เทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในปี 2020 คือกลิ่นบำบัด (Aromatherapy) สำหรับสายสุขภาพที่รักความผ่อนคลาย เสพติดกลิ่นหอม ต้องการบำบัดระบบประสาทและสมอง รวมทั้งจิตใจที่อ่อนล้าหรือตึงเครียดจากการทำงาน วิธีกลิ่นบำบัดเป็นทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม เนื่องจากผู้บำบัดสามารถเลือกกลิ่นได้เองตามจริตความชอบของแต่ละคน โดยที่กลิ่นหอมนั้นได้มาจากพืชพรรณต่างชนิดกัน แต่ที่นิยมมากที่สุดคือการบำบัดด้วยกลิ่นที่สกัดจากดอกไม้นานาชนิดเดือนนี้คือกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก การบำบัดด้วยกลิ่นกุหลาบจึงมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย กลิ่นจากดอกกุหลาบเป็นทางเลือกหนึ่งที่ทางการแพทย์นำมาใช้บำบัดเพื่อลดความตึงเครียด ช่วยให้สมองผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยรักษาสมดุลการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วยรูปภาพโดย Sponchia จากเว็บไซต์ Pixabay : https://bit.ly/2Si2a0nการจะได้มาซึ่งกลิ่นจากดอกกุหลาบนั้น ต้องผ่านกระบวนการสังเคราะห์โมเลกุลบริเวณเกสร ฐานรอง และกลีบของดอกกุหลาบ ให้กลายเป็นน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) จากนั้นจึงนำไปเป็นส่วนผสมในน้ำหอม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหลายประเภทรูปภาพโดย Silviarita จากเว็บไซต์ Pixabay : https://bit.ly/2Si4fcHการบำบัดโดยใช้น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบ สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการสูดดม โดยการหยดลงบนผ้าเช็ดหน้า หรือใช้ตะเกียงอโรมาช่วยกระจายกลิ่น หรือจะใช้วิธีการหยดน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบลงในอ่างอาบน้ำอุ่น แล้วแช่ตัวในอ่างประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีการนี้นอกจากจะช่วยผ่อนคลายระบบประสาท ลดความตึงเครียด บำบัดอารมณ์ซึมเศร้าหดหู่แล้ว ยังช่วยลดอาการปวดเมื่อย กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้พบว่าเริ่มนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการนวดผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วยรูปภาพโดย photosforyou จากเว็บไซต์ Pixabay : https://bit.ly/2UFYN50การใช้กลิ่นกุหลาบบำบัดเพิ่งมาเป็นที่นิยมตามสถานเสริมความงามและสปาในบ้านเราได้ไม่นาน แต่การสกัดน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบมีมานานตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ แต่เดิมใช้รักษาผู้ที่มีอาการคันและมีผดผื่นตามผิวหนัง เพราะน้ำมันกุหลาบมีสรรพคุณช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้ดี จากนั้นจึงนำมาใช้ผสมในเครื่องสำอาง โลชั่น และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิดรูปภาพโดย Silviarita จากเว็บไซต์ Pixabay : https://bit.ly/3bx4Mz2ทุกอย่างที่มีข้อดีย่อมมีข้อเสีย การใช้น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบในการบำบัด อาจมีข้อจำกัดสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด หรือระบบหายใจกำลังมีปัญหา เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบจมูก วิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้ได้ การใช้กลิ่นบำบัดจึงควรเลือกที่เหมาะสมกับตนเอง สำหรับผู้ที่สนใจอาจเริ่มต้นจากการลองเลือกกลิ่นที่ชอบมาวางไว้ติดบ้าน เลือกกลิ่นที่แตกต่างกันในห้องต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ผ่อนคลาย สร้างกำลังใจในการทำงานและกิจกรรมต่าง ๆ ให้มีมากยิ่งขึ้นได้รูปภาพหน้าปกโดย ArtTowers จากเว็บไซต์ Pixabay : https://bit.ly/2SGwksWข้อมูลบางส่วนจากRose Essential Oil Benefits Skin, Depression and Hormones : https://draxe.com/essential-oils/rose-essential-oil/The Magical Benefits of Rose Aromatherapy : https://www.heliotropesf.com/blogs/news/the-magical-benefits-of-rose-aromatherapy