สวัสดีนักอ่านทุกคนนะครับ นอกจากสุขภาพกายที่เราต้องดูแลแล้ว สุขภาพจิตก็ป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องดูแลไม่แพ้กัน ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ทุกคนต้องเจอแรงกดดันและความคาดหวังต่างๆ มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนส่งผลต่อสภาพจิตใจเราแทบทั้งหมดเลยครับ บทความนี้ ผมอยากชวนทุกคนมาตรวจสุขภาพจิตด้วยตัวเองคร่าวๆ ผ่านแบบทดสอบดัชนีชี้วัดสุขภาพจิตคนไทย พ.ศ. 2550 by กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขครับ ในแบบทดสอบนี้เราต้องทำอย่างไรบ้าง มาอ่านในบทความนี้กันเลยครับแบบทดสอบดัชนีชี้วัดสุขภาพจิตคนไทย พ.ศ. 2550 เป็นแบบทดสอบที่กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำขึ้นเพื่อให้คนไทยได้ประเมินตนเองว่าตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สุขภาพจิตของเราเป็นอย่างไรบ้างครับในปัจจุบัน คนไทยหลายๆ คนมีโอกาสเผชิญแรงกดดันและปัญหาต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งมาจากที่ทำงาน, จากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ไม่เว้นแต่ในบ้านเอง สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้คนไทยมีความเสี่ยงที่จะสุขภาพจิตแย่ลง ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า ที่เป็นโรคอันตรายมาก หากปล่อยเอาไว้ ไม่รับการรักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงให้พวกเขามีความคิดท้อแท้ เบื่อหน่ายในชีวิตมาก นำไปสู่การทำร้ายตัวเองและฆ่าตัวตายมากขึ้นครับในแบบทดสอบนี้ จะมีทั้งแบบเต็ม ซึ่งมี 55 ข้อ และแบบสั้น ซึ่งมี 15 ข้อ โดยทุกคนจะเลือกทำอันไหนก็ได้นะครับ แต่ผมจะลองเลือกทำทั้ง 2 แบบเลย แล้วมาเทียบกันว่าผลประเมินมันต่างกันมั้ยวิธีการประเมินจะเหมือนกันเลย คือให้เราอ่านข้อความและประเมินตนเองว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เราเคยมีความรู้สึกนั้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตัวเลือกจะมีตั้งแต่ ไม่เลย -> เล็กน้อย -> มาก -> มากที่สุด ครับ แบบทดสอบนี้ไม่ยากเลยเพียงแต่เราต้องตอบตามความรู้สึกตนเองจริงๆ แค่นั้นเองครับ เริ่มแรก ให้เรากรอกที่อยู่ เพศ อาชีพ ระดับการศึกษา และสภาพสมรสก่อน จากนั้นก็ตอบแบบสอบถามได้เลยครับ ซึ่งคำถามส่วนใหญ่ ก็จะถามประมาณว่าที่ผ่านมา เรามีความรู้สึกพอใจในเรื่องต่างๆ บ้างมั้ย รู้สึกยินดีหรือมีความสุขในสิ่งต่างๆ บ้างรึป่าว ใกล้บ้านเรามีหน่วยบริการสาธารณสุขคอยให้บริการมั้ย ประมาณนี้ครับ หลังจากทำแบบทดสอบเสร็จและกดส่งไปแล้ว ระบบจะแสดงคะแนนและแปลผลมาให้ว่าเรามีระดับสุขภาพมากน้อยแค่ไหน มีตั้งแต่ดีกว่าคนทั่วไป (> 178) เทียบเท่าคนทั่วไป (158-178) และแย่กว่าคนทั่วไป (< 157) ครับ ถ้าประเมินแล้วได้ระดับที่ดีหรือเทียบเท่าคนทั่วไป ถือว่าสุขภาพจิตของทุกคนยังดีอยู่ครับ แต่ว่าถ้าผลประเมินได้ระดับน้อยกว่าคนทั่วไป ผมอยากแนะนำให้ทุกคนลองไปขอคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อขอแนวทางดูแลตนเองต่อไปนะครับส่วนตัวผมเอง ผมนั้นได้ลองประเมินทั้งแบบเต็มและแบบสั้น เพราะอยากลองดูว่าผลมันจะต่างกันมั้ย เมื่อผมประเมินแล้ว แบบเต็มผมได้ 187 คะแนน ผลประเมินก็คือผมมีสุขภาพจิตดีกว่าคนทั่วไปครับ ในขณะที่ผลประเมินแบบสั้น ผมได้ 45 คะแนน ซึ่งผลก็คือผมมีสุขภาพจิตเทียบเท่าคนทั่วไปครับ ถึงแม้ว่าผลประเมินทั้ง 2 แบบจะแตกต่างกัน แต่โดยรวม แสดงว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ผมยังมีสุขภาพจิตดีอยู่นั่นเองครับโดยปัจจัยที่ทำให้สุขภาพจิตของผมดีอยู่นั้น หลักๆ ก็มาจากมีครอบครัวที่ดีและคอยสนับสนุน, มีเพื่อนที่ให้เราสามารถขอความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาได้ และปัจจัยที่สำคัญที่สุด ก็คือตัวผมเองที่พยายามรักษาสุขภาพจิตตัวเองด้วยการพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เราไม่สบายใจ หากเจอเรื่องที่กังวลใจ ไม่สบายใจ ก็จะลองหากิจกรรมที่ชอบมาทำ อย่างเช่นการดูหนังซีรีส์ หรืออนิเมะ, การออกเดินทางไปท่องเที่ยว และการแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเดินทางผ่านการเขียนบทความนั่นแหละครับนอกจากแบบทดสอบสุขภาพจิตแล้ว ภายในเว็บไซต์กรมสุขภาพจิต ยังมีแบบประเมินอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งแบบประเมินความเครียด แบบประเมินโรคซึมเศร้า แบบประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย และยังมีแบบทดสอบวัดดัชนีความสุขอีกด้วย ถือว่าเป็นเว็บไซต์ที่ดีมากเลยครับ ใครอยากประเมินเพิ่มเติมสามารถเข้า https://dmh.go.th/test/ ไปประเมินด้วยตนเองเพิ่มเติมได้เลยครับการทำแบบทดสอบสุขภาพจิต เป็นวิธีนึงในการตรวจสุขภาพจิตตนเองว่าเป็นยังไง เพื่อที่เราได้รู้ตัวเองและดูแลรักษาทันท่วงทีครับ สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกว่าสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องดูแลให้ดี อย่าให้ปัญหาและเรื่อง toxic มาทำร้ายสุขภาพจิตเราได้นะครับ ผมขอให้ทุกคนมีสุขภาพกายและสุขภาพใจแข็งแรง เพื่อให้เรามีความสุขในการใช้ชีวิตต่อไปนะครับ ^_^ขอขอบคุณแบบทดสอบสุขภาพจิต จากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขภาพปก : Alexas_Fotos จาก Pixabayภาพปกและภาพประกอบที่ 2/3/4/5/7 : ภาพหน้าจอจากเว็บไซต์กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขภาพประกอบที่ 1 : PublicDomainPictures จาก Pixabayภาพประกอบที่ 6 : chillla70 จาก Pixabayบทความหมวดสุขภาพเรื่องอื่นๆ ของผู้เขียนIF (Intermittent Fasting) เคล็ดลับการควบคุมอาหารที่ช่วยลดน้ำหนักได้จริง #BEATActiveความเครียดจากการเสพข้อมูลข่าวสารผ่าน Social Media เราจะรับมือกับมันได้อย่างไร ???วิธีเอาตัวรอดจาก P.m.2.5 ฝุ่นอนุภาคจิ๋วที่เราไม่ควรมองข้ามรีวิวเทียนจากดอกไม้ กลิ่นหอมเย้ายวนชวนสงบใจ #สร้างใหม่ได้มากเหล่านักอ่านทุกคน สามารถติดตามบทความอื่นๆ ของผมได้ในเพจ TrueID Creator KyojuroRengoku หรือใครที่อยากติดตามเรื่องราวการเดินทางของผม ก็สามารถติดตามได้ที่เพจ Facebook ; KyojuroRengoku ได้เช่นกัน ผมยังมีบทความดีๆ รอเสิร์ฟนักอ่านทุกคนอยู่นะครับเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !