ผลไม้น้ำตาลต่ำ อะโวคาโด กินยังไง เป็นเบาหวาน กินได้แค่ไหน!?จากที่ผู้เขียนได้สังเกตเห็นนั้นในช่วงนี้จะมีอะโวคาโดวางขายจำนวนมาก ล่าสุดเห็นเจ้าหนึ่งขายเพียงกิโลกรัมละ 50 บาท เท่านั้น แต่โดยทั่วไปราคาจะราว 70-80 บาทค่ะ ผู้เขียนกินอะโวคาโดได้และชอบรสชาติของอะโวคาโดด้วย อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายแล้วในประเทศไทย ทั้งที่เป็นอะโวคาโดปลูกในประเทศไทยเอง และที่เป็นอะโวคาโดนำเข้ามาจากต่างประเทศจากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่า อะโวคาโดเมื่อสุกเปลือกจะมีสีดำ มีเมล็ดแข็งด้านในจำนวนหนึ่งเมล็ด เนื้อของอะโวคาโดจะมีสีเหลืองอมเขียวอ่อน เราจะกินเฉพาะเนื้อของอะโวคาโด เมล็ดของอะโวคาโดเมื่อสุกจะหลุดออกง่าย เอาเมล็ดออกก่อนแล้วก็กินส่วนเนื้อ สำหรับผู้เขียนแล้วอะโวคาโดไม่มีรสหวานเลยค่ะ จะออกมันๆ มากกว่า เนื้ออ่อนนุ่ม หอมอ่อนๆ ซึ่งเป็นกลิ่นตามธรรมชาติของอะโวคาโดอะโวคาโดตอนซื้อมาต้องบีบดูก่อน ถ้ารู้สึกนิ่มๆ แสดงว่าพร้อมกินได้แล้ว แต่ถ้าซื้ออะโวคาโดที่ยังไม่สุกมา ให้ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเพียงไม่กี่วันอะโวคาโดที่มีเปลือกสีเขียวก็จะเริ่มสุก การกินอะโวคาโดที่สุกจะให้รสชาติที่ดีกว่า อะโวคาโด 1 ถ้วย ให้พลังงานทั้งหมด 240 กิโลแคลอรี่ มีกากใย 10.1 กรัม ไขมัน 22 กรัม คาร์โบไฮเดรต 12.79 กรัม ที่สำคัญอะโวคาโดมีน้ำตาล น้อยกว่า 1 กรัม อะโวคาจัดเป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Glycemic Index; GI) คือเท่ากับ 10 เท่านั้นตัวเลขของค่าดัชนีน้ำตาลนี้ คือค่าที่บ่งบอกถึงความเร็วของอาหารชนิดหนึ่งที่ถูกกินเข้าไปในร่างกายและเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลได้ช้าหรือเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับค่าดัชนีของน้ำตาลกลูโคสที่ดูดซึมได้เร็วที่สุด (ซึ่งมีค่า GI =100) หากมีค่าสูงก็จะยิ่งส่งผลให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการรู้ถึงค่าดัชนีน้ำตาลจึงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานระดับของค่าดัชนีน้ำตาล แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับต่ำ คือ มีค่าดัชนีน้ำตาลระหว่าง 0-55 ระดับกลาง คือ มีค่าดัชนีน้ำตาลระหว่าง 56-69ระดับสูง คือ มีค่าดัชนีน้ำตาล ตั้งแต่ 70 ขึ้นไป การกินอะโวคาโด ในคนที่เป็นเบาหวานไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ควรแบ่งสัดส่วนของอะโวคาโดออกกินหลายมื้อ อย่างน้อยประมาณ 2 ครั้งต่อผล เพราะอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานที่สูง การกินอะโวคาโดร่วมกับอาหารประเภทอื่นถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เช่น การเพิ่มอะโวคาโดลงไปในสลัดผักหรือแซนด์วิช การกินอะโวคาโดที่ทำเป็นน้ำปั่นอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น จึงส่งผลให้หิวช้าลงและทำให้ลดการกินอาหารว่างไปได้ จึงมีหลายคนเลือกกินอะโวคาโด เพื่อลดน้ำหนัก ในคนเป็นเบาหวานนั้น ถ้าน้ำหนักลดลงจะทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้นและกระบวนการดึงเอาน้ำตาลกลูโคสไปใช้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย จึงมีส่วนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง การกินอะโวคาโดในปริมาณมากยังสามารถทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามอะโวคาโดยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนเป็นเบาหวานและยังสามารถกินได้ ผู้เขียนมีโอกาสได้กินอะโวคาโดเปล่าๆ และแบบที่เติมลงไปในอาหารชนิดอื่นๆ พบว่า การกินอะโวคาโดแบบเปล่าๆ อาจจะรู้สึกเลี่ยนได้ เพราะความมันของอะโวคาโด จะดีกว่ามากหากนำอะโวคาโดมาดัดแปลงทำเมนูใหม่ ผู้เขียนกำลังคิดว่าจะนำอะโวคาโดมาลองทำเมนูใหม่ๆ บ้าง เช่น นำมาเป็นส่วนผสมในเบเกอรี่โดยส่วนตัวของผู้เขียนไม่ได้ใกล้ชิดกับคนเป็นเบาหวาน แต่หากใครมาขอคำแนะนำผู้เขียนก็มักจะบอกว่าอะโวคาโดสำหรับคนเป็นเบาหวานแล้วสามารถกินได้ แต่ต้องจำกัดปริมาณในการกิน ไม่ใช่เพราะปริมาณน้ำตาลแต่เพราะอะโวคาโดให้พลังงานสูงการกินอะโวคาโดเปล่าๆ ยังสามารถทำได้หากเป็นความชอบส่วนบุคคล แต่จะทำได้ในปริมาณน้อยเพราะผู้เขียนมีประสบการณ์มาแล้ว ดีที่สุดที่ผู้เขียนอยากแนะนำคือให้กินอะโวคาโดด้วยการเพิ่มอะโวคาโดลงไปในสลัดผักหรืออื่นๆ ตามที่ต้องการจะดีกว่าจากเนื้อหาข้างต้น อะโวคาโด จึงเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีคุณค่าทางอาหาร และคนเป็นเบาหวานสามารถกินได้ แต่ให้กินในปริมาณน้อยต่อครั้ง เพื่อที่จะมีโอกาสได้กินอาหารชนิดอื่นๆ ด้วย โดยยังยึดหลักการกินอาหารให้ครบหลัก 5 หมู่ และมีความหลากหลายในแต่ละวันข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:🔹 อ้างอิง 1: Avocado 🔹 อ้างอิง 2: Glycemic index🔹 อ้างอิง 3: ค่าดัชนีน้ำตาลเครดิตภาพปกโดยผู้เขียนจาก WebTechExperts/pixabay ออกแบบจาก canvaเครดิตภาพประกอบเนื้อหาจากผู้เขียนบทความอื่นที่น่าสนใจ🔹👉 น้ำตาลตามธรรมชาติแต่ละชนิดในผลไม้ เป็นเบาหวานต้องรู้🔹👉 8 วิธีลดน้ำตาลในเลือดแบบธรรมชาติ สำหรับคนเป็นเบาหวาน🔹👉 คนเป็นเบาหวานกินทุเรียนได้มากแค่ไหน ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !