที่ช่วงหยุดยาว เรื่องน้ำดื่มและน้ำใช้เป็นปัจจัยด้านสุขอนามัยที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรงมากกว่าที่หลายคนคาดคิด ซึ่งแหล่งน้ำในแต่ละพื้นที่มีคุณภาพไม่เท่ากันค่ะ บางแห่งอาจเป็นน้ำบาดาล น้ำประปาหมู่บ้าน หรือระบบน้ำชั่วคราวที่ไม่ได้ผ่านการควบคุมอย่างสม่ำเสมอ หากเราใช้น้ำเหล่านี้โดยไม่ประเมินความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม แปรงฟัน หรือใช้น้ำล้างภาชนะ จุลินทรีย์และสิ่งปนเปื้อนอาจเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว และมักแสดงอาการในรูปแบบของท้องเสียหรืออาการทางเดินอาหารในภายหลัง และในด้านสุขาภิบาลแนะนำว่า การป้องกันที่ง่ายและปลอดภัยที่สุด คือ การเลือกใช้น้ำดื่มบรรจุขวดที่ปิดสนิทจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ใช้น้ำสะอาดในการแปรงฟัน และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำที่ขุ่น มีกลิ่น สี หรือรสผิดปกติ สำหรับน้ำใช้ ควรเน้นการใช้งานที่ไม่เสี่ยงต่อการกลืนหรือสัมผัสเยื่อบุร่างกายโดยตรง และหากจำเป็นต้องใช้น้ำจากแหล่งท้องถิ่น ควรต้มให้เดือดก่อนเสมอ การใส่ใจเรื่องน้ำแม้เพียงเล็กน้อย จะช่วยลดปัญหาสุขภาพที่มักเกิดซ้ำช่วงเดินทาง และทำให้การพักผ่อนช่วงหยุดยาวเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้นนะคะ 4. เลือกรับประทานอาหารอย่างมีสติ ช่วงหยุดยาวเป็นช่วงที่รูปแบบการกินของเราเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เรามักกินอาหารนอกบ้านบ่อยขึ้น กินไม่เป็นเวลา และเลือกจากความสะดวกหรือความอยากมากกว่าความปลอดภัย โดยหลายคนอาจยังมองภาพไม่ออกว่า อาหารที่ปรุงทิ้งไว้นาน อาหารที่ไม่ร้อน หรืออาหารที่วางในสภาพแวดล้อมเปิด มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจุลินทรีย์สูง โดยเฉพาะเมื่อสถานที่นั้นมีคนพลุกพล่านและการควบคุมสุขาภิบาลทำได้จำกัด หากเราไม่ใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการเลือก อาหารมื้อเดียวอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพตลอดทริปได้ค่ะ และในมุมมองด้านสุขาภิบาลอาหาร การกินอย่างมีสติหมายถึงการสังเกตก่อนตัดสินใจ เลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ร้อน สะอาด ภาชนะไม่สกปรก และร้านมีการจัดการพื้นที่ที่เหมาะสม ควรหลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ และอาหารที่ต้องสัมผัสมือโดยตรงโดยไม่จำเป็น ซึ่งการชะลอการตัดสินใจเพียงไม่กี่วินาที เพื่อดูความสะอาดของอาหารและสภาพแวดล้อม จะช่วยลดความเสี่ยงอาหารเป็นพิษและการเจ็บป่วยทางเดินอาหารได้อย่างมาก ทำให้การเดินทางช่วงหยุดยาวปลอดภัยและน่าจดจำมากขึ้นค่ะ 5. ดูแลสุขอนามัยในที่พักที่ใช้ร่วมกัน เมื่อเราเข้าพักในสถานที่ที่มีคนหลายคนใช้พื้นที่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านญาติ โฮมสเตย์ หรือที่พักแบบรวม ความเสี่ยงด้านสุขอนามัยจะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัตินะคะ เนื่องจากพื้นที่อย่างโต๊ะอาหาร ห้องน้ำ ลูกบิดประตู รีโมต หรืออุปกรณ์ครัว เป็นจุดสัมผัสร่วมที่มีโอกาสสะสมจุลินทรีย์สูง หากไม่มีการจัดการความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จุลินทรีย์สามารถแพร่กระจายจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงหยุดยาวที่มีการเข้าออกของคนหลายวัยและใช้พื้นที่ถี่กว่าปกติ โดยการดูแลที่พักที่ใช้ร่วมกันก็ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนค่ะ แต่ควรเน้นจุดเสี่ยงเป็นหลัก เราควรเช็ดทำความสะอาดจุดสัมผัสบ่อยด้วยน้ำยาที่เหมาะสม จัดแยกของใช้ส่วนตัวออกจากของส่วนกลางให้ชัดเจน และดูแลห้องน้ำให้แห้ง สะอาด ไม่อับชื้น ซึ่งพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยลดการปนเปื้อนข้าม ลดการเจ็บป่วยที่มักเกิดพร้อมกันหลายคนในครอบครัว และทำให้การอยู่ร่วมกันต่างสถานที่เป็นไปอย่างปลอดภัยและสบายใจมากขึ้นค่ะ 6. จัดการขยะและเศษอาหารให้ถูกวิธี เมื่อเราใช้ชีวิตต่างสถานที่ช่วงหยุดยาว ปริมาณขยะและเศษอาหารมักเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากปล่อยทิ้งค้างไว้ในที่พักหรือในรถ ขยะเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งดึงดูดแมลง หนู และสัตว์พาหะที่นำโรคมาสู่พื้นที่อยู่อาศัยได้ อีกทั้งกลิ่นเหม็นและความอับชื้นยังส่งผลต่อคุณภาพอากาศและสุขอนามัยโดยรวม ทำให้ความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจุลินทรีย์ในอาหารและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยในมุมมองด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะที่ดีควรเริ่มจากการแยกขยะและเศษอาหารตั้งแต่ต้นทางค่ะ ให้ใช้ถุงที่แข็งแรง ปิดปากถุงให้มิดชิด และนำไปทิ้งในจุดที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ค้างคืนโดยไม่จำเป็น สำหรับเศษอาหารควรลดการทิ้งเรี่ยราดและหลีกเลี่ยงการเก็บในภาชนะเปิด ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ช่วยลดปัญหาแมลงและสัตว์พาหะ ลดกลิ่นรบกวน และทำให้ที่พักช่วงหยุดยาวสะอาด ปลอดภัย และน่าอยู่มากขึ้นได้นะคะ 7. ดูแลสุขอนามัยของร่างกายให้สม่ำเสมอ ในช่วงหยุดยาวที่เราเดินทางหรือใช้ชีวิตนอกบ้าน รูปแบบการพักผ่อนและการดูแลร่างกายมักถูกรบกวนจากกิจกรรมที่ต่อเนื่องและการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม การอาบน้ำไม่เป็นเวลา การใส่เสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อซ้ำ หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายอ่อนล้าและเอื้อต่อการสะสมของจุลินทรีย์ เมื่อร่างกายสะสมความเหนื่อยล้า ภูมิคุ้มกันจะลดลง ทำให้เราป่วยง่ายขึ้นแม้จากจุลินทรีย์ที่ปกติร่างกายรับมือได้ ซึ่งการดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอ คือ การรักษาสมดุลพื้นฐานของสุขภาพ ควรอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แห้งสะอาดทุกวัน ดูแลความสะอาดของผิวหนัง เส้นผม และเล็บ รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอ การไม่ละเลยกิจวัตรเหล่านี้ช่วยลดการสะสมของจุลินทรีย์ ลดการระคายเคืองผิว และป้องกันการเจ็บป่วยที่มักเกิดขึ้นช่วงเดินทาง โดยพฤติกรรมพื้นฐานเหล่านี้คือเกราะป้องกันสุขภาพที่สำคัญ ทำให้เราพร้อมใช้ชีวิตต่างสถานที่ได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพค่ะ 8. ระวังการใช้ห้องน้ำสาธารณะ ห้องน้ำสาธารณะเป็นพื้นที่ที่มีการใช้งานสูงและมีความเสี่ยงด้านสุขอนามัยมากกว่าพื้นที่อื่นค่ะ โดยเฉพาะในช่วงหยุดยาวที่มีนักเดินทางจำนวนมาก พื้นผิวอย่างโถสุขภัณฑ์ ที่กดชักโครก ก๊อกน้ำ ลูกบิดประตู และพื้นห้องน้ำ ล้วนเป็นจุดสัมผัสร่วมที่อาจสะสมจุลินทรีย์จากผู้ใช้หลายคน หากเราใช้งานโดยไม่ระมัดระวัง จุลินทรีย์ก็สามารถแพร่กระจายต่อไปยังอาหารและร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งการใช้ห้องน้ำสาธารณะอย่างปลอดภัย คือ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิวโดยตรงเท่าที่จำเป็น ใช้กระดาษหรือทิชชู่ช่วยป้องกันมือ และล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน หากไม่มีสบู่ควรใช้เจลแอลกอฮอล์เสริม การใส่ใจขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆเหล่านี้ช่วยลดการนำจุลินทรีย์ออกจากห้องน้ำสู่ร่างกายและพื้นที่อื่น ทำให้การเดินทางและการใช้ชีวิตต่างสถานที่ในช่วงหยุดยาวปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้นอย่างชัดเจนนะคะ 9. สังเกตอาการผิดปกติของร่างกายตัวเอง ช่วงหยุดยาวที่เราเดินทางหรือใช้ชีวิตต่างสถานที่ ร่างกายต้องปรับตัวกับอาหาร น้ำ สภาพแวดล้อม และตารางชีวิตที่เปลี่ยนไป อาการผิดปกติเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย ท้องไม่สบาย คลื่นไส้ หรือมีไข้ต่ำๆ มักถูกมองข้ามและคิดว่าเป็นเรื่องชั่วคราว หากเราไม่ใส่ใจสัญญาณเหล่านี้ อาการเล็กๆ อาจพัฒนาเป็นปัญหาสุขภาพที่รบกวนทั้งการพักผ่อนและกิจกรรมในช่วงวันหยุดได้อย่างรวดเร็วค่ะ ดังนั้นการสังเกตร่างกายตัวเองคือการเฝ้าระวังตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เมื่อมีอาการผิดปกติควรชะลอกิจกรรมหนัก พักผ่อนให้เพียงพอ ระมัดระวังเรื่องอาหารและน้ำดื่มมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่นเพื่อลดการแพร่กระจายของจุลินทรีย์ ซึ่งการฟังสัญญาณของร่างกายอย่างจริงจังไม่เพียงช่วยให้เราฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันการเจ็บป่วยซ้ำซ้อน ทำให้การใช้ชีวิตต่างสถานที่ในช่วงหยุดยาวเป็นไปอย่างปลอดภัยและยั่งยืนค่ะ ที่โดยสรุปแล้วการดูแลสุขอนามัยระหว่างใช้ชีวิตต่างสถานที่ช่วงหยุดยาว ไม่ใช่เรื่องของกฎระเบียบหรือความจุกจิกค่ะ แต่คือการจัดการความเสี่ยงที่เปลี่ยนไปจากชีวิตประจำวัน เพราะเมื่อเราออกจากพื้นที่คุ้นเคย เราต้องเผชิญอาหาร น้ำ คน และสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้น้อยลง ภาพใหญ่ของสุขอนามัยจึงอยู่ที่การรู้เท่าทัน มากกว่าการระวังแบบตื่นกลัว ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้หมานความว่าเราต้องทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ แต่ต้องรู้ว่าจุดไหนเสี่ยง และควรลดความเสี่ยงนั้นอย่างไร เพื่อไม่ให้วันหยุดที่ตั้งใจพักผ่อน กลายเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องรับภาระหนักโดยไม่จำเป็นค่ะ และในทางปฏิบัติสุขอนามัยที่ดีเกิดจากพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำซ้ำได้จริงในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเลือกกิน เลือกใช้ เลือกสัมผัส ไปจนถึงการดูแลร่างกายและพื้นที่รอบตัว โดยหลักคิดสำคัญคือการไม่ปล่อยให้ความสะดวกมาก่อนความปลอดภัย และไม่มองข้ามรายละเอียดที่ดูเล็กน้อย เพราะจุลินทรีย์และปัญหาสุขภาพมักเริ่มจากจุดเล็กๆ เหล่านี้ การมีสติในทุกการตัดสินใจ แม้เพียงไม่กี่วินาที สามารถลดความเสี่ยงได้มากกว่าการแก้ไขเมื่อเกิดปัญหาแล้วค่ะ โดยภาพรวมของการดูแลสุขอนามัยช่วงเดินทาง คือการสร้างเกราะป้องกันสุขภาพให้ร่างกายพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เมื่อเราดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะฟื้นตัวได้ดี ปรับตัวได้เร็ว และไม่ดึงปัญหาสุขภาพมารบกวนคนรอบข้าง สุขอนามัยจึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมที่ทำให้การอยู่ร่วมกันต่างสถานที่ปลอดภัย สบายใจ และเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำอย่างแท้จริงค่ะ สำหรับผู้เขียนในช่วงที่ไปต่างถิ่นหรือไปในสภาพแวดล้อมใหม่ อย่างแรกเลยจะดูข้อมูลด้านคุณภาพอากาศในแอปหรือเว็บไซต์ต่างๆ ค่ะ แต่ก็พกหน้ากากอนามัยไปปกติ เรื่องน้ำและอาหารจะระวังมากหน่อย ในส่วนของของใช้ส่วนตัวประเด็นนี้ไม่เคยละเลยค่ะ ต่อให้เป็นคนใกล้ตัวก็ต้องแยก ไม่มีการยืมและไม่ให้ยืมด้วยค่ะ ถ้าลืมก็ให้ไปหาซื้อใหม่สำหรับคนนั้นไปเลย และถ้าพูดถึงเรื่องขยะนั้นปกติผู้เขียนจัดการให้อย่างดีค่ะ ไม่เกี่ยวว่าได้จ่ายค่าที่พักไปแล้ว โดยผู้เขียนมักแยกขยะที่สามารถรีไซเคิลได้วางไว้ขางถังขยะหรือใส่ถุงพลาสติกวางตั้งไว้ต่างหาก ขยะทั่วไปทิ้งในถังขยะของทางที่พัก ส่วนเศษอาหารจะกวาดใส่ถุงพลาสติกอีกใบและมัดปากให้มิดชิดค่ะ ถ้าไปพักตามโรงแรมจะไม่ขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันจนแม่บ้านไม่สามารถทำความสะอาดได้นะคะ #วิธีดูแลสุขภาพ #ส่งเสริมสุขภาพ # #การป้องกันโรค #HealthPromotion #อนามัยสิ่งแวดล้อม เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก ถ่ายภาพโดย Benzoix จาก Freepik และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-2,4 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน และภาพที่ 3 ถ่ายภาพโดย Freepik จาก FREEPIK เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล วิธีดูแลตัวเอง รับมือสารก่อภูมิแพ้หน้าฝน วันอานันทมหิดล 9 ทริคส่งเสริมสุขอนามัย จากกินอาหารนอกบ้านถี่ขึ้น ช่วงเทศกาล 9 สิ่งต้องรู้อาหารค้างคืน ในช่วงอากาศหนาวเย็น ยังไงปลอดภัย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !