ลูกคือดวงใจของพ่อแม่เสมอ เมื่อตั้งใจและวางแผนจะมีลูก พ่อกับแม่ทุกคนย่อมต้องการให้ลูกเกิดมามีสุขภาพกายและใจสมบูรณ์แข็งแรง พ่อแม่ประคับประคองทนุถนอมตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ เฝ้ารอวันที่ลูกจะได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก เมื่อได้เห็นลูกแข็งแรงดีพ่อกับแม่ก็มีดีใจเป็นที่สุด และวางแผนการเลี้ยงดูเพื่อให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กดีและมีความสุข แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเด็กธรรมดาคนหนึ่ง จะมีความเจ็บป่วยด้วยภาวะออทิสติก // ภาพโดย freepic-diller จาก Freepik // ภาวะออทิสติก เป็นกลุ่มอาการผิดปกติในสมอง สามารถสังเกตและตรวจพบได้ในเด็กเล็ก เนื่องจากเด็กจะมีความบกพร่องด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ขาดความสนใจสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก เช่น ไม่พูดคุย ไม่สบตา ไม่สนใจใคร แม้ว่าคนอื่นกำลังสนุกสนาน แต่เด็กกลับอยู่ในโลกของตัวเอง โดยทั่วไปเด็กออทิสติกจะมีความบกพร่องหลัก 3 ด้าน คือ 1. ด้านปฏิสัมพันธ์ เช่น เด็กไม่สบตา เรียกแล้วไม่หัน ไม่ชี้ชวน ไม่ชอบเล่นกับคนอื่น เล่นคนเดียว เหมือนโลกนี้มีแต่ตัวเอง 2. ด้านการสื่อสาร เช่น เด็กไม่พูดเลย พูดช้ากว่าวัย พูดภาษาแปลก ๆ ที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ ถามแล้วไม่ตอบ ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้ 3. ด้านพฤติกรรม เช่น ยึดติดกับกิจวัตรเดิม ๆ เปลี่ยนแปลงลำบาก เล่นของซ้ำ ๆ กรีดร้อง อารมณ์รุนแรง ชอบดูวัตถุหมุน ๆ อย่างพัดลม เคลื่อนไหวร่างกายซ้ำ ๆ เช่น สะบัดมือ เดินเขย่งเท้า หมุนรอบตัว เป็นต้น // ภาพโดย Freepik จาก Freepik // ออทิสติกเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และไม่มียารักษาโรคนี้ เว้นแต่บางรายที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง อาจต้องใช้ยาทางจิตเวชเข้าช่วยเหลือเพื่อควบคุมอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรงของเด็ก และทำให้เด็กสงบลง ทั้งนี้ เด็กออทิสติกที่ได้รับการฝึกฝนจากผู้ปกครอง ญาติ และทีมสหวิชาชีพ (คุณหมอพัฒนาการ จิตแพทย์เด็ก พยาบาล นักจิตวิทยา นักกิจกรรมบำบัด นักแก้ไขการพูด และคุณครูการศึกษาพิเศษ) จะสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงกับเด็กทั่วไปได้นะคะ โดยการฝึกนั้น จะเน้นให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ฝึก มีการสื่อสารกับผู้อื่น เพื่อลดพฤติกรรมที่เป็นปัญหา เช่น กรี๊ด ร้องไห้ ตะโกน กระโดด กระทืบเท้า วิ่งไม่หยุด ฯลฯ และส่งเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสม เช่น ความมีสติ ระลึกรู้ในสิ่งที่กำลังทำ ปฏิบัติตามคำสั่ง ฯลฯ ตลอดจนฝึกให้เด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนกับเด็กปกติ เช่น เก็บจานที่รับประทานแล้ว เก็บของเล่นเข้าที่ เข้าแถว ต่อคิว รอคอย ฯลฯ // ภาพโดย Freepik จาก Freepik // ภาวะออทิสติกนี้ หากพ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดูสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กได้เร็ว จะสามารถช่วยเหลือเด็กให้เข้าสู่กระบวนการรักษา และการฝึกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เพราะ เด็กเปรียบเสมือไม้อ่อน ย่อมดัดง่าย สมองส่วนต่าง ๆ ยังไม่หยุดการเจริญเติบโต เด็กยังสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้อยู่นะคะ อย่ารอจนลูกโตแล้วต่อยพาไปพบตุณหมอ หรือเข้ารับการฝึก เพราะเท่ากับเป็นการตัดโอกาสในการเข้ารับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีลูกเล็ก และสงสัยว่าจะเป็นออทิสติก เราขอแนะนำให้พาเด็กไปพบคุณหมอพัฒนาการ เพื่อเข้ารับการประเมินและตรวจรักษานะคะ ซึ่งทุกโรงพยาบาลจะมีคุณหมอพัฒนาการประจำอยู่ รวมทั้งทีมสหวิชาชีพที่จะคอยให้ความช่วยเหลือพ่อแม่และเด็กด้วยค่ะ // ภาพโดย senivpetro จาก Freepik // เด็กที่มีภาวะออทิสติก ต้องอาศัยความเข้มแข็งของพ่อแม่ที่จะช่วยเหลือลูก พ่อแม่เสียใจได้ที่ลูกเจ็บป่วย แต่ก็ต้องลุกขึ้นมายืนหยัดให้ได้ แล้วพาลูกเข้าสู่กระบวนการรักษาให้เร็วที่สุดนะคะ เพราะหากลูกได้รับการฝึกเร็วมากเท่าไหร่ จะช่วยให้เขาสามารถดูแลตัวเอง และอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุขค่ะ