รูปภาพหน้าปกโดย www.pixabay.com เชื่อว่าผู้ที่ชื่นชอบในแฟชั่นสายอัญมณีและเครื่องประดับทุกท่านต้องรู้จัก "หยก" กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเป็นหนึ่งในอัญมณีล้ำค่าที่ได้รับความนิยมในการนำไปทำเครื่องประดับสวย ๆ งาม ๆ แบบต่าง ๆ มากมาย ชาวจีนโบราณที่มีเกี่ยวกับหยกให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันว่า ถ้าเราใส่หยกเป็นเครื่องประดับแล้วมันจะดีและมีประโยชน์กับตัวเราอย่างไรบ้างเดี๋ยวเราจะได้ทราบกันครับ ในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อหยกได้ง่าย ๆ จากตามร้านค้าอัญมณีตามห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านทั่วไปหรือจะไปซื้อถึงแหล่งจำหน่ายต้นทางเลยอย่างเช่น ตลาดค้าพลอยเมืองกาญจนบุรีก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ เราควรมีความรู้ในการดูหยกติดตัวเอาไว้บ้างเพราะในปัจจุบันก็มีหยกปลอมมากมายที่คนนำมาหลอกขายนักท่องเที่ยวในราคาสูงเทียบเท่ากับหยกคุณภาพดีแท้ ๆ หากเรามีความรู้จะได้ไม่โดนหลอก และในวันนี้ทางผู้เขียนจะมาแชร์ประสบการณ์เบื้องต้นเกี่ยวกับการเลือกดูหยกให้คุณผู้อ่านทุกท่านใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อหยกให้ได้ของแท้ไม่โดนหลอกครับ รูปภาพโดย www.pixabay.com ในปัจจุบันหยกแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ 1. หยกเจไดต์ (Jedeite Jade) ไม่ใช่ที่ถือดาบเลเซอร์ใน star wars นะครับทุกท่านอันนี้ประเภทหยก ฮ่า ๆ หยกแบบนี้จัดเป็นหยกที่มีคุณภาพดีที่สุด เนื้อหยกแบบนี้ส่วนมากจะมีความแวววาวและเงางามแบบเฉพาะตัว ตั้งแต่ระดับใสแจ๋วแบบแก้วหรือใสแบบปนขุ่น ๆ หน่อยเหมือนน้ำมัน ในปัจจุบันหยกเจไดต์นิยมนำไปทำเครื่องประดับในระดับ premium เพราะเป็นหยกคุณภาพดีและมีราคาแพงที่สุด ตัวอย่างของหยกชนิดนี้ เช่น หยกจักรพรรดิ , หยกสีแอปเปิ้ล หยกลกซิ่ว หยก ลาเวนเดอร์ หยกส้ม หยกน้ำผึ้ง ที่นิยมนำไปทำหัวแหวนและเครื่องประดับราคาแพงอื่น ๆ เป็นต้น 2. หยกเนฟไฟรต์ (Nephrite Jade) เป็นหยกแท้เหมือนกันกับแบบแรก แต่จะมีโทนสีออกมืด ๆ หรือ ขุ่น ๆ มัว ๆ มากกว่าโดยจะมีความเข้มของสีไม่เท่ากับหยก เจไดต์ และมีราคาที่ต่ำกว่าหยกเจไดต์ นิยมนำมาทำเครื่องประดับเหมือนกันเช่น กำไลข้อมือ ต่างหู เป็นต้น รูปภาพโดย www.pixabay.com หยกกับความเชื่อของชาวจีนโบราณ ชาวจีนโบราณให้ความสำคัญกับ หยก เป็นอย่างมากโดยถือว่าเป็นหินมีมีคุณค่ามากที่สุด ทั้งคุณค่าในทางราคาที่เป็นเงินที่ในสมัยนั้นใครมีเครื่องประดับจากหยกเม็ดใหญ่ ๆ ใส่ไปเดินตลาดนี่โคตรจะเท่ โคตรจะคูลกว่ามีทองมีเพชรวิบ ๆ วับ ๆ ใส่เหมือนในปัจจุบันเราเสียอีก อีกหนึ่งคุณค่าในทางความเชื่อที่ชาวจีนเชื่อว่าหยกเป็นหินมงคลซึ่งจะนำสิ่งดี ๆ มาสู่ผู้ถือครองทั้ง ความเจริญรุ่งเรื่องในชีวิต ความร่ำรวย รวมถึงโชคลาภและโอกาสดี ๆ ที่จะเข้ามา สังเกตุง่าย ๆ ได้อีกอย่างคือเวลาเราดู Series จากประเทศจีน เช่น ซูสีไทเฮา หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ ลองสังเกตุแฟชั่นการแต่งตัวขององค์จักรพรรดิเป็นตัวอย่าง บอกได้เลยว่ามีหยกเป็นเครื่องประดับอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ชิ้นแน่นอน นอกจากเครื่องแต่งกายแล้วยังรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ต่าง ๆ ด้วยเช่น ป้ายหยก ตราประทับส่วนพระองค์ (พระราชลัญจกร) พระธำมรงค์ ปิ่นปักผม กระดุม และอื่น ๆ รูปภาพโดย www.unsplash.com ใส่เครื่องประดับจากหยกดีต่อตัวเราอย่างไรบ้าง 1. ชาวจีนโบราณมีความเชื่อว่าหยกเป็น อัญมณีที่เป็นตัวแทนของคุณธรรม 5 ประการ คือ ความใจบุญ ความพอเพียง ความองอาจ ความยุติธรรม และความมีสติปัญญาที่หลักแหลม การที่เราใส่หยกจะช่วยเสริมบารมีใน 5 ด้านที่กล่าวมานี้ได้นับเป็นคุณค่าในทางใจ 2. ลักษณะทางกายภาพของหยกเป็นอัญมณีที่มีความเย็นในตัวและสามารถเก็บความเย็นเอาไว้ได้ดี เหมาะสำหรับผู้สวมที่ในตัวมีธาตุไฟค่อนข้างมากหรือผู้ที่มักจะร้อนในบ่อย ๆ การใส่หยกจะทำให้ความเย็นจากหยกไหลผ่านเข้าไปในรา่งกายช่วยให้ระบบร่างกายเกิดความสมดุลตามธรรมชาติ 3. การสวมหยกจะทำให้เรามีสติมากขึ้นเพราะหยกมีราคาแพง เราจะคิด ๆ และคลำ ๆ อยู่ตลอดว่าหยกเรายังอยู่กับตัวไหม เผลอไปทำหล่นหายที่ไหนหรือเปล่าด้วย รูปภาพโดย www.unsplash.com วิธีการเลือกซื้อหยกขั้นพื้นฐาน - ( ถ้าเป็นหยกราคาแพงมาก ๆ ควรส่งสถาบันอัญมณีหรือให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจจะดีที่สุด ) 1. ดูเนื้อหยก : วิธีนี้ค่อนข้างชัวแต่คุณจะต้องนำกล้องส่องอัญมณีติดตัวไปเองด้วย หรือจะใช้กล้องส่องเพชรทีมีกำลังขยายอย่างต่ำ 10 เท่าซึ่งหาซื้อได้ง่าย ๆ ราคา 100 กว่าบาท ก็ใช้ได้เช่นกัน ให้ส่องลงไปในเนื้อหยกที่ต้องการตรวจสอบ หยกแท้ เมื่อส่องเข้าไปแล้วเนื้อด้านในจะมีร่องรอยเป็นเส้นยาว ๆ ส่วนมากลักษณะจะเป็นแบบเส้นตรงหรือรอยร้าว ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดตามธรรมชาติของหยกชิ้นนั้น ๆ หยกปลอม เมื่อส่องเข้าไปแล้วมักจะเจอรอยลักษณะเป็นเส้นฝอย ๆ หรือเป็น ขด ๆ พันกันลักษณะเป็นเส้นโค้ง ๆ เนื่องจากเกิดจากการผลิตโดยใช้เครื่องเหวี่ยงมา 2. ฟังเสียงสะท้อน : หยกแท้ตามธรรมชาติเมื่อนำมากระทบกันจะเกิดเสียงดัง เสียงกังวานใส แต่หยกที่เราต้องการตรวจสอบหากเรานำมากระทบกันแล้วเสียงไม่กังวาน แต่เป็นเสียงออกโทนทึบ ๆ เหมือนโทนเสียงอัดอยู่ในผลึกหยกไม่ดังกังวานออกมาภายนอกได้ นั่นแหละตั้งสมมุติฐานเบื้องต้นได้เลยว่า ชิ้นนี้นะของปลอม แต่วิธีนี้ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ในการฝึกฝนจนชำนาญเช่นกัน 3. การส่องด้วยไฟฉาย : ควรเป็นไฟฉายสำหรับส่องอัญมณีโดยเฉพาะหาซื้อได้ง่าย ๆ ราคาไม่แพง ส่วนมากจะเป็นไฟฉายอันเล็ก ๆ แต่มีความเข้มข้นของแสงสูงพอควร ให้เราส่องไฟฉายลงบนหยกที่ต้องการตรวจสอบ หากเป็นหยกแท้ โดยธรรมชาติแล้วจะมีความโปร่งแสงสามารถส่องผ่านได้ แม้จะเป็นหยกแบบหยกเนฟไฟรต์ (Nephrite Jade) ที่มีความทึบสูงแต่แสงก็ยังคงผ่านได้เล็กน้อยเช่นกัน หากเป็นหกปลอม เมื่อส่องไฟไปแล้วมักสังเกตุได้ว่าว่าแสงส่องผ่านออกมาจากตัวหยกไม่ได้เลย เราก็ตั้งสมมุติฐานคร่าว ๆ ในใจไว้ได้เลยว่าอันนี้น่าจะของปลอม 4. สังเกตุจากราคาขาย : หากคุณไปพบหยกที่มีชื่อดังต่อไป หยกจักรพรรดิ , หยกสีแอปเปิ้ล หยกลกซิ่ว หยกลาเวนเดอร์ หยกส้ม หยกน้ำผึ้ง ตั้งขายในราคาที่ถูกมาก ๆ ก็ตั้งสมมุติฐานไว้ก่อนได้เลยว่าของปลอม เพราะหยกพวกนี้ปกติล้วนมีราคาแพงทั้งสิ้น รูปภาพโดย www.pixabay.com รูปภาพโดย www.unsplash.com สุดท้ายนี้ทางผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทางผู้อ่านและผู้ชื่นชอบในเครื่องประดับทุกท่าน เพื่อเป็นความรู้และแนวทางเบื้องต้นในการเลือกซื้อหยกให้ได้ของแท้ คุณภาพดี ไม่โดนหลอก และ shopping กันได้อย่างสบายใจและมีความสุขขอบคุณครับ