เคยเป็นกันไหมครับ ? ที่มีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ "น่าเบื่อ" คนหนึ่ง อยู่กับใครแล้วไม่ค่อยจะได้รับความสนใจจากผู้คน ไม่ค่อยน่าดึงดูด ไม่ค่อยมีเสน่ห์ พูดคุยไม่ค่อยเก่ง เป็นคนเงียบๆ ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร มีความกล้าๆ กลัวๆ หน้าตาเคร่งขรึมเหมือนคนเบื่อโลก ทำให้บรรยากาศรอบข้างมีแต่ความเงียบเหงา คนที่อยู่ใกล้ตัวก็ต้องสูญเสียความสุข เสียงหัวเราะ พลังงาน รวมไปถึงปฏิสัมพันธ์ที่ดี และไม่กล้าที่จะเข้าถึงตัวเรา ซึ่งแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็มักจะเจอกับปัญหาเหล่านี้กันเยอะอยู่พอสมควร ตัวเราเองก็เคยประสบกับปัญหาแบบนี้เช่นเดียวกัน แทบจะไม่ได้แตกต่างกันเลย ต้องบอกก่อนว่าปัญหานี้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยเมื่อตัวเราใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องเข้าสังคม ต้องพบปะผู้คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งต้องการไปจีบใครสักคนนึง ถ้าเรายังเป็นแบบนี้อยู่แน่นอนว่าปัญหาจะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน ส่งผลทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับผู้คน แถมยังโดนผู้อื่นมองข้ามอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าได้วิตกกังวลใจไป ถึงเราจะไปคนน่าเบื่อยังไงแต่ปัญหาย่อมมีทางแก้เสมอ ในเนื้อหานี้เราจะมาแชร์ถึง 10 วิธีแก้อาการ "น่าเบื่อ" เปลี่ยนความน่าเบื่อให้กลายเป็นความประทับใจให้กับผู้คน ซึ่งต้องบอกก่อนว่ามันอาจจะไม่ได้ผลได้แบบเต็ม 100% ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพยายามที่จะฝึกฝนเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง รวมไปถึงความตั้งใจจริงด้วย จะมีวิธีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ เป็นคน "น่าเบื่อ" ขาดเสน่ห์ ไม่น่าสนใจ ไม่เป็นที่น่าดึงดูด แก้ได้ด้วย 10 วิธีนี้ 1. ฝึกมองโลกในแง่บวกบางคนพอเจออะไรที่ขัดหูขัดตาเข้าหน่อยก็อารมณ์เสียแล้ว คิดลบไปซะหมดทุกอย่าง ลองคิดบวกดูบ้างนะเผื่อจะดีขึ้น การที่เราเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกนั้น นอกจากจะทำให้ชีวิตเรามีความสุขแล้วยังเป็นการเสริมสร้างเสน่ห์และคุณค่าในตัวเราเองอีกด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บริเวณรอบตัวไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม การที่เราคิดในแง่บวกไว้ก่อนก็จะช่วยให้สภาพจิตใจไม่เกิดการวิตกกังวล ที่สำคัญเลยก็คือมันจะช่วยดึงดูดผู้คนให้เข้าหาเราได้เช่นกัน แค่เรามองหาข้อดีในเรื่องแย่ๆ นั้นให้เจอ ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เท่ากับว่าเราเป็นคนที่คิดบวกแล้ว ใครที่รู้ตัวเองว่าเป็นคนน่าเบื่อ ไม่มีเสน่ห์ ถูกผู้อื่นมองข้าม ก็ลองนำข้อนี้ไปฝึกฝนและปรับใช้ได้ 2. ยิ้มแย้มแจ่มใสให้เป็น"การยิ้ม" นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีเสน่ห์ ทำให้เป็นคนที่น่าเข้าหาขึ้น และทำให้เป็นที่รักของผู้คน ไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้ด้วยแล้วก็จะอารมณ์ดีขึ้น ทำให้บรรยากาศดูมีความสดชื่นแจ่มใส ลองคิดดูว่าถ้าหากเราพบปะกับผู้คนใหม่ๆ ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แข็งทื่อเหมือนหิน เหมือนคนมีปัญหาในชีวิต เหมือนคนเบื่อโลก ผลลัพธ์ที่ได้คือ "การถูกปฏิเสธหรือถูกมองข้าม" เพราะเขารู้สึกว่าขาดพลังงาน ไม่มีความสุข มีแต่ความน่าเบื่ออยู่ตลอด ดังนั้นหากใครที่คิดว่าตัวเองยิ้มไม่ค่อยเก่งก็ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกดูก่อน ค่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง แต่ข้อควรระวังคืออย่ายิ้มนานจนเกินไป โดยเฉพาะในที่สาธารณะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไม่ปกติเอาได้ 3. ต้องเป็นคนตลกบ้างข้อนี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อที่สำคัญไม่แพ้กันเลยทีเดียว การที่เราเป็นคนตลกนั้นข้อดีของมันก็คือทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวดูไม่เงียบเหงา มีสีสันอยู่ตลอดเวลา ผู้คนที่อยู่รอบข้างสนุกสนานไปกับเรา หัวเราะไปตามๆ กัน บางคนที่เป็นคนตลกสนุกสนานอยู่แล้วก็จะได้เปรียบอย่างมาก ซึ่งในการที่เราจะเป็นคนตลกให้ได้นั้นเราอาจจะฝึกฝนด้วยต้วเองได้โดยการดูหนังตลก รายการตลก ข้อความตลก หรือคลิปตลกอะไรก็ได้ แล้วเราก็ค่อยๆ จดจำและซึมซับสิ่งเหล่านั้นมาไว้กับตัว เมื่อถึงคราวที่ต้องยิงมุกตลกจริงๆ ค่อยงัดมาใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่เป็นคนตลกมันก็เกิดผลเสียได้เช่นกัน ถ้าหากว่าเล่นผิดคน เราเป็นคนตลกแต่อีกฝ่ายเป็นคนซีเรียส แบบนี้เราจะกลายเป็นคนที่น่ารำคาญเอาได้ จะเล่นอะไรก็ขอให้ระวังๆ กันด้วยนะ 4. ใช้ชีวิตให้สนุกเข้าไว้สิ่งที่เราทำแล้วคิดว่าสนุกไม่ว่าจะเป็นการหาหนังดูสักเรื่องที่เราชื่นชอบ ฟังเพลงโปรดเพื่อให้เกิดความสนุก เร้าใจ หรืออาจจะออกไปข้างนอก ไปเที่ยวปรับเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเบื่อหน่ายจนเกินไป ถ้าถามว่าการใช้ชีวิตให้สนุกมีผลต่อการเข้าสังคมอย่างไร ต้องบอกเลยว่ามีผลเต็มๆ เพราะถ้าหากว่าเราใช้ชีวิตให้สนุกมากพอ จนชีวิตของเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขแล้ว แน่นอนว่าตัวเราจะเป็นคนที่อารมณ์ดี เป็นที่น่าเข้าหาของทุกคน ไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้แล้วก็จะรู้สึกสนุกไปกับเราด้วย แล้วเราก็จะดูเป็นคนไม่น่าเบื่อในสายตาของใครๆ 5. พูดในสิ่งที่ควรจะพูดการพูดที่ดีเพื่อให้คนอื่นรู้สึกประทับใจในตัวเราคือ "การพูดในสิ่งที่ควรพูด" ผู้คนส่วนใหญ่จะชื่นชอบคำพูดในลักษณะไปทางชื่นชม ปลอบโยน ให้กำลังใจ ให้เกียรติซะมากกว่า ไม่ชอบให้ใครมาพูดเหน็บแนม ดูถูก ดุด่าว่ากล่าว โอ้อวด หรือไม่ชอบถูกตัดสิน คำพูดแต่ละคำนั้นต่อให้จะเป็นคำหรือประโยคใดก็ตาม สิ่งที่เราจะต้องคำนึงถึงเลยคือ "จิตใจของผู้ฟัง" ถ้าพูดในสิ่งที่ไม่ดีออกไปเช่นเรื่องการเมือง ศาสนา ความเชื่อต่างๆ คำหยาบคาย รวมไปถึงคำทะลึ่งต่างๆ ส่งผลทำให้ผู้ฟังต้องเมินหน้าหนี แล้วเราก็จะหมดความน่าสนใจไปในทันที ดังนั้นพูดในสิ่งที่คนอื่นประทับใจจะดีที่สุด 6. มีความมั่นใจในตัวเองเราออกไป Present งานหน้าชั้นเรียนหรือมาพูดอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก ถ้าเราไปแสดงอาการเขินอายให้คนอื่นเห็น มีความกล้าๆ กลัวๆ ที่จะปลดปล่อยข้อดีของตัวเองออกมา แบบนี้ลองคิดดูว่าคนอื่นเขาจะต้องรู้สึกเบื่อหน่าย อึดอัดและขัดใจมากแน่ๆ ที่ต้องมาเสียเวลากับอะไรแบบนี้ เพียงเพราะความไม่มั่นใจในตัวเองทำให้ตัวเราต้องกลายเป็นคนน่าเบื่อไปในทันที ไม่น่าสนใจ ไม่มีเสน่ห์ ในทางกลับกันถ้าเราเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงจะทำให้เรากลายเป็นคนน่าดึงดูด มีความน่าสนใจ มีเสน่ห์ในแบบที่ตัวเองเป็น คนจะชอบเราได้ก็ตรงที่เราเป็นตัวเองนี่แหละ จงอย่ากลัวว่าใครจะมาตัดสินหรือดูถูกเรา ขอแค่มั่นใจในตัวเองแล้วชีวิตจะเป็นสุขและง่ายต่อการเข้าหาสังคม 7. ใส่ใจคนอื่นให้มากขึ้นในที่นี้หมายถึงคนที่อยู่รอบตัว คนที่เรากำลังสนทนาด้วย หรือคนที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ด้วย หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าการที่ใส่ใจกับคนอื่นนั้นมันทำให้เราดูไม่น่าเบื่อยังไง อันนี้ก็ต้องบอกได้เลยว่ามันมีความสำคัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียว การที่เราแคร์คนอื่นนั้นนอกจากเราจะดูเป็นมีเสน่ห์ น่าดึงดูดแล้ว อีกฝ่ายก็จะได้รับความสุข ความสบายใจไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เป็นคนที่ตลก สนุกสนาน หรือเล่นมุกไม่เก่ง แต่ถ้าเรามีความใส่ใจในดีเทลต่างๆ ของอีกฝ่าย ทำให้เขารู้สึกประทับใจทุกครั้งที่อยู่กับเรา นับว่าเรามีเสน่ห์แล้วนะ แถมยังดูไม่น่าเบื่ออีกด้วย ที่สำคัญใครที่อยู่ด้วยแล้วก็จะรู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งเลยทีเดียว 8. ลองหาอะไรใหม่ๆ ทำถ้าหากงานที่เราทำอยู่หรือว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่มันย่ำอยู่กับที่ ซ้ำซากจำเจ เวียนวนอยู่แบบนั้น ส่งผลทำให้เกิดความน่าเบื่อหน่ายขึ้น แล้วเมื่อไหร่ชีวิตเราจะมีความสุขขึ้นสักที ลองไปหาอะไรใหม่ๆ ทำดูบ้างก็ดีนะ อย่างเช่นงานพาร์ทไทม์ อาชีพต่างๆ หรืออย่างอื่นๆ ที่เราสนใจจะทำ คนเราต่างก็ล้วนมีเป้าหมายในชีวิตกันทั้งสิ้น เรื่องของเป้าหมายในชีวิตมันมีผลต่อจิตใจเป็นอย่างมาก และเมื่อเรามีเป้าหมายในชีวิตแน่นอนว่าชีวิตในแต่ละวันของเรามันก็จะมีความสนุกขึ้น มีความน่าตื่นเต้น แถมยังไม่ทำให้เราต้องมานั่งว่างอยู่เฉยๆ ไม่ต้องมาคิดแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ น่าปวดหัว 9. วางมือจากโทรศัพท์ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้คนในยุคนี้ติดโทรศัพท์กันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะพกติดตัวไปตลอดทุกครั้ง ราวกับเป็นอวัยวะส่วนที่สำคัญไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้มันจะไม่ได้ส่งผลเสียกับเราอย่างแน่นอนเมื่อเราใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังคนเดียว แต่ถ้าหากว่าเราต้องพบปะกับผู้คนแล้วมีการพูดคุยสนทนากัน ไม่ว่าจะในความสัมพันธ์แบบไหนก็ตาม เราควรวางมือจากโทรศัพท์ลงก่อน เพราะการที่เราใช้โทรศัพท์อยู่ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังคุยกับเราอย่างจริงจังนั้น มันเท่ากับว่าเราไม่ได้สนใจเขาแบบจริงๆ ทำเหมือนว่าเขาไม่มีตัวตน ไม่มีความตั้งใจที่จะฟังในสิ่งที่เขาเล่า แบบนี้ก็มีโอกาสที่เขาจะเบื่อเราและก็ไม่อยากคุยกับเราต่อ ดังนั้นไม่ว่าเราจะคุยกับใครก็แล้วแต่ รบกวนหยุดใช้โทรศัพท์ชั่วคราวก่อน เมื่อมีคนโทรเข้าเราก็ขออนุญาตไปรับสายก่อนได้ 10. ไม่เยอะและไม่เงียบในบทสนทนาแต่ละครั้งเราก็มักจะต้องสื่อสารด้วยการพูดอยู่เสมอทุกครั้งที่มีการเจอหน้ากับผู้คน ซึ่งการสนทนาที่ดีและไม่น่าเบื่อนั้นจะต้องดูไม่เยอะมากเกินไปและก็ไม่เงียบมากเกินไป ถ้าเป็นกับบางคนที่เขามีบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายๆ กันหรือเหมือนๆ กันกับเรา ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อให้คุยทั้งวันก็คงไม่จบ แต่ถ้าเป็นคนอื่นต่อให้เราพูดเยอะเกินไปโดยเฉพาะเรื่องของตัวเอง ไม่เคยคิดถึงจิตใจของผู้ฟังว่าเขาจะอยากฟังเรื่องที่เราพูดหรือไม่ อันนี้มีสิทธิ์ที่เราจะเป็นคนน่าเบื่อได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือในระหว่างที่กำลังสนทนาอยู่นั้น "เราต้องห้ามเงียบ" ควรพูดตอบโต้หรือออกความคิดเห็นบ้างก็ดี เพราะความเงียบนั้นน่าเบื่อยิ่งกว่าอีก คนรอบตัวเราจะรู้สึกอึดอัด เขาจะมองว่าเราหยิ่งทันที ไม่มีปฏิสัมพันธ์ วันดีคืนดีเขาก็อาจจะไม่อยากคุยกันเราต่อก็เป็นได้ แชร์ประสบการจากผู้เขียนแน่นอนว่าเมื่อก่อนตัวผู้เขียนเองก็เคยเป็นคนที่น่าเบื่อเหมือนกัน เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง เข้ากับใครต่อใครได้ค่อนข้างยาก สีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีชีวิตชีวา ไม่ค่อยยิ้ม เวลาเจอผู้คนก็แทบจะไม่พูด ออกจะเป็นคนเงียบๆ ทำให้บรรยากาศรอบตัวนั้นเต็มไปด้วยความเงียบงัน ไร้ซึ่งความสนุก ไม่มีสีสีน ส่งผลทำให้ตัวเราดูเป็นคนน่าเบื่อไปเลย แถมคนอื่นยังรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่อยู่กับเรา จนถึงทุกวันนี้เราก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง พัฒนาตัวเองมากขึ้นในระดับหนึ่ง ฝึกการยิ้มหน้ากระจก เสพ Content เกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพหรือจิตวิทยาต่างๆ แล้วได้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ต้องยอมรับว่าในแรกๆ มันอาจจะยากสำหรับเราสักหน่อย แต่มันต้องค่อยๆ เป็นมันเรื่อยๆ ค่อยๆ ทำไปทีละเล็กน้อย มันไม่ได้เห็นผลภายในเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่ถ้าทำบ่อยๆ ผลที่ได้มันก็จะค่อยๆ ดีขึ้นในแบบของมันเองและนี้คือทั้งหมดของเนื้อหาของเราครับ ถ้าหากใครที่ได้อ่านแล้วก็ลองนำไปพิจารณาและปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันดูนะครับ ยิ่งเราพยายามมากเท่าไหร่ความน่าเบื่อในตัวเราก็จะค่อยๆ ลดน้อยลง แล้วเราก็จะเป็นคนที่ดูมีเสน่ห์ ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นคนที่สนุกขึ้น สิ่งที่คนอื่นจะได้รับคือความบันเทิงหรือเสียงหัวเราะ แต่ถ้าเราเป็นคนหน้าเซ็งไม่มีชีวิตชีวา แน่นอนว่าสิ่งที่คนอื่นจะได้รับคือความเบื่อหน่ายและไม่มีความสุข หวังว่าเนื้อหานี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนได้ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ เครดิตรูปภาพประกอบทั้งหมดจากเว็บไซต์ : Pexels.comภาพหน้าปก : Andrea Piacquadioภาพที่ 1 : cottonbro studioภาพที่ 2 : Karolina Grabowskaภาพที่ 3 : Andrea Piacquadioภาพที่ 4 : Andrea Piacquadioภาพที่ 5 : Henri Mathieu-Saint-Laurentภาพที่ 6 : olia danilevichภาพที่ 7 : William Fortunatoภาพสุดท้าย : Elle Hughesเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !