วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์อาการงูสวัดขึ้นหน้า คือมันเป็นโรคที่เราไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะเป็น ข้อมูลทางการแพทย์เพื่อนๆ สามารถค้นหาได้ทางอินเตอร์เน็ตทั่วไปเลยนะคะสำหรับเราเราคิดว่าเรารู้ตัวเร็วมากๆ แต่ว่ายับยั้งการอักเสบไม่ทัน ดังนั้น หากใครมีอาการแปลกๆ รีบพบแพทย์เลยนะคะ และถ้าพอมีเงินหรือประกันให้เข้าตรวจที่คลีนิกโรคผิวหนัง โรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบลาลรัฐที่มีประสิทธิภาพสูง ที่เกริ่นมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าโรงพยาบาลรัฐเล็กๆ ไม่ดีนะคะ แต่มันเป็นโรคที่เจอไวหายไวค่ะ และอาจต้องมีตรวจพิเศษเพิ่มเติมแบบเรา ของเราคือต้องตรวจกระจกตาเพิ่ม ซึ่งโรงพยาบาลเล็กเครื่องมือไม่พร้อมเท่าโรงพยาบาลใหญ่ในส่วนไทม์ไลน์ของเรา อาการเริ่มแรกเลยคือเรารู้สึกปวดหัวแปลกๆ ปวดในกระบอกตา เราคิดว่าเราใช้คอมเยอะก็เลยกินยาแก้ปวดปกติ แต่ว่าในอาการปวดนั้นภายใต้ผิวหนังมันมีความยุบยิบเหมือนมีตัวอะไรวิ่งอยู่ในผิวหนัง วันที่สองก็เหมือนกันยังปวดและยุบยิบ พอวันที่สามเราเห็นว่าหน้าผากด้านขวาเป็นผื่นแดง เป็นผื่นที่มีอาการแสบร้อน มันไม่ปกติเราก็เลยตัดสินใจไปหาหมอซึ่งวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ เราไปโรงพยาบาลรัฐแถวบ้าน ไม่ได้เจอหมอนะคะ คุณเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินให้ยาแก้ปวด และครีม(ยา)ทาสำหรับผื่นไวรัส herpes และนัดพบแพทย์วันจันทร์เราไปหาหมอตามนัด หมอตรวจแล้วก็แจ้งว่าเป็นงูสวัด และเนื่องจากผื่นมันขึ้นใกล้ตา หมอจึงส่งเราไปตรวจตาต่อที่โรงพยาบาใหญ่เราถือเอกสารไปต่อที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดเพื่อตรวจตา รออยู่ครึ่งวันถึงได้คิวตรวจ คือเราเป็นคิวแทรก และที่นั่นคนไข้เยอะมากๆ พอตรวจเสร็จก็จบ ไวรัสยังไม่ลามเข้ากระจกตา เรากลับบ้านแบบงงๆ หลังกลับจากหาหมอผื่นแดงมันก็เริ่มกลายร่างเป็นตุ่มน้ำใสวันที่ห้าหลังจากตรวจตาเมื่อวาน เราว่าอาการเรามันไม่ดีขึ้น ยาทาก็ไม่ได้ผล เราเลยตัดสินใจไปต่อโรงพยาบาลรัฐที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพสูงหน่อยคราวนี้หมอก็ยังยืนยันว่าเป็นงูสวัด และให้ยาต้านไวรัสมากิน เราต้องกินยามื้อละสองเม็ด วันละห้ามื้อต่อเนื่องเจ็ดวัน ถ้ามีอาการปวดก็กินยาแก้ปวดปกติได้ให้เช็ดแผลด้วยน้ำเกลือ และต้องระวังมากๆ เพราะแผลที่พองขึ้นเป็นตุ่มน้ำใสผิวหนังที่พองมันจะบางและเปื่อยมาก ต้องรักษาความสะอาดดีๆอาการของโรคมันก็ดำเนินไปตามอาการของมันแหละค่ะ มีความปวด ความแสบ บวมขึ้น ตุ่มน้ำพองขึ้นตามลำดับของมัน แต่ว่าจะไม่กระจายเพิ่มไปบริเวณอื่นๆ และโชคดีที่เราไม่มีไข้ร่วมด้วยพอกินยาครบเจ็ดวันเราก็ไปตรวจแผลตามนัด ผลคือไม่มีการลุกลามแผลเริ่มแห้งดี ไปตรวจตาที่แผนกตาเพิ่มก็ยังปกติดีไม่มีไวรัสลุกลามเข้ากระจกตา คือคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องตามาก เพราะมันเกิดใกล้ตาจริงๆ กลัวว่าไวรัสจะเข้าตาแล้วทำกระจกตาเสียหายหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ก็นัดตรวจแผลและตรวจตาอีกครั้ง ทุกอย่างเข้าสูอาการปกติ เหลือเพียงรอยแผลเป็นที่ต้องทายาลบรอยแผลต่อส่วนเอฟเฟ็คหลังแผลหายคือเรายังเจ็บตึงๆ จิ๊ดๆ ใต้ผิวหนังอยู่ เอ้อ อีกอย่าง ตอนระหว่างที่แผลกำลังจะหายเนี่ยโคตรคัน คันยุบยิบๆ แบบนอนไม่หลับ ทรมานสุดๆ ยิ่งกว่าตอนแผลพองบวมอีกคุณหมอยังบอกว่ามันมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก ไวรัสมันไม่ได้หายไปไหน แค่กลับไปฝังตัวในปมประสาท และอาการเจ็บในผิวหลังแผลหายมันก็อาจจะเจ็บไปได้อีกเป็นเดือนๆ เพราะมันเป็นอาการของเส้นประสาทอักเสบที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟู ซึ่งตอนนี้อากาศเย็นๆ เราก็รู็สึกเจ็บๆ ตึงๆ อยู่คือเอาจริงๆ นะ รู้ว่าเป็นแล้วอย่าพึ่งตกใจ รีบไปหาหมอ กินยาตามสั่ง อาการของโรคมันต้องดำเนินของมันไปตามระยะของมันอยู่แล้ว เราแค่ต้องอดทนกับการใช้เวลารักษา ซึ่งเราก็ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มมีอาการจนแผลตกสะเก็ดราวๆ 20 วันที่สำคัญอย่าไปเป่ายาอะไรเด็ดขาด อาจทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียอาการหนักกว่าเดิมได้นะคะ โดยเฉพาะใกล้ดวงตาแบบนี้ มีโอกาสติดเชื้อตาบอดได้เลยฉะนั้น ทุกคนคะ รักษาสุขภาพทำร่างกายให้แข็งแรงไว้นะคะ จะได้ไม่เป็นกัน-------------ผู้เขียน : JD-Iภาพประกอบ : JD-I เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !