10 ประโยชน์ของพริกที่มีต่อสุขภาพ เชื่อว่าพริกทุกบ้านต้องมีไว้ทานกันอย่างแน่นอนค่ะ แต่ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าพริกที่เราทานทุกวันนี้ มันมีประโยชน์มากมายกว่าที่เรารู้จักมากๆค่ะ ซึ่งผู้เขียนเองได้ไปอ่านเจอว่าพริกมีประโยชน์ ต่อสุขภาพ เราอย่างไร วันนี้ผู้เขียนก็เลยจะมาเล่าให้ฟังค่ะว่า พริกมีประโยชน์ อย่างไรกันบ้าง พริกเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้นี่คือ 10 ประโยชน์ของพริกที่มีต่อสุขภาพ: ส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญไขมัน: พริกมีสารที่ให้ความร้อนและรสชาติร้อนบนลิ้นประสาทของเรา ทำให้เผาผลาญไขมันและแปลงมันเป็นพลังงาน ควรระมัดระวังในการรับประทานพริกในปริมาณที่เหมาะสมและควรปรับปริมาณตามความสามารถของร่างกายและรสชาติส่วนบุคคล เพราะการบริโภคที่มากเกินไปอาจทำให้ไม่สบายและเสี่ยงต่ออาการแสบร้อนในทางเดินอาหาร ครั้งหนึ่งเมื่อผู้เขียน ได้กินพริกประมาณ 1 ก็จะทำให้ผู้เขียนอยากที่จะออกกำลังกายเพื่อให้ระบบการเผาผลาญไขมันได้ทำงาน ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง: สารกัปตันในพริกมีความสามารถในการป้องกันการเกิดมะเร็ง สารกัปตันที่พบในพริกมีฤทธิ์ต้านอักเสบและต้านมะเร็ง สามารถช่วยลดการเกิดอักเสบในร่างกายซึ่งเป็นปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ซึ่งโดยปกติแล้วผู้เขียนและครอบครัวก็จะทานเผ็ดกันอยู่เรื่อยๆนั่นเองก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนและครอบครัวไม่เป็นโรคมะเร็งหรือโรคไตเรื้อรังแต่อย่างใดค่ะมีสารต้านอนุมูลอิสระ: พริกมีวิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์และเนื้อเยื่อ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยลดการสะสมของเลือดและช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ช่วยลดความเสียหายจากแสงแดดและสิ่งสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผิวพรรณเสียหาย มันช่วยให้ผิวดูสดใสและสุขภาพดี สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต่อต้านการรุมเร้าของเชื้อโรคได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่เสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากตัวผู้เขียนเองค่ะผู้เขียนชอบทานพริก ทานรสชาติค่อนข้างเผ็ดจึงทำให้ผู้เขียนมีผิวที่นุ่มไม่แห้งกร้านเหมือนที่เคย และยังทำให้ผู้เขียนมีสภาพที่แข็งแรงไม่ป่วยไม่เป็นหวัดบ่อยเหมือนคนทั่วๆไปค่ะสร้างความร้อนในร่างกาย: เมื่อรับประทานพริกอาจช่วยลดอาการปวดหลัง, ปวดข้อ,และอาการปวดเมื่อมีอาการหายใจผิดปกติ.การสร้างความร้อนในร่างกายของพริกเกี่ยวข้องกับสารกัปตัน (Capsaicin) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน เช่น สร้างความร้อนและเพิ่มการเผาผลาญคลอรีในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยในกระบวนการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนัก ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและลดความดันในทางเดินอาหาร ช่วยลดความรู้สึกของอาการปวดและอักเสบ เป็นที่รู้จักในการช่วยลดอาการปวดหลังและปวดข้อ รสชาติร้อนและความร้อนของพริกอาจช่วยสร้างความตื่นเต้นและมีชีวิตชีวาในการรับประทานอาหาร และยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราอีกด้วย ซึ่งช่วยให้ผู้เขียนเองมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยป่วยเหมือนครั้งที่ผ่านๆมาส่งเสริมการขับถ่าย: การรับประทานพริกอาจช่วยส่งเสริมกระบวนการขับถ่ายและลดความดันที่เกิดขึ้นในทางเดินอาหาร พริกช่วยส่งเสริมการขับถ่ายได้ด้วยการกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร และทำให้รู้สึกความร้อน สารนี้ช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวและส่งผลให้เกิดการขับถ่าย ซึ่งช่วยในกระบวนการการขับถ่าย ช่วยลดอาการอุดตันในทางเดินอาหารและท้องอืด ซึ่งอาจช่วยในกระบวนการการขับถ่าย ควรปรับปริมาณการรับประทานให้เหมาะสมกับความต้องการ ซึ่งการทานพริกช่วยผู้เขียน มีระบบการขับถ่ายที่ดีมากค่ะไม่ท้องผูกอีกต่อไปลดอาการอักเสบ: สารแคปไซซินในพริกมีฤทธิ์ต้านอักเสบที่อาจช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย ช่วยลดความรู้สึกของอาการปวดที่เกิดจากอักเสบ เช่น อาการปวดหลัง, ปวดข้อ, และอาการปวดอื่น ๆ ยกตัวอย่างจากผู้เขียนเองเมื่อก่อนก็เคยมีอาการปวดหลังมากนะคะ แต่หลังจากทานพริก ไปสักระยะหนึ่ง อย่างต่อเนื่อง อาการเหล่านั้นก็หายไปค่ะส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามิน C ในพริกช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย พริกมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย โดยที่การลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น การรับประทานพริกอาจช่วยกระตุ้นระบบทางเดินหายใจ วิตามิน C ที่เป็นสารต้านออกซิเดชั่นที่ช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน โดยการเพิ่มปริมาณวิตามิน C อาจช่วยลดเวลาที่มีอาการเจ็บคอหรือเป็นหวัด ซึ่งผู้เขียนเองก็ทานพริกสม่ำเสมอ ทำให้ผู้เขียนไม่เป็นหวัด เป็นไข้เลยค่ะช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร: สารแคปไซซินที่มีในพริกอาจช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร รสชาติร้อนและความร้อนของพริกอาจกระตุ้นการเรียกรับอาหาร คือสามารถสร้างความกระตือรือร้นในการรับประทานอาหาร สามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในทางเดินอาหาร ซึ่งช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวในลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนที่ผ่านทางเดินอาหารได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืดและคลื่นไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้สะดวกขึ้น โดยทุกวันนี้ผู้เขียนเองก็มีระบบทางเดินอาหารที่ดีค่ะ ไม่ท้องอืด เลยค่ะลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด: สารแคปไซซินอาจช่วยลดการต่อต้านการสะสมของเลือดและลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด พริกสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดโดยลดการสะสมของเลือด การสะสมเลือดเป็นปัจจัยที่เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ซึ่งช่วยให้เลือดไหลผ่านหลอดเลือดได้ดีขึ้น ช่วยลดความดันโลหิต ซึ่ง การลดความดันโลหิตและการลดการสะสมของเลือดสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหัวใจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายปัจจัยรวมถึงความดันโลหิตและการสะสมของเลือดในหลอดเลือด ซึ่งจะเห็นได้จาก ครอบครัวของผู้เขียนที่ทานพริกอยู่ทุกวัน ทำให้สุขภาพทุกคนแข็งแรง ไม่มีโรคเรื้อรัง แต่อย่างใด ค่ะ ดีมากๆ ค่ะสร้างความตื่นเต้นในการรับประทานอาหาร: รสชาติและความร้อนของพริกอาจช่วยสร้างความตื่นเต้นในการรับประทานอาหาร เห็นไหมว่าเวลาเราทานเผ็ดจะทำให้ยิ่งอยากทานอาหารชนิดนั้นมากขึ้น ยิ่งเผ็ดยิ่งกิน ผู้เขียนเองก็เป็นค่ะ ยิ่งถ้าได้กินส้มตำเผ็ดๆ นะคะ โหสู้ตายค่ะ อย่าลืมว่าการกินพริกมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองในทางเราควรรับประทานพริกให้เป็นประจำในปริมาณที่เหมาะสมและในบริบทของการรับประทานอาหารที่สมดุลด้วยนะคะซึ่งโดยส่วนตัวเมื่อก่อนจะเป็นคนชอบท้องอืด และเจ็บป่วย บ่อยครั้ง เอะอะ ไม่สบายเป็นหวัดตลอด แต่พอหลังจากทานพริกสม่ำเสมอ ก็ทำให้อาการป่วยบ่อย ก็หายไปค่ะ ท้องอืดจะไม่มีให้เห็นแล้วค่ะ รู้สึกดีมากค่ะ เพื่อนๆลองทานเผ็ดดูนะคะ แต่อย่าไปทานเผ็ดมากน่ะ เดียวจะไม่สบายเอา ใครที่ชอบทานเผ็ดจะเข้าใจว่าอาหารอร่อยแค่ไหนค่ะ อย่างผู้เขียนเอง เครดิตภาพภาพหน้าปกโดย Hans/pixabay ตกแต่งโดย canvaภาพประกอบที่1 โดย JillWellington/pixabayภาพประกอบที่2 โดย Hans/pixabay ภาพประกอบที่ 3 โดย Barbarajackson/pixabay ภาพประกอบที่4 โดย Baohm/pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !