เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างหนึ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการก้าวเข้าสู่ “วัยหมดประจำเดือน” นั่นเองค่ะ ซึ่งผู้หญิงแต่ละคนอาจจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนด้วยอายุที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะเร็วหรือบางคนอาจจะช้าหน่อย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ “รังไข่” หยุดทำหน้าที่คือไม่สามารถผลิตไข่ออกมาได้ ก็จะทำให้มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอจนสิ้นสุดการมีประจำเดือนไปอย่างถาวรในที่สุด ซึ่งย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายต่าง ๆ ตามมาหลายประการเลยทีเดียว และสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุก ๆ คนควรจะทำความเข้าใจเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเราเองที่กำลังอยู่ในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน หรือคนในครอบครัวเองก็ตาม เพื่อที่จะได้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมค่ะ ภาพประกอบถ่ายโดย jcomp จาก freepik 1. มีอาการร้อนวูบวาบ การเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนก็คือความรู้สึกร้อนตามผิวหนัง ใบหน้า ลำคอ อาจมีอาการใจสั่นเหงื่อออกได้โดยเฉพาะตอนกลางคืน จนทำให้รู้สึกว่ามีอาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว บางทีอากาศร้อน ๆ กลับรู้สึกหนาว หรือบางทีตอนที่หนาว ๆ กลับรู้สึกว่าร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น หรืออาจมีอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้อาเจียนได้ด้วยก็ได้ ยิ่งบางคนหากได้สัมผัสกับสิ่งกระตุ้น เช่น อากาศร้อน ความเครียด ก็อาจจะมีอาการร้อนวูบ ๆ วาบ ๆ แบบนี้ได้บ่อยยิ่งขึ้น ดังนั้น หากรู้ตัวว่าเริ่มมีความรู้สึกผิดปกติ ก็ควรจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี อยู่ในที่ที่อากาศเย็นสบาย และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดอาการค่ะ ภาพประกอบถ่ายโดย comp จาก freepik 2. ผลต่อทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ เมื่อระดับฮอร์โมนเพศลดลงจากการหยุดทำงานของรังไข่ สิ่งที่จะตามมาก็คือสารคัดหลั่งภายในช่องคลอดลดลง รวมทั้งการตอบสนองต่อความต้องการทางเพศลดลงด้วย ระบบภายในท่อปัสสาวะอาจผิดปกติไป จึงอาจทำให้การกลั้นและการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ เช่น กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะบ่อย ดังนั้น ในกรณีที่จะมีเพศสัมพันธ์จึงควรใช้สารหล่อลื่นเพื่อช่วยลดการระคายเคือง และควรมีการพูดคุยปรับความเข้าใจกับคู่รักถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หรือหากมีการขับถ่ายปัสสาวะที่ผิดปกติไปก็อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติมค่ะ ภาพประกอบถ่ายโดย comp จาก freepik 3. ส่งผลต่อมวลกระดูก เมื่อขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ก็จะทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกมากขึ้นโดยจะสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นสตรีหลังวัยหมดประจำเดือนจึงควรได้รับการตรวจวัดมวลกระดูกตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอค่ะ รวมทั้งควรรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมแคลเซียม เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง หรือรับประทานปลาเล็กปลาน้อยทั้งก้าง ก็จะช่วยทดแทนการสูญเสียแคลเซียมได้ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงหรือกีฬาที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือการล้มกระแทกด้วยนะคะ ภาพประกอบถ่ายโดย kues1 จาก freepik 4. อาการที่เกี่ยวข้องกับด้านอารมณ์ หญิงวัยหมดประจำเดือนอาจมีภาวะแปรปรวนทางอารมณ์ได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทส่วนกลางและระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง รวมทั้งอาจมีอาการหลงลืมได้ง่าย สูญเสียความสามารถในการเรียนรู้และจดจำสิ่งใหม่ ๆ จนอาจทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดหรือน้อยใจในตัวเองได้ ดังนั้น จึงควรหากิจกรรมต่าง ๆ ทำ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอดิเรกต่าง ๆ กิจกรรมที่ต้องฝึกความคิด ฝึกทำงานศิลปะ ทำอาหาร รวมทั้งควรมีการพูดคุยทำความเข้าใจร่วมกันกับคนในครอบครัวเพื่อให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ ภาพประกอบถ่ายโดย prostooleh จาก freepik ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และร่างกายจากการเข้าสู่ภาวะวัยหมดประจำเดือนได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่แย่เสมอไปนะคะ เพียงแต่เราจะต้องรู้จักการดูแลรักษาอารมณ์และร่างกายให้เหมาะสมกับภาวะที่มี ควรให้ครอบครัวรับทราบและมีส่วนร่วมกับการช่วยดูแลรับมือกับภาวะที่เกิดขึ้นร่วมกัน รวมทั้งอาจเข้าพบสูตินรีแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติมสำหรับอาการต่าง ๆ ที่มีผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ ซึ่งปัจจุบันมียาประเภทฮอร์โมนทดแทนที่สามารถช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากภาวะหลังหมดประจำเดือนได้ด้วย ก็จะช่วยให้สตรีวัยหมดประจำเดือนทุกท่านสามารถก้าวผ่านอาการของช่วงวัยนี้ไปได้อย่างมีความสุขทั้งกายและใจมากที่สุดค่ะ ภาพประกอบปกบทความถ่ายโดย kues1 จาก freepik