ยาบำรุงเลือด กินแล้วอ้วนไหม ห้ามกินกับอะไร ผลข้างเคียงยาบำรุงเลือดอาจเป็นยาที่หลายๆ คนมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยอาจได้กินตลอดหรือได้กินเป็นบางช่วง และหลายๆ คนก็มักมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยาบำรุงเลือดว่ากินยาบำรุงเลือดยังไงดี กินแล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง กินแล้วอ้วนไหมและไม่ควรกินกับอะไรเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่มีอยู่ในตัวยามากที่สุด ซึ่งในบทความนี้มีคำตอบค่ะ แต่ก่อนจะพูดไปยาวๆ นั้น ต้องบอกว่าผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบำรุงเลือดค่ะ โดยตัวเองมีโอกาสได้กินยาบำรุงเลือดเป็นบางช่วงแบบไม่ได้บริจาคเลือดและกินทุกครั้งหลังจากบริจาคเลือดค่ะ จึงอยากมาเล่าสู่กันฟังค่ะว่ายาบำรุงเลือด มีข้อมูลอะไรบ้างที่เราในฐานะคนทั่วไปจำเป็นต้องเรียนรู้ไว้ค่ะ ดังนั้นต้องอ่านต่อให้จบค่ะเพราะเป็นข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์ตรงเลย!😀ก่อนอื่นขอถามก่อนค่ะว่า คุณผู้เขียนเคยได้ยินบางคนพูดประโยคนี้ไหมค่ะ "กินยาบำรุงเลือดแล้วทำให้อ้วน" ต้องขอเถียงค่ะว่าประโยคนี้ไม่เป็นความจริง! เพราะจากที่ผู้เขียนได้บริจาคเลือดมาแล้วจำนวน 17 ครั้ง ที่หลังจากบริจาคเลือดแล้วทุกครั้งจะได้รับยาบำรุงเลือดมากินนั้น ซึ่งตัวเองกินตลอดค่ะตอนนี้ก็ยังมีน้ำหนักเพียงแค่ 45 กิโลกรัมเท่านั้น! ด้วยความสูง 163 เซนติเมตรค่ะ ดังนั้นอ้วนผอมไม่ได้เกี่ยวกับยาบำรุงเลือดแน่นอน‼️ แถมในบางครั้งที่ไม่ได้บริจาคเลือดยังได้ยาบำรุงเลือดมากินอีก เพราะพบว่าความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดค่ะ แต่ยาบำรุงเลือดก็ไม่ได้ทำให้อ้วนเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับความเชื่อส่วนบุคคลที่ส่งต่อกันมาแบบไม่ได้ตรวจสอบก่อนเชื่อค่ะ!ยาบำรุงเลือดที่ผู้เขียนได้รับมากินและมีประสบการณ์มานั้น มักเกิดจากความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงน้อยลงจากสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งค่ะ เช่น ช่วงหลังมีประจำเดือน ช่วงหลังจากที่ไปขูดหินปูนและหลังจากที่ไปบริจาคเลือด ซึ่งสำหรับคนแต่ละคนจะมีสาเหตุแตกต่างกันว่าทำไมถึงได้รับยาบำรุงเลือดค่ะ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่เราทุกคนต้องการและได้รับคือเม็ดเลือดแดงมีความสมบูรณ์มากขึ้นค่ะ และถ้าจะพูดว่ายาบำรุงเลือดคือยาบำรุงชนิดหนึ่งก็ได้ค่ะ โดยยาบำรุงเลือดสามารถนำมากินเพื่อส่งเสริมสุขภาพซึ่งจะเห็นได้ชัดในคนที่ไปบริจาคเลือด เพราะได้รับยาบำรุงเลือดปราศจากการถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคใดโรคหนึ่งค่ะยาบำรุงเลือด หรือ Ferro-B cal ใช้คำย่อว่า FBC โดยในยาหนึ่งเม็ดมีตัวยาที่สำคัญๆ ดังนี้ค่ะ- ธาตุเหล็ก- วิตามินบี 1- วิตามินบี 2- วิตามินบี 12- วิตามินซี- ไนอะซิน- กรดโฟลิก- แคลเซียมโดยในภาพรวมยาบำรุงเลือดมีส่วนทำให้ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงมีความต้านทานต่อโรคมากขึ้น ช่วยลำเลียงธาตุเหล็กไปยังเซลล์เม็ดเลือดแดงได้ดีขึ้น ส่งเสริมกระบวนการในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้เกิดขึ้นตามปกติ ป้องกันไม่ให้เกิดโลหิตจาง ช่วยทำให้ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยส่งเสริมขบวนการแข็งตัวของเลือดในร่างกายเราค่ะ นั่นคือผลลัพธ์ที่จะได้แน่นอนจากการกินยาบำรุงเลือดค่ะประสบการณ์ใช้ยาบำรุงเลือดจากที่ผู้เขียนมีประสบการณ์มานั้นในกรณีที่ตัวเองต้องกินยาบำรุงเลือด เพราะความเข้มข้นของเลือดไม่เหมาะสมสำหรับการบริจาคเลือด ต้องกินยาบำรุงเลือดวันละ 1 เม็ดก่อนนอนค่ะ หากลืมกินยาไม่เกิน 15 นาที ให้กินยาบำรุงเลือดทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเกิน 15 นาทีไปแล้ว ให้ตัดการกินยาในครั้งนั้นออกไปเลย และไปเริ่มกินยาที่เวลาใหม่ตามปกติโดยไม่ต้องเพิ่มยาเป็น 2 เท่าค่ะ และจากการที่ผู้เขียนได้สังเกตมานั้นยาบำรุงเลือดมีอายุในการใช้งาน 1 ปีนับจากวันที่ผลิตค่ะ และยาบำรุงเลือกต้องเก็บให้พันจากแสงแดด เพื่อป้องกันประสิทธิภาพในตัวยาลดลงค่ะผลข้างเคียงที่พบต้องบอกว่าตั้งแต่ผู้เขียนกินยาบำรุงเลือดมาและได้เก็บข้อมูลมานั้น พบว่า หลังจากที่กินยาบำรุงเลือดไปแล้วอุจจาระมีสีดำค่ะ ที่เป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้จากการกินยาบำรุงเลือดค่ะ พอหยุดกินลักษณะของอุจจาระก็กลับมากปกติค่ะ และไม่เคยพบว่าตัวเองมีอาการแพ้จากการกินยาบำรุงเลือดค่ะ ถึงแม้ว่ายาบำรุงเลือดจะดูเหมือนไม่ได้อันตรายมาก แต่การเก็บยาบำรุงเลือดยังมีความจำเป็นต้องเก็บให้พ้นจากมือเด็กนะคะ!ห้ามกินยาบำรุงในลักษณะต่อไปนี้- ไม่ควรกินยาบำรุงเลือดหากยาหมดอายุหรือไม่แน่ใจว่ายาหมดอายุหรือยัง- ไม่ควรกินยาบำรุงเลือดหลังจากดื่มนมหรือผลิตภัณฑ์ของนมค่ะ ถ้าจะกินต้องรอหลังจากดื่มนมไปแล้ว 2 ชั่วโมง เพราะแคลเซียมในนมมีส่วนไปขัดขวางการดูดซูมธาตุเหล็กค่ะ- ไม่ควรกินยาบำรุงเลือดร่วมกับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ เป็นต้น เพราะคาเฟอีนจะไปขัดขวางการทำงานของตัวยาค่ะ- ไม่ควรกินยาบำรุงเลือดร่วมกับยาลดกรด เพราะมีผลทำให้การดูดซึมของยาลดลงค่ะ หากจำเป็นต้องกินยาลดกรดควรเว้นระยะห่าง 2 ชั่วโมงจึงจะสามารถกินยาบำรุงเลือดได้ค่ะก็จบไปแล้วค่ะกับข้อมูลการใช้ยาบำรุงเลือดที่ได้จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเองเลย ซึ่งตอนนี้ก็ยังกินยาบำรุงเลือดอยู่เลยค่ะ กินแล้วไม่มีรสขมค่ะ ผู้ใหญ่กินได้สบายๆ ไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ค่ะจึงไม่ต้องเอาไปยัดใส่กล้วยหรือข้าวเหนียวนะคะ😄 ไม่ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนค่ะ โดยส่วนมากผู้เขียนได้ยาบำรุงเลือดมาแบบฟรีค่ะ ซึ่งถ้าคนทั่วไปต้องการกินยาบำรุงเลือดเพื่อบำรุงร่างกายสามารถทำได้ค่ะ โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปและปรึกษาเรื่องการใช้ยากับเภสัชกรได้เลยค่ะ อย่าลืมให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ใช้ในตอนนั้นกับเภสัชกรนะคะ เพราะยังมียาอีกหลายตัวที่ห้ามกินกับยาบำรุงเลือดที่ผู้เขียนยังไม่ได้พูดถึงค่ะ แต่คนทั่วไปสามารถใช้ยาบำรุงเลือดได้ เพียงแต่ว่าให้ใช้ยาบำรุงเลือดตามพื้นฐานสุขภาพของแต่ละคนเท่านั้นเองค่ะ นอกจากการกินยาบำรุงเลือดแล้วยังมีอาหารอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยบำรุงเลือดด้วยนะคะ จึงควรให้ความสำคัญในส่วนของอาหารหลัก 5 หมู่ ควบคู่ไปกับการกินยาบำรุงเลือดค่ะ อย่างไรก็ดีหวังว่าเนื้อหาในบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณผู้อ่านค่ะเครดิตภาพประกอบบทความภาพหน้าปก โดย Pixabay จาก Pexelsภาพประกอบเนื้อหาโดย ผู้เขียนออกแบบปกใน Canvaบทความอื่นที่น่าสนใจยาแก้เจ็บคอ มีเสมหะสีเขียว Amoxycillin 500 mg ยาปฏิชีวนะยารักษาริดสีดวงหายขาด Daflon 500 mg จากประสบการณ์ตรงยาเคลือบแผลกระเพาะอาหาร แอลตาซิล เยล เอช เอช กินตอนไหนดีอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้