หลายท่านเชื่อว่าการมีสุขภาพจิตที่ดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญรองลงมาจากการมีสุขภาพกายที่ดี ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นอาจไม่รู้เลยว่าสุขภาพจิตที่ดีก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเพราะ "ความคิด" เป็นสิ่งที่กำหนด "การกระทำ" ของเราหากเรามีความคิดที่ไม่ดี เละเทะ การกระทำของเราก็จะเป็นไปตามความคิดของเราหากเราเจอปัญหาและอุปสรรคแล้วสุขภาพจิตของเราอ่อนแอเราก็จะยอมแพ้อุปสรรคได้โดยง่าย หากแต่เรามีสุขภาพจิตที่เข้มแข็งไม่ว่าปัญหาและอุปสรรคใด ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราก็จะสามารถก้าวข้ามมันไปได้อย่างแน่นนอน ในวันนี้ผมมีวิธีฝึกการบริหารจิตดี ๆ มาเสนอเพื่อให้ท่านมีสุขภาพจิตที่ดี แข็งแรง พร้อมที่จะเผชิญและก้าวข้ามผ่านปัญญาทุก ๆ อย่างทั้งในปัจจุบันและอนาคต วิธีที่ 1 : การคิดบวก ไม่ได้หมายความว่าไม่ใช่ใจร้อนให้บวกกับใครทันทีเลยนะครับใจเย็น ๆ ฮ่า ๆ ในที่นี้ผมหมายถึงการคิดบวก หรือ คิดในมุมมองที่ดีต่างหาก คุณเคยเป็นไหมที่เวลามีใครมาทำให้คุณไม่พอใจ คุณมักจะตัดสินพวกเขาหล่านั้นก่อนว่าเขาเป็นคนไม่ดี เอาเปรียบคุณตัวอย่างเช่น เวลามีคนขับรถแซง ปาดหน้าคุณขึ้นไปด้วยความรวดเร็วคุณจึงไม่พอใจ ปกติคุณจะคิดว่าคน ๆ นี้ไม่มีมารยาทและพยามยามต่อว่าเขาซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาเช่นการทะเลาะวิวาทบนท้องถนนที่เห็นกันในข่าวบ่อย ๆ แต่หากคุณลองคิดบวก ก็เปิดประตูลงรถเลย เอ้ยไม่ใช่ ยัง ยังอีก ฮ่า ๆ ขอแค่ให้คิดสนุก ๆ ว่าเขาอาจมีเหตุผลส่วนตัวของเขาครอบครัวเขาอาจจะป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุทำให้เขาต้องเร่งรีบ เรามีน้ำใจก็ให้ทางเขาหน่อยแล้วกัน แน่ละเขาทำผิดกฎหมายก็เราก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเถอะเพราะเป็นการกระทำที่เขาเลือกเองเห็นไหมครับเพียงเท่านี้จิตใจท่านก็จะสงบได้โดยที่ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใดและทำให้เราปลอดถัยจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดกับเราบนท้องถนนเนื่องจากอารมณ์อันร้อนแรงของเราอีกด้วย เทคนิคง่าย ๆ ของการคิดบวกคือ การคิดในมุมมองที่หลากหลายและต้องมี สติ อยู่เสมอว่าเรากำลังจะทำอะไรและผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ต้องให้ ความคิด ควบคุม อารมณ์ ของเราให้ได้และพยามยามอย่ามีอารมณ์โมโหและใช้อารมณ์ในการแก้ใขไม่ว่าปัญหาใด ๆ ก็ตาม รูปภาพโดย www.rawpixel.com วิธีที่ 2 : การนั่งสมาธิ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีมากแต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะสนใจทำกันมากนัก เพราะยังสงสัยว่ามันดีจริงไหม จะได้ผลจริง ๆ ไหม ไม่อยากนั่งที่เดิมนาน ๆ ลองสักครั้งเถอะครับเพราะมันเป็นวิธีที่จะทำให้คุณได้อยู่กับ ตัวเอง ซึ่งปัจจุบันคุณไม่มีโอกาสแบบนี้มากนักหรอก ทุกวันนี้หากมีเวลาว่าง ผู้คนต่างมักใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ Digital ต่าง ๆ หากคุณได้นั่งสมาธิคุณจะได้อยู่กับตัวเอง และพิจารณาว่าตนเองตอนนี้เป็นอย่างไร คุณจะพบกับสิ่งมหัศจรรย์อีกมากมายหลายหลายจากการนั่งสมาธิอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ศาสตราจารย์ ท่านหนึ่งที่คิดค้นหาวิธีออกแบบขายานอวกาศให้สามารถลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ ท่านก็คิดไอเดียดังกล่าวได้จากการนั่งสมาธินี้เช่นกัน รูปภาพโดย www.freepik.com วิธีที่ 3 : ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักบำบัดทางจิต คุณอย่าเข้าใจผิดว่าหากคุณไม่ได้ป่วยทางจิตคุณจะไปพบแพทย์หรือนักบำบัดทางจิตไม่ได้นะครับ หากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ป่วยแต่ช่วงนี้ มีเรื่องไม่สบายใจ ที่คิดไม่ตกสักที ไม่สามารถเอาออกไปจากหัวได้ ทำให้ชีวิตในหัวไม่มีความสุข คุณสามารถไปให้คุณหมอเหล่านี้ช่วยเหลือคุณได้ เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น รีบไปก่อนที่สิ่งไม่สบายใจเล็ก ๆ ที่มีอยู่ในหัวสมองคุณนั้นจะเติบโตและกลายเป็นความคิดชั่วร้ายและเสี่ยงต่อชีวิตอย่าง การฆ่าตัวตายขึ้นมา อย่าไปปรึกษาเพื่อนหรือใครทั้งนั้น พวกเขาไม่รู้หรอกว่าควรจะพูดกับคุณยังไงดีไม่ดีจะทำให้คุณแย่ลงกว่าเดิมเท่านั้น ปรึกษาพ่อแม่ได้ แต่ท่านอาจได้ความสบายใจเพียงชั่วครู่เดี๋ยวก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก แต่หากท่านไปพบหมอ หมอเขาจะรู้ครับว่าควรจะจัดการกับความคิดแย่ ๆ ใหหัวคุณนั้นอย่างไรจึงจะรักษาได้หายขาดและเป็นวิธีที่ดีที่สุด รูปภาพโดย www.pixabay.com วิธีที่ 4 : เล่นเกมส์ฝึกสมอง : เช่น หมากรุก เกมกระดานแนวกลยุทย์ ต่าง ๆ หากคุณเล่นเกมสืพวกนี้อยู่บ่อย ๆ มันจะให้แนวคิดกับคุณหลัก ๆ มันจะสอนให้คุณคิดเป็นว่า "ทางแก้ปัญหาไม่ได้มีแค่่ทางเดียวเสมอไป" และจะทำการเปิดมุมมองของท่านให้มองการไกลมากขึ้น ทำให้ท่านรู้สึกถึงผลของ การกระทำ ของตนเองมากขึ้น เช่นหากเดินหมากตัวนี้ไปในอีก 2 - 3 ตาหน้าของคู่แข่งจะเกิดอะไรขึ้น ่ท่านจะระมัดระวังในการกระทำของตนเองมากขึ้นและพยายามคิดให้ถ้วนถี่ก่อนที่จะกระทำการใด ๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันซึ้งมันจะเป็นไปโดยอัตโนมัต รูปภาพโดย www.pixabay.com