เมื่อเราใช้ที่นอนไปสักระยะหนึ่ง ก็จะรู้สึกคันตามผิวหนัง ระยิบระยับ ซึ่งก็รู้มาว่ามันคือตัวไรฝุ่นนั่นเอง เราก็ใช้วิธีการแก้ไขแบบทั่วๆ ไปก็คือ เอาผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้านวมไปซัก ไปตากแดด แรกๆ มันก็โอเคนะ เมื่อเกิดอาการคันอีกก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกสักระยะหนึ่งก็เริ่มจะเอาไม่อยู่แล้ว ซักตากวันนี้ พรุ่งนี้เริ่มรู้สึกคันอีกแล้ว คิดไปว่าน่าจะเป็นปัญหาอื่นๆ แล้วแหละ ไม่น่าจะใช่ตัวไรฝุ่นแล้วมั้ง หรือว่าจะเกี่ยวกับภูมิแพ้เพราะเป็นภูมิแพ้อยู่ด้วย แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะเราเป็นภูมิแพ้แบบอ่อนๆ ไม่ได้แพ้แบบรุนแรงและอีกอย่างก็ไม่มีน้ำมูก ปกติถ้ามีน้ำมูกก็มักจะไปหาซื้อยาภูมิแพ้มากินตลอด เราก็อดทนนอนต่อไปแล้วกัน ไม่รู้จะแก้ไขยังไงแล้ว นานวันเข้าก็เริ่มมีอาการต่างๆ ตามมา เครียด นอนไม่หลับบ้างล่ะ และอาการอื่นๆ ก็มาร่วมด้วยช่วยกัน น้ำตาเริ่มไหลออกมาเองบ้างล่ะ แน่นหน้าอกบ้างล่ะ หายใจติดขัดก็มากับเค้าด้วย รู้สึกง่วงนอนมากแต่นอนไม่หลับ จากที่เครียดอยู่แล้ว ก็เครียดเข้าไปอีก ทนไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจไปหาหมอ ภาพประกอบจาก shutterstock ก็บอกอาการต่างๆ ไป เครียด นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก หายใจติดขัด คันตามผิวหนัง หมอก็ตรวจความดัน ตรวจชีพจร ก็ปกติดีนี้ครับ (ฮือ)เราก็ทักท้วงว่ามีอาการเหล่านี้จริงๆ นะไม่ได้โกหก แล้วหมอก็บอกว่า เอานี้แล้วกันครับ ลองไปเอกซเรย์ และเจาะเลือดดูก่อนนะครับ เดี๋ยวรู้ผล เราก็อืม! คิดในใจตรวจเยอะขนาดนี้เดี๋ยวรู้กันว่าเป็นอะไรกันแน่ ภาพประกอบจาก shutterstock ไปถึงห้องเอกซเรย์ เจ้าหน้าที่ก็มาแนะนำขั้นตอน แล้วบอกเราว่า เอ้าน้องครับยืนติดผนังตรงนี้นะครับ เป็นลักษณะแผ่นผนังหนาๆ ดำๆ ซึ่งก็คือเครื่องเอกซเรย์ของเค้านั้นแหละ เราเคยจำได้ว่าเคยเอกซเรย์เหมือนกันแต่ครั้งนั้นเครื่องจะเป็นลักษณะแบบหนีบเราติดเข้ากับตัวเครื่อง แต่ครั้งนี้เราต้องยืด อกแล้วดันตัวเองให้สนิทแนบแน่นกับตัวเครื่อง จากนั้นเค้าก็บอกว่าเอ้ากลั้นหายใจไว้นะครับ แล้วก็เดินไปที่เครื่องยิงด้านหลังเรา แล้วพูดว่าพร้อมนะครับ แล้วนับ 1 2 3 (คิดในใจตอนนั้นว่า เร็วๆ กลั้นหายใจไม่ไหวแล้ว) แล้วกดยิงรังสี เอ้าเสร็จแล้วครับ เราก็หายใจเฮือกใหญ่ หืออออ เกือบตาย! จากนั้นไปห้องเจาะเลือด หมออีกคนหนึ่ง ก็บอกให้เรามานั่งตรงนี้ก่อนนะคะ แล้วเค้าก็ไปทำอะไรก่อนก็ไม่รู้ บนโต๊ะเห็นมีที่เจาะเลือดแบบกดกับนิ้ววางอยู่ เราก็คิดในใจ ก็ไม่มีไรมากหรอก เจาะกับนิ้ว เจ็บนิดเดียว แค่มดกัดน่า เดี๋ยวก็หาย จากนั้นหมอก็เดินมา พร้อมกับเข็มเจาะเลือดสำหรับใส่หลอด เราก็สะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับอุทานในใจ คุณพระ! โอ้แม่เจ้า!! คือเราไม่ได้จะกลัวเข็ม หรือกลัวเลือดแต่อย่างใด แต่ที่ตกใจคือ ขนาดของหลอดเก็บเลือด ใหญ่มาก ถ้ามากกว่านี้อีกนิด คงไม่ต่างอะไรกับการบริจาคเลือดให้สภากาชาดเลยแหละ แล้วหมอก็เจาะ เลือดก็พุ่งปืด ใช้เวลาสักพักกว่าเลือดจะเต็มหลอด โอ้โห้เกือบจะเป็นลม จากนั้นเค้าบอกให้รอฟังผล เราก็รอ ร้อ รอ สักพักเจ้าหน้าที่ก็บอกให้เราเข้าพบหมอ เพื่อฟังผลตรวจ ภาพประกอบจาก shutterstock ก็เข้าห้องไป ห้องเดิม หมอคนเดิม แล้วหมอก็พูดว่า หมอได้รับผลตรวจของคุณมาแล้วนะครับ เราก็ตั้งหน้าตั้งตาฟัง เอ่อผลตรวจเอกซเรย์ของคุณเนี่ย ปกติดีนะครับ แล้วหมอก็ซูมไปซูมมา ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ ไม่ได้มีอะไรอุดตันระบบทางเดินหายใจ ส่วนผลเลือดก็ปกตินะครับ เกร็ดเลือดก็ปกติดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอให้ยาขยายหลอดเลือดไปก็แล้วกัน ไอ้เราก็กลับบ้านแบบงงๆ สรุปวันนั้นจ่ายค่าตรวจ ค่าหมอ ค่าต่างๆ ไปทั้งหมด พันกว่าบาท เกือบสองพันบาท เสียทั้งเงิน เจ็บทั้งตัว เสียเวลาอีกต่างหาก ไม่ได้อะไรเลยยยยยย ไม่คุ้มเลย รักษาก็รักษาไม่ได้ มิหนำซ้ำ ยังไม่รู้ผลด้วยซ้ำ ว่าป่วยเป็นอะไร คิดในใจว่าไม่ได้แล้ว ต้องหาข้อมูลเองแล้ว ต้องรักษาด้วยตัวเองแล้ว เลยค้นหาข้อมูลต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต ค้นไปค้นมาหลายเว็บอ่านไปอ่านมาจนสะดุดเนื้อหาที่เขียนว่า นอนไม่หลับ รู้สึกแน่นหน้าอก อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง หายใจติดขัด นี้อาจเป็นสาเหตุที่มาจากตัวไรฝุ่น แล้วเราก็อ่านต่อไปจับใจความได้ว่า เจ้าตัวไรฝุ่นเนี่ยมันชอบอยู่ในที่อับชื้นและเกาะอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น หมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้านวม เฟอร์นิเจอร์ พรม โซฟา หรือแม้แต่กระทั่ง ตุ๊กตา ที่น้องๆ เด็กๆ หรือคุณสาวๆ ชอบกอด มันก็เกาะอยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็คือทุกๆ คืนเรากำลังนอนกับไรฝุ่น ต่อให้เราซัก ตาก ผ้าต่างๆ มันก็ไม่หมดไป เพราะตัวมันเบา ลอยเกาะไปได้ทุกที่ ตามแรงลม เมื่อเรานอนมันก็มา เพราะมันชอบกินเซลล์ผิวหนังที่หลุดลอกของเรา แล้วก็ทิ้งมูลเอาไว้ มูลตรงนี้แหละที่ทำให้เราคัน และคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้วก็อาจจะมีอาการคันได้ง่าย บางคนแพ้มากๆ ก็อาจจะเป็นผดผื่นแดง อืม มันก็น่าคิดอยู่น่าแล้วจากนั้นเราก็ค้นหาวิธีการกำจัดมัน ภาพประกอบจาก shutterstock หลายเว็บเค้าก็แนะนำวิธีการแก้ไขมาต่างๆ นาๆ ส่วนใหญ่จะแนะนำตรงกัน 3 อย่างแรกคือ 1 ให้ซักตากผ้าจำพวกต่างๆ แล้วเอาไปตากแดดให้แห้ง ถ้าหมอนซักได้ก็ซักตากด้วย ที่นอนก็ตากด้วย (ลองแล้วแรกๆ ก็ดี แต่กำจัดไม่ได้) 2 พยายามถูพื้นในห้องนอนบ่อยๆ ฝุ่นจะได้ลดลง (แต่เคยลองแล้ว ฝุ่นไม่ได้ลดลง แค่ย้ายจากที่หนึ่ง ไปอยู่อีกที่หนึ่งเท่านั้นเอง) 3 เปิดหน้าต่างให้แสงแดดเข้ามา เพราะตัวไรฝุ่นมันชอบอยู่ในที่ชื้น ไม่ชอบที่ร้อน แสงแดดนี้แหละจะเป็นตัวกำจัดมันได้อย่างดี (ซึ่งห้องนอนเราก็มีหน้าต่างนะ แต่แสงแดดไม่เคยเข้ามาในห้องเลยแม้แต่นิดเดียว ห้องก็ชื้นด้วย) 3 อย่างนี้ยังไม่พอเพราะเราต้องการกำจัดมันจริงๆ จังๆ แล้ว เพราะทนไม่ไหวแล้ว ก็ต้องหาวิธีการกำจัดเพิ่มอีกซึ่งแต่ละที่ก็แนะนำต่างกันออกไปและก็มีเว็บอื่นๆ เค้าก็แนะนำมาว่าให้ใช้บริการกำจัดไรฝุ่นบ้างล่ะ ให้ซื้อสเปรย์กำจัดไรฝุ่นบ้างล่ะ เราก็ศึกษาข้อมูลไปมา จนตัดสินใจได้ว่า ซื้อสเปรย์กำจัดไรฝุ่นก็แล้วกันเพราะมีราคาไม่แพง ปลอดภัยด้วยเพราะใช้สมุนไพรในการกำจัด และที่สำคัญมีการรับรองและงานวิจัยจากภาครัฐ ว่ากำจัดได้ 100% ก็เลยสั่งซื้อมาใช้ แต่ตอนนี้ก็ต้องแก้อาการอื่นๆ ที่มาแทรกซ้อนด้วยเพราะมีหลายอาการ ก็เลยคิดอาการต่างๆ พร้อมชื่อยา เครียด นอนไม่หลับ (ก็เอาเป็นยาคลายเครียด ก็แล้วกัน) แน่นหน้าอก (ก็เอาเป็นยา อะไรก็ไม่รู้ ยามีเยอะหลายยี่ห้อ ปรึกษาเภสัช อีกทีหนึ่งแล้วกัน) หายใจติดขัด (ซื้อยาอะไรดีล่ะ เคยจำได้มีพี่ที่รู้จักคนหนึ่งเขาเป็นสาธารณสุข เค้าเห็นผมเป็นหวัดเจ็บคอ แล้วอมยาอม พี่เค้าก็แนะนำว่า ยาอมมันช่วยบรรเทาอาการได้ก็จริงแต่มันไม่ฆ่าเชื้อได้ ถ้าอยากให้เชื้อตาย ต้องซื้อยาฆ่าเชื้อ งั้นเป็นยาฆ่าเชื้อแล้วกัน) เป็นภูมิแพ้ด้วย (ก็ซื้อยาภูมิแพ้นั้นแหละตรงตัวเลย ไม่ต้องคิดอ้อมค้อม) จากนั้นไปหาเภสัชเพื่อซื้อยาต่างๆ ยาคลายเครียด 1ชุด ลดกรดแน่นเฟ้อ 1ขวด ยาภูมิแพ้ 1ชุด ยาฆ่าเชื้อในปากและลำคอ 1ชุด ถามต่อว่ามียาฆ่าเชื้อในระบบทางเดินหายใจมั้ย เค้าบอกว่ามี งั้นจัดไปอีก 1ชุด ก่อนกลับเห็นยาดมสมุนไพรวางขายอยู่ จำได้ว่าไรฝุ่นนั้นแพ้แสงแดดและก็สมุนไพร ก็เลยซื้อมา 1 กระปุกเล็กๆ รวมยาทั้งหมด 6 ชนิดด้วยกัน 400 กว่าบาท จ่ายเงินไปแบบงงๆ นิดนึง คิดในใจแพงนะ กลับถึงบ้านเปิดใบเสร็จดูชื่อยา 3-4 บรรทัดแรกราคาก็ 20-30 บาท ต่อชุดได้มั้ง คิดในใจโดนโกงแล้วนี่หว่า ก็เลยอ่านไปถึงบรรทัดสุดท้ายที่เห็นแล้วอึ่ง! เลยก็คือ ยา… 1ขวด 300 กว่าบาท โอ้โฮแพงมากขวดเล็กๆ เนี่ยนะตั้ง 300 กว่าบาท แต่ก็ไม่เป็นไรซื้อมาแล้ว คิดในแง่ดีแล้วกัน ยามันต้องดีแน่ๆ ถ้าไม่ดีจริง ราคาคงไม่แพงถึงขนาดนี้หรอก จากนั้นก็กินยาทั้ง 5ชุดไป ส่วนยาดมสมุนไพรก็ดมไป อีกวันหนึ่งสเปรย์กำจัดไรฝุ่นเค้าก็มาส่ง อ่านรายละเอียดดู ให้ฉีดหมอนที่นอนตรงนั้นตรงนี้นะ เขียนบอกอีกว่าถ้าทำในลักษณะคล้ายกับรมควันได้ก็ยิ่งดี งั้นก็จัดไปแบบรมควัน จากนั้นก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ยากินก็กินไป ยาดมก็ดมไป สเปรย์กำจัด ก็ฉีดไปให้ทั่ว เอาสิ คราวนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแหละ เจ้าไรฝุ่นเอ๋ย สรุปค่าใช้จ่ายที่ต้องแก้ไขปัญหาเอง รักษาเอง ทั้งหมดบวกสเปรย์กำจัดไรฝุ่นก็ใช้งบไม่ถึงพัน หลังจากนั้นอาการต่างๆ ก็ทยอยดีขึ้นตามลำดับ จากที่นอนไม่หลับก็เริ่มรู้สึกนอนหลับสนิทหลับสบายขึ้นเยอะ ทุกวันนี้ก็นอนหลับสบายขึ้นแล้ว คำเตือน!! ถ้าคุณรู้สึกนอนไม่หลับ คันระยิบระยับ แน่นหน้าอก หายใจติดขัด อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาเองขณะนอนหลับ จำไว้นะครับ อาการเหล่านี้อาจจะมีสาเหตุมาจากตัวไรฝุ่นก็ได้ อย่าปล่อยไว้นานเหมือนผม เพราะมันตัวเล็กๆ ก็จริง แต่สร้างหายนะใหญ่หลวง ฉะนั้นทางที่ดีควรรีบกำจัดมันให้เร็วที่สุด ภาพประกอบหน้าปกจาก shutterstock