4 วิธีรับมือกับเพื่อนร่วมงาน #ห่วย อย่างไรไม่ให้เสียสุขภาพจิต ว่ากันว่าการเจองานที่รักนั้นคือความโชคดี แต่การได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดีนั้นยิ่งเป็นสิ่งที่โชคดีกว่า เพราะแม้งานนั้นเราอาจจะไม่ได้รักมันมาก แต่หากมีทีมที่ดีที่ส่งเสริมกัน พากันไปถึงความฝัน ความสำเร็จ ทุกวันที่ไปทำงานก็คงเหมือนวันธรรมดา ๆ ที่ได้ไปเจอเพื่อนดี ๆ ทุกวัน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามเหมือนกับการ์ตูนดิสนีย์ที่เราดูกันตอนเด็ก ๆ สมัยเรียนก็ไม่ได้เคยเตรียมตัวเตรียมใจว่าวันหนึ่งเราจะต้องเข้าไปสู่โลกแห่งการทำงานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ทำเอาสติเราหลุดไปได้เหมือนกัน เหมือนเป็นเกมที่ว่าใครควบคุมอารมณ์ไม่ได้คนนั้นก็แพ้ไป แต่ว่าปัญหาการเจอเพื่อนร่วมงานห่วย ๆ นั้นกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของมนุษย์ออฟฟิศหลายคน บางคนรับมือไม่ได้ก็ต้องพ่ายแพ้ยกธงขาวด้วยการลาออก ในขณะที่บางส่วนก็พอจะรับมือได้บ้างแต่แลกมาด้วยสุขภาพจิตสุดพัง อารมณ์บูดทุกครั้งที่ต้องทำงานด้วย วันนี้เรามี 4 วิธีในการรับมือกับเพื่อนร่วมงานแย่ ๆ อย่างไรที่จะทำให้เราไม่เสียสุขภาพจิตและใช้ชีวิตการทำงานได้อย่างมีความสุข 01. ไม่ให้ความสำคัญ ต้นเหตุที่ทำให้เราทุกข์ใจทุกครั้งที่เจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบหน้า หรือรู้สึกไม่ชอบวิธีคิด หรือการทำงานของคนนั้น ๆ เพราะเราไปให้ความสำคัญกับเขามากเกินไปนั่นเอง เรามัวแต่ไปโฟกัสอยู่ที่เขา อย่างในที่ประชุมก็มัวไปโฟกัสว่าเขาจะหลุดพูดอะไร หรือทำอะไรที่ทำให้เราไม่พอใจ ทำให้ในแต่ละวินาทีเรามัวแต่ไปหมกมุ่นแต่กับเรื่องของเขาทั้งวัน ดังนั้นวิธีรับมือกับสิ่งนี้คือการไม่ให้ความสำคัญ ปล่อยผ่านในสิ่งที่ไม่ได้เป็นสาระ เขาจะทำอะไร พูดอะไร หรือมีกิริยาอย่างไร จำไว้แค่ว่าเขาไม่ได้สำคัญแค่นั้น และเมื่อเขาไม่สำคัญเรื่องอะไรที่คุณจะสละเวลาอันมีค่าให้กับสิ่ง ๆ นั้นด้วย แค่นี้คุณก็จะสบายใจขึ้น มองเห็นเขาน้อยลง โฟกัสแค่เรื่องงาน แล้วชีวิตของคุณก็จะมีความสุขมากขึ้นไม่เชื่อลองไปทำกันดู photo: https://unsplash.com/photos/D8Kpoqsbl04 02. มองทุกอย่างเป็นเกม หลาย ๆ คนเวลาที่ไม่ชอบใคร หรือเหม็นขี้หน้าใครก็มักจะแสดงออกอย่างชัดเจน หรือเล่าปากต่อปากให้คนอื่นรู้ ประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าฉันไม่ชอบคนนี้ หรือตานี่ทำงานห่วยแตกมาก แต่ในชีวิตการทำงานนั้นไม่ได้ต่างอะไรจากเกมเลย นั่นหมายถึงว่าต้องมีคนหนึ่งที่ชนะ และคนที่แพ้ แล้วคุณอยากจะเป็นคนไหน? ถ้ามองให้เป็นเกม เราจะเป็นคนคุมเกม หรือปล่อยให้อีกฝ่ายคุมเกมล่ะ ถ้าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่แสดงออก ไม่ผลีผลาม ไม่ทำตัวเป็นเด็ก แต่ทำทุกอย่างตามเหตุผลสมควร ไม่พูดจาให้อีกฝ่ายเสียหาย สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเอง เกิดเป็นความน่าเชื่อถือ และถ้าอยากจะสั่งสอนเพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบ ก็สอนอย่างหวังดี สอนด้วยความจริงใจอยากให้เขาเปลี่ยนแปลง ส่วนเขาจะทำได้หรือไม่ได้นั้นก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเรามองทุกอย่างเหมือนเกม แล้วเราอยู่เหนือผู้เล่นในนั้น เราจะเข้าใจความเป็นจริงและไม่เอาตัวเองลงไปอยู่ในหมากกระดานนั้นให้เสียสุขภาพจิต photo: https://unsplash.com/photos/bwki71ap-y8 03. เป็นที่รัก แม้ว่าในที่ทำงานจะมีเพื่อนร่วมงานแย่ ๆ อยู่บ้าง แต่การที่คุณจะมีความสุขในการทำงานได้คือการมีเพื่อนร่วมทางที่ดีอยู่ด้วย อาจจะไม่ต้องมีเยอะ แต่ก็ควรจะมีสัก 2-3 คนที่เราสามารถแบ่งปันเรื่องราว แชร์ปัญหา และเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวได้บ้าง การที่เราเข้าไปอยู่ในที่ทำงานที่มีแต่คนใส่หน้ากากเข้าหากัน คนที่อู้งานทั้งวัน คนที่มองโลกในแง่ลบตลอดเวลาไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือโปรเจคอะไร มันทำให้จิตใจเรานั้นขุ่นมัวไปด้วย และไม่นานเราก็จะถูกความคิดลบ ๆ แบบนี้เข้าครอบงำด้วย ดังนั้นจงเป็นที่รักกับที่ควรรัก และจงเพิกเฉยกับคนที่เป็นประจุลบทำให้ความคิดเราขุ่นมัว แค่นี้ทุกเช้าให้คิดถึงเพื่อนร่วมงานดี ๆ ที่เราจะได้เจอ คิดถึงงานสนุก ๆ ลูกค้าน่ารัก ๆ ที่เราจะได้พูดคุย แค่นี้ก็จะช่วยให้ทุกเช้าคุณตื่นนอนไปทำงานอย่างมีความสุขแล้ว photo: https://unsplash.com/photos/-uHVRvDr7pg 04. ให้อภัย ปิดท้ายด้วยวิธีสุดท้ายที่เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราเอง เราเองก็เป็นหนึ่งคนที่เจอเพื่อนร่วมงานที่ Toxic กับจิตใจมาก จนบางครั้งเอาเก็บไปฝันถึง และอดไม่ได้ที่จะระบายให้เพื่อน ๆ ฟัง แต่ในท้ายที่สุด คำพูดแย่ ๆ หรือความคิดแง่ลบที่เรามีกับบุคคลนั้นกลับไม่ได้ส่งไปถึงเขา แต่มันกลับวนเวียนอยู่ในหัวเราเองเนี่ยแหละ และทำให้สุขภาพจิตเราย่ำแย่มาก กลายเป็นคนขี้บ่น ขี้หงุดหงิด เกิดเป็นความเครียด ไม่อยากไปทำงาน จนเราได้เจอวิธีที่ทำให้เราก้าวข้ามผ่านความรู้สึกเหล่านั้นได้คือ การให้อภัย เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก และควรจะทำ เราควรฝึกจิตให้รู้จักการให้อภัย เข้าใจ ปล่อยวาง แม้ว่าเขาจะทำตัวเหลวไหล ไม่ถูกใจเราขนาดไหน จงเข้าใจในระดับที่เขาเป็น ทั้งความคิด ความสามารถ และเข้าใจว่าเขาเป็นแบบนี้ เขาถึงได้รับผลแบบนี้ และให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำให้เราขัดข้องใจ แค่นั้นเราก็จะก้าวผ่านเรื่องราวพวกนี้ได้ และสามารถโฟกัสกับงานได้อย่างมีความสุขกว่าเดิม photo: https://unsplash.com/photos/n95VMLxqM2I การเจอคนห่วย ๆ ทุกวันก็เปรียบได้กับการสูดดม PM 2.5 ทุกวัน ยิ่งดมไปนาน ๆ เข้าก็ยิ่งทำให้เราป่วยได้ แถมพาลจะกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด วีนเหวี่ยง โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเราอาจจะเปลี่ยนฝุ่นควันเหล่านี้ให้กลายเป็นทุ่งดอกไม้ไม่ได้ แต่เราไปหาซื้อหน้ากากดี ๆ มาป้องกันฝุ่นเหล่านี้ได้ หลายอย่างที่เกิดขึ้นถ้าเรามัวหาทางออกโดยให้คนอื่นเปลี่ยนก็คงยาก แต่ถ้าเราหาทางออกด้วยการเปลี่ยนที่ตัวเองก็อาจจะง่ายกว่า และเราคิดว่า 4 วิธีที่เรานำมาแชร์นั้นเป็นสิ่งที่เกิดจากประสบการณ์ของเราเอง และเราว่ามันเวิร์กมาก ๆ เลยอยากจะส่งต่อให้กับหลาย ๆ คนที่ยังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้และยังหาทางแก้ไม่ได้ บางคนอาจจะอยากลาออกหนีไปให้ไกล ๆ ลองเอาวิธีพวกนี้ไปใช้ดู เราว่าคุณอาจจะดีขึ้นมาก ๆ ก็ได้นะใครจะรู้ :)