ภาพประกอบปกบทความจาก pexels “ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย” หรือ “ยาปฏิชีวนะ” เป็นยาที่ในอดีตมักจะถูกเรียกอย่างผิด ๆ ว่ายาแก้อักเสบ ทั้งที่ความจริงแล้วยาปฏิชีวนะกับยาลดการอักเสบนั้นเป็นยาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียก็ถูกคิดค้นและสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการต่อสู้และกำจัดเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในร่างกายเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้นไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคเหล่านี้ได้เท่านั้น การกินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเมื่อไม่ได้มีการติดเชื้อจึงไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด และยาฆ่าเชื้อที่เรารับประทานเข้าไปมันไม่เพียงไปทำลายเชื้อโรคร้ายเท่านั้น แต่มันยังอาจไปกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ดีในร่างกายเราอีกด้วย และหากยิ่งรับประทานอย่างพร่ำเพื่อ ก็จะทำให้เชื้อแบคทีเรียทั้งหลายเริ่มกลายพันธุ์จนกระทั่งต่อต้านการทำลายของยาฆ่าเชื้อได้สำเร็จ ดังนั้นเราจึงควรรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเฉพาะเมื่อจำเป็น และนี่ก็คือ 3 โรคที่ไม่จำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อแบคททีเรียก็หายเองได้ ภาพประกอบบทความจาก pexels 1. เป็นหวัดเจ็บคอ หลายคนเมื่อเริ่มมีอาการเป็นหวัดเจ็บคอ คอแดง น้ำมูกไหล มีไข้ ไอ ปวดศีรษะ ก็เริ่มจะมองหายาฆ่าเชื้อแบคทีเรียกันแล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงอาการเหล่านี้อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสก็ได้ เมื่อกินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเข้าไปก็จะไม่ตรงกับโรค แถมเชื้อแบคทีเรียที่ดีในร่างกายก็ยังถูกฆ่าตายอีก ส่วนอาการที่เริ่มดีขึ้นหลังกินยานั้นก็เกิดจากที่เราหายเอง ไม่ได้เป็นเพราะกินยา ดังนั้นหากมีอาการเป็นหวัดเจ็บคอ แต่ไม่มีอาการคอแดงเป็นตุ่มหนองก็อย่าเพิ่งมองหายาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ให้รับประทานยาตามอาการเพื่อช่วยบรรเทาอาการก่อน เช่น รับประทานยาพาราเซตามองลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ และพักผ่อนให้เพียงพอ อาการก็อาจจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองตามลำดับ ภาพประกอบบทความจาก unsplash 2. เป็นแผลเปิดเลือดออก หลายคนเข้าใจว่าหากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นแผลมีดบาด หกล้มหนังถลอก มีเลือดออกจะต้องรีบกินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งความเป็นจริงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลยหากบาดแผลเหล่านั้นเป็นแผลสะอาด เพราะเพียงแค่ทำความสะอาดบาดแผลแล้วทำแผลก็เพียงพอแล้ว การกินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเพื่อไปรักษาแผลที่ไม่ได้ติดเชื้อนั้นไม่สามารถทำให้แผลหายเร็วขึ้นได้แต่อย่างใด แถมยายังจะไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์บนผิวหนังเราอีกด้วย จึงยิ่งเสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียจากสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น ภาพประกอบบทความจาก freepik 3. ท้องเสีย ถ่ายเหลว อาการท้องเสียนั้นอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน หรืออาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสก็ได้ ซึ่งการจะทราบว่าอาการท้องเสียนั้นเกิดจากเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียจะสามารถประเมินได้จากชนิดของอาหารที่รับประทาน ลักษณะของอุจจาระ การอาเจียน ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียหากไม่ได้มีการติดเชื้อแบคทีเรีย และหากรับประทานยาฆ่าเชื้อเข้าไป ยาก็จะไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ดีในระบบทางเดินอาหารอีก ดังนั้นหากมีอาการท้องเสียทั่ว ๆ ไป การรับประทานเกลือแร่เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำ และอาจรับประทานยาบรรเทาอาการเช่นยาลดอาการปวดเกร็งช่องท้อง หรือยาแก้คลื่นไส้อาเจียน นั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ภาพประกอบบทความจาก pexels การรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือยาปฏิชีวนะในขณะที่ร่างกายมีอาการเจ็บป่วยที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียนั้น ไม่ได้ทำให้เราหายเร็วขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากจะเป็นการสิ้นเปลือง กินยารักษาโรคไม่ตรงจุดแล้ว ซ้ำร้ายยังอาจเกิดการติดเชื้อดื้อยาตามมาอีกด้วยนะ ดังนั้นจึงควรใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียก็ต่อเมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียก่อโรคเท่านั้นค่ะ