โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก่อให้เกิดความไม่สมดุลทางร่างกาย หากรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะกาติดเชื้อเอชไอวี หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ผู้ที่ติดเชื้อไม่ได้รับการป้องกัน และควบคุมเชื้อ อาจทำให้เป็นเอดส์ได้ ดังนั้นการดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจึงเป็นเรื่องที่ดี แนวทางหนึ่งที่เป็นที่นิยมมากในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในปัจจุบันก็คือ การใช้ยา PrEP เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า PrEP ไม่ใช่ชื่อยา แต่เป็น วิธีการ ย่อมาจากคำว่า Pre - Exposure Prophylaxis โดยจะต้องกินยาชนิดนี้ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ โดยมี 5 ข้อควรรู้มาฝากผู้อ่านดังนี้ครับ 1. ยา PrEP ไม่ได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม หูดหงอนไก่ หูดข้าวสุก เพราะการติดต่อของเชื้อเหล่านี้มีการติดต่อหลายรูปแบบ เช่น การติดเชื้อ HPV ผ่านทางรอยถลอกของผิวหนังก็ทำให้เป็นหูดหงอนไก่ได้ 2. ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมกับการทานยา PrEP เพราะ PrEP เป็นยาที่ป้องกันความเสี่ยงจากการได้รับหรือสัมผัสเชื้อ HIV โดยเฉพาะ แม้จะกินแต่ก็ไม่ได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ การใส่ถุงยางอนามัยทำให้มีความมั่นใจ น้ำอสุจิ เชื้อโรค แบคทีเรีย จากร่างกายของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทะลุผ่านได้ พร้อมทั้งเป็นการป้องกันมะเร็งมดลูกให้กับฝ่ายหญิงอีกด้วย ภาพถ่ายโดย sasint 3. ผู้กินต้องมีผลเลือดเป็นลบ พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นคนที่ไม่มีเชี้อเอชไอวี ก่อนรับยาจำเป็นต้องมีการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ตรวจสภาพของตับ และไต รวมถึงการทำงานของร่างกายว่ามีความสมบูรณ์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน จึงจะสามารถรับยาได้ โดยปกติแล้วการทานยา PrEP เหมาะกับคนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง เช่น มีคู่นอนหลายคน มีคู่นอนเป็นคนที่มีเลือดเป็นบวก คู่รักชายรักชาย ภาพถ่ายโดย sasint 4. ต้องทานอย่างสม่ำเสมอ และตรงเวลา เพราะการทานยา PrEP จะได้ผลดีต้องทานทุกวัน ผ่านไป 1 สัปดาห์จึงจะเริ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน เพราะยา PrEP จะช่วยไม่ให้เชื้อ HIV เข้ามาทำลายเซลล์ได้ 5. ยิ่งรับยาเร็ว ยิ่งจะมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าการทานยา PrEP เป็นการป้องกันการติดเชื้อ HIV หากเรามีพฤติกรรมเสี่ยงเคยมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้ หรือไม่ทราบประวัติการติดเชื้อของคู่นอน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอการรับยาป้องกันการติดเชื้อในอนาคตไม่ให้ลุกลามต่อเนื่องจนเป็นโรคเอดส์ที่ยากต่อการรักษา สุดท้ายเรื่องของการดูแลสุขลักษณะทางเพศสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ไม่ควรมีคู่นอนหลายคน หรือมีพฤติกรรมในทางที่สุ่มเสี่ยง เพราะอาจจะทำให้ติดเชื้อที่ยากต่อการรักษา และมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ตามมาได้ ภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรี