แชร์ 11 อาหารลดอาการเหน็บชา มีวิตามินบี 1 และคุณค่าทางอาหารสูงโรคเหน็บชาเป็นโรคขาดสารอาหารชนิดหนึ่งค่ะ ที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 1 โดยวิตามินบี 1 เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไทอามีนค่ะ ปกติถ้าเราไม่ได้กินวิตาวินบี 1 ที่เป็นยาโดยตรง เรายังสามารถได้วิตามินบี 1 จากในอาหารได้ค่ะ และการได้รับวิตามินบี 1 จากอาหารเป็นแนวทางที่ยั่งยืนกว่าด้วย เพราะนอกจากเราจะได้ไทอามันแล้วเรายังได้สารอาหารตัวอื่นๆ ด้วยที่จำเป็นต่อร่างกายค่ะ และหลายคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีอาการเหน็บชาอยากลดอาการเหน็บชาลง และในบางคนอยากป้องกันตัวเองจากอาการเหน็บชา จึงเป็นความโชคดีมากค่ะที่คุณผู้อ่านเปิดมาเจอบทความนี้ผู้เขียนอยากส่งต่ออาหารที่มีวิตามินบี 1 และสามารถป้องกันหรือบรรเทาอาการเหน็บชาได้ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นเรามารู้จักกันเลยดีกว่าค่ะ✅️1. ธัญพืชไม่ขัดสี ตัวอย่างเช่น อาหารที่มีข้าวสาลีทั้งเมล็ด ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ตและข้าวบาร์เลย์ เป็นต้น โดยข้าวไม่ขัดสีเหล่านี้สามารถเป็นแหล่งวิตามินบี 1 ที่ดีเยี่ยมค่ะทุกคน จึงทำให้ร่างกายได้รับไทอามีนหากนำมาเป็นอาหารหลัก ปกติผู้เขียนหาโอกาสเพิ่มข้าวไม่ขัดสีบ้าง เพราะด้วยความเคยชินข้าวขาวเป็นอาหารหลักค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มข้าวไม่ขัดสีในชีวิตประจำวัน👌2. พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลิสง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลันเตา ฯลฯ ถั่วเป็นอาหารที่มีวิตามินบี 1 สูงค่ะ จึงมีความสามารถช่วยป้องกันโรคเหน็บชาได้ ถั่วลิสงคือของโปรดที่ผู้เขียนกินประจำค่ะ และของหวานจากถั่วดำและถั่วแดงก็มาเรื่อยๆ ค่ะ อาหารจากถั่วหาได้ง่ายค่ะและมีราคาไม่แพง ยังไงคุณผู้อ่านลองเพิ่มการกินถั่วชนิดต่างๆ ดูค่ะ เพราะนอกจากจะได้ไทอามีนแล้ว สารอาหารอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพก็พ่วงติดมาด้วยค่ะ🆗️3. เมล็ดทานตะวัน คือของทานเล่นเคี้ยวเพลินที่หาได้ง่ายและราคาสบายกระเป๋าค่ะ เมล็ดตะวันสามารถนำมาใส่ลงไปในสลัดผักและขนมอบต่างๆ ได้ด้วย ที่กินทีไรก็อร่อยค่ะ และคุณผู้อานรู้ไหมคะว่าเมล็ดทานตะวันเป็นแหล่งวิตามินบี 1 ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพดี เพราะช่วยลดและป้องกันการเกิดโรคเหน็บชาค่ะ 4. ไข่ เป็นอาหารอีกอย่างที่มีความน่าสนใจมากค่ะ เพราะไข่มีวิตามินบี 1 โดยเฉพาะในไข่แดง แต่สำหรับบางคนยังมีความจำเป็นต้องจำกัดการกินไข่แดงนะคะ โดยควรเพิ่มการกินอาหารอย่างอื่นหมุนเวียนสับเปลี่ยนไปค่ะ ไข่ต้มและไข่เจียวคืออาหารที่ผู้เขียนกินบ่อยค่ะ อร่อยและมีไทอามีนด้วย😁5. ผลิตภัณฑ์นม จากที่ผู้เขียนได้ดื่มนมและโยเกิร์ตบ้างนั้น พบว่าไม่มีอาการเหน็บชาให้เห็นเลยค่ะ เพราะว่าผลิตภัณฑ์จากนมนั้นมักเป็นแหล่งของวิตามินบี 1 ตามธรรมชาติที่ดีต่อร่างกายค่ะทุกคน6. สาหร่ายทะเล คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า!? สาหร่ายทะเลบางชนิดอุดมไปด้วยไทอามีนค่ะ เช่น สาหร่ายโนริ ดังนั้นการเพิ่มการกินอาหารที่มีสาหร่ายโนริก็ทำให้ร่างกายห่างไกลจากอาการเหน็บชาได้ค่ะ สาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อย ซูชิที่พันด้วยสาหร่ายโนริคืออีกทางเลือกของอาหารที่มีวิตามินบี 1 ค่ะ ที่ผู้เขียนเองก็หาโอกาสนำมาเป็นอาหารว่างเรื่อยๆ ค่ะ✅️7. ปลา จำพวกปลาทูน่า ปลาแซลมอน และปลาเทราท์นั้น เป็นปลาที่ให้วิตามินบี 1 ในปริมาณมากค่ะ ซึ่งถ้าเราเพิ่มการกินปลาเหล่านี้ในมื้ออาหารบ้างก็แน่นอนว่าเราจะได้รับสารอาหารดีๆ อย่างอื่นด้วยและลดการเกิดเหน็บชาได้ด้วยค่ะ🐟8. เนื้อไม่ติดมัน ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อไก่ส่วนอก เป็นต้น มีคุณค่าทางอาหารดีๆ หลายอย่างและมีวิตามินบี 1 ค่ะ โดยเนื้อต่างๆ ที่ไม่ติดมันนั้น ผู้เขียนได้นำมาทำอาหารประจำค่ะเพราะไม่ได้กินมังสวิรัติ ปกติไม่มีอาการเหน็บชาค่ะ เหน็บชาที่ว่านี้คือความเจ็บป่วยนะคะ ไม่ใช่ว่านั่งพับเพียบที่วัดนานๆ แล้วไม่ชา แบบนี้ชาจากท่านั่งที่ไม่เหมาะสมเพราะพอเปลี่ยนท่านั่งก็หายปกติแบบนี้ไม่ใช่ขาดไทอามีนค่ะ9. ผักโขม เป็นผักพื้นบ้านค่ะ แต่ผักโขมขึ้นห้างก็มีค่ะ และผักโขมคือผักที่ผู้เขียนสามารถปลูกได้เองที่นี่ค่ะ ปลูกง่ายมากแอบอิงตามมุมสวนก็สามารถรอดและมียอดผักโขมอร่อยๆ ได้ค่ะ นอกจากผักโขมจะเป็นผักที่สามารถนำมาต้มเป็นผักกินกับน้ำพริกแล้ว ผักโขมยังเป็นผักใบเขียวเข้มที่มีไทอามีนจึงช่วยป้องกันอาการเหน็บชาค่ะ🆗️10. หอยแมลงภู่ เป็นหอยทะเลรสชาติดีและทำได้หลายเมนูค่ะ และหอยแมลงภู่แบบนึ่งคือเมนูที่ผู้เขียนกินประจำค่ะ ทำน้ำจิ้มรสเด็ดเปรี้ยวๆ หน่อยอร่อยเหาะค่ะ และคุณผู้อ่านต้องชอบมากขึ้นแน่ค่ะ เพราะหอยแมลงภู่คือหอยที่มีวิตามินบี 1 ที่มีส่วนช่วยลดอาการเหน็บชาค่ะ🐚11. ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง การจะได้ไทอามีนเข้ามาในร่างกายง่ายๆ นั้น เพียงดื่มน้ำเต้าหู้ค่ะทุกคน เพราะน้ำเต้าหู้ทำมาจากถั่วเหลืองจึงเป็นแหล่งของวิตามินบี 1 และผู้เขียนก็ชอบดื่มค่ะ ส่วนใหญ่จะสั่งน้ำเต้าหู้แบบใส่เครื่องครบแต่ไม่ใส่น้ำตาลค่ะ นานๆ ที่ลืมบอกคนขายก็ได้ดื่มแบบมีน้ำตาลค่ะ แต่ทั้ง 2 แบบก็เป็นแหล่งอาหารที่มีไทอามันเหมือนกันค่ะ😁และทั้งหมดทั้ง 11 ตัวอย่างคืออาหารที่เต็มไปด้วยไทอามีน ที่มีส่วนส่งเสริมสุขภาพดี ทำให้ลดการเกิดเหน็บชาได้ค่ะ ซึ่งจากทั้ง 11 ข้อข้างต้นนั้นต้องบอกว่าผู้เขียนได้เกี่ยวข้องประจำค่ะ เพียงแต่ว่าบางอย่างกินมากหน่อยและบางอย่างก็นานๆ ทีค่ะ และข้อสำคัญอีกอย่างที่ผู้เขียนอยากฝากทิ้งไว้คือวิธีการปรุงอาหารสามารถส่งผลต่อปริมาณไทอามีนในอาหารได้ค่ะ ถึงแม้ว่าอาหารบางชนิดจะมีวิตามินบี 1 มาก แต่ถ้าปรุงผิดชีวิตก็เปลี่ยนได้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น การต้มทำให้สูญเสียไทอามีนมากกว่าการนึ่งและการลวกค่ะ🙀ดังนั้นนอกจากจะต้องรู้ว่ามีอาหารชนิดไหนที่มีวิตามินบี 1 แล้ว คุณผู้อ่านยังต้องดูเรื่องอื่นด้วยนะคะ ซึ่งถ้าลองคิดตามและทำความเข้าใจดีๆ นั้น คุณผู้อ่านจะมองเห็นแบบเดียวกันกับผู้เขียนค่ะว่า เราควรกินอาหารให้หลากหลายจึงจะทำให้มีโอกาสได้รับไทอามีนมากขึ้น ถึงแม้ว่าอาหารบางอย่างจะให้วิตามินบี 1 น้อยลงก็ตาม เพราะความหลากหลายคือหัวใจสำคัญและคือทางรอดหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนไม่มีอาการเหน็บชาค่ะ จึงหวังว่าเนื้อหาในบทความนี้จะเป็นประโยชน์และทำให้อาการเหน็บชาของทุกคนดีขึ้นในคนที่เป็นอยู่และห่างไกลจากอาการเหน็บชาสำหรับคนที่มีสุขภาพดีค่ะ✅️เครดิตภาพประกอบบทความภาพหน้าปก โดย Anna Tukhfatullina Food Photographer/Stylist จาก Pexelsภาพประกอบเนื้อหาโดย ผู้เขียนออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaบทความสนใจอื่นน่าสนใจรวม 12 อาหารทำให้มีน้ำนม ส่งเสริมสุขภาพลูกน้อย ดีต่อคุณแม่หลังคลอดเผย 7 ประโยชน์ในแรดิชต่อสุขภาพของเส้นผม ที่แลดูสลวยสวยเก๋มัดรวม 12 อาหารที่มีวิตามินบี 7 ไบโอติน ดีต่อการเผาผลาญและเซลล์เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !