สถานการณ์ในเมืองไทยของเราตอนนี้นะคะเรียกได้ว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ซึ่งจากที่แอดได้ติดตามข่าวอยู่เป็นประจำทุกวัน กรุงเทพฯ เมืองหลวงในประเทศของเราก็ติดอันดับเมืองที่มีสภาพอากาศย่ำแย่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก เพราะว่ากรุงเทพฯ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใช่ไหมคะ แล้วก็มีทั้งการจราจรที่แออัด มีรถยนต์มากมาย และไหนจะโรงงานในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงอีก จึงทำให้เกิดมลพิษได้ง่าย ๆ นั่นเองค่ะ ซึ่งวันนี้แอดจะบอกนะคะวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจาก ฝุ่น PM 2.5 เจ้าตัวร้ายที่ทุกคนต่างเผชิญกันอยู่นะคะ เราจะมีวิธีการป้องกันตัวเองอย่างไรบ้างมาดูไปพร้อมกันได้เลยค่ะ 1. ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากกรองฝุ่น เครดิตรูปภาพ : https://bit.ly/2v5axD7 ถ้าเราจะออกจากบ้านควรที่จะสวมใส่หน้ากากอนามัยในทุกครั้ง ยิ่งเป็นหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ยิ่งดีเลยค่ะ และสมควรที่จะซื้อไว้ซักเปลี่ยนหลาย ๆ ชิ้น ไม่ควรที่จะใส่ซ้ำบ่อยจนเกินไป เมื่อตอนที่เราซักแล้วก็ควรจะตากในที่มิดชิดหน่อยนะคะ เพื่อไม่ให้มีฝุ่นไปเกาะติดหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากกรองฝุ่นของเราได้นั่นเอง แต่ถ้าใครยังไม่มีหน้ากากอนามัยก็สามารถหาผ้ามาชุบน้ำหมาด ๆ ปิดปาก ปิดจมูกไปก่อนก็ได้เหมือนกันค่ะ 2. ปิดประตู - หน้าต่างให้มิดชิด เครดิตรูปภาพ : https://bit.ly/2u7AS3G สำหรับใครที่ทำงานอยู่ที่บ้านหรือจำเป็นต้องไปทำงานนอกบ้านก็อย่าลืมที่จะปิดประตูหน้าต่างทุกบานให้เรียบร้อยนะคะ อย่างน้อยขอให้ภายในห้องหรือภายในบ้านของเราเนี่ยยังมีพื้นที่อากาศบริสุทธิ์ให้เราได้หายใจบ้างก็ยังดีค่ะ เพราะว่าถ้าเกิดเราออกมาข้างนอกก็มีฝุ่น PM 2.5 เข้าไปในบ้านก็มีฝุ่น PM 2.5 แบบนี้สุขภาพเราได้ย่ำแย่อย่างแน่นอนเลยค่ะ ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในบ้านก็ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย จะออกไปข้างนอกก็ต้องปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยหมดทุกบานเช่นกันค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้มีฝุ่น PM2.5 เล็ดลอดเข้าไปภายในห้องหรือภายในบ้านของเราได้ค่ะ 3. ขึ้นรถโดยสารสาธารณะ เครดิตรูปภาพ : https://bit.ly/2uZjpKE เนื่องจากว่ากรุงเทพฯ เป็นแหล่งที่การจราจรคับคั่งอยู่แล้ว หรือจะเป็นในส่วนของต่างจังหวัดก็ตาม ถ้าเกิดว่าเราสามารถที่จะนั่งรถโดยสารได้ ก็อยากให้นั่งรถโดยสารกันนะคะ เพื่อที่จะได้ช่วยกันลดมลภาวะ ลดมลพิษจากท่อไอเสียที่ออกมาจากรถยนต์ เพราะว่าตอนนี้สภาพอากาศบ้านเราย่ำแย่มากค่ะ ถ้าเราช่วยกันลดการใช้รถยนต์คนละคัน ด้วยการขึ้นรถโดยสารแทน เช่น รถเมล์ BTS MRT หรือว่ารถตามต่างจังหวัดก็จะเป็นรถสองแถวทั่วไปแบบนี้ก็จะสามารถช่วยมลพิษจากท่อรถยนต์ในสภาพอากาศให้น้อยลงค่ะ 4. ดื่มน้ำให้มาก ๆ เครดิตรูปภาพ : https://bit.ly/37YOwVh ปกติเวลาที่มีแค่พวกฝุ่นผงปกติธรรมดาทั่วไป เราก็จะรู้สึกคอแห้งกันอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่นี้มันคือ "ฝุ่น PM 2.5" เพราะฉะนั้นก็จะทำให้คอของเราแห้งมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน เราควรที่จะพยายามดื่มน้ำเข้าไปเยอะ ๆ เพื่อไม่ให้คอแห้งจนเกินไป และเป็นการช่วยชะล้างสารพิษภายในร่างกายของเราอีกด้วยค่ะ ให้น้ำช่วยขับสารพิษต่าง ๆ ออกมาทางทางปัสสาวะหรือทางเหงื่อตามร่างกายของเรานั่นเองค่ะ 5. หยุดเผาขยะ เครดิตรูปภาพ : https://bit.ly/36VV59Z อากาศ ณ ตอนนี้ นับได้ว่าย่ำแย่ถึงขั้นวิกฤตแล้วนะคะ ยิ่งเราไปเผาขยะอีกเนี่ยมันก็จะยิ่งช่วยเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มมลพิษให้กับสภาพอากาศมากขึ้นไปอีก ถ้าไม่อยากทำร้ายสภาพอากาศมากไปกว่านี้ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการทำลายขยะด้วยการจุดไฟเผา แต่ให้ทำลายขยะด้วยวิธีอื่นแทน อาจจะแยกขยะก่อน เพราะขยะบางชนิดก็สามารถนำไป Recycle หรือ Reuse ได้ค่ะ ตอนนี้ทุกคนต่างก็เดือดร้อนกันมากแล้ว อย่าทำให้มลพิษของเราต้องย่ำแย่ไปมากกว่านี้เลยนะคะ หรือถ้าใครพบเห็นบางพื้นที่มีการเผาขยะมากเกินไป จนทำให้เกิดมลพิษในอากาศก็สามารถโทร.แจ้งเจ้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบดูแล และควบคุมการเผาขยะในพื้นที่นั้น ๆ ได้เลยนะคะ จบกันไปแล้วนะคะสำหรับวิธีป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM 2.5 เป็นยังไงกันบ้างคะ ไม่ยากเลยใช่ไหมก็แค่ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งนะคะก่อนที่เราจะออกจากบ้าน และไม่ว่าเราจะอยู่ในบ้านหรือกำลังจะเดินทางไปข้างนอกบ้าน เราก็ควรปิดประตูหน้าต่างทุกช่องทางให้หมด อย่าปล่อยให้ฝุ่น PM 2.5 หรือควันไฟต่าง ๆ เข้ามาภายในบ้านหรือภายในห้องของเราได้ค่ะ อีกทั้งหมั่นดื่มน้ำให้มาก ๆ จะได้ช่วยขับล้างสารพิษในร่างกายให้ออกไป และการขึ้นรถโดยสารสาธารณะแทนการขับรถยนต์ สุดท้ายคือการหยุดเผาขยะ เพื่อที่อากาศของเราจะได้ไม่เป็นมลพิษไปมากกว่านี้ค่ะ สุดท้ายนี้แอดก็ขอให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีนะคะ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกไปไหนเลยค่ะ อยู่แต่ในบ้านเท่านั้น หรือถ้าจำเป็นต้องไปทำงานที่ออฟฟิศ แนะนำให้อยู่แต่ในออฟฟิศ ภายในอาคารเท่านั้นค่ะ พยายามอย่าออกมาเผชิญอากาศข้างนอกก็พอ ปอดของเราจะได้ไม่รับมลพิษมากจนเกินไป จนอาจส่งผลทำให้สุขภาพของเราย่ำแย่ได้ค่ะ ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม https://www.blockdit.com/neemmy.bk เครดิตรูปภาพหน้าปก : https://bit.ly/2OrWgY9