คู่ที่ 1: Nike Air Max Plus “Sunset” • รุ่น: Nike Air Max Plus (หรือเรียกอีกชื่อว่า TN – Tuned Air) • จุดเด่น: สีไล่เฉดจากเหลือง–ส้ม–แดง คล้ายพระอาทิตย์ตก เป็นหนึ่งในสี iconic ของรุ่นนี้ • ดีไซน์: โครงพลาสติกสีดำคล้ายโครงเปลวไฟ / มี Air Unit หลายจุดในพื้นรองเท้า • ความพิเศษ: เป็นรองเท้าแนว lifestyle & street ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแรงลมและคลื่นทะเล • เหมาะกับ: คนที่ชอบรองเท้าโทนสด สะดุดตา ใส่เดินเที่ยวหรือแต่งแนว street • ราคา: ประมาณ 7,800 บาท คู่ที่ 2: Nike Air Force 1 ’07 LV8 “Wheat” • รุ่น: Nike Air Force • จุดเด่น: หนังนูบัค (nubuck) สีน้ำตาลอ่อนทั้งคู่ พร้อมพื้น gum sole สีเดียวกัน • ดีไซน์: ให้ฟีลคล้าย Timberland Boots แต่เป็นทรงสนีกเกอร์ • ความพิเศษ: สี Wheat เป็นรุ่นพิเศษที่ออกช่วงฤดูใบไม้ร่วงของ Nike เป็นที่นิยมมากในหมู่สายแฟ • เหมาะกับ: แต่งลุค casual, workwear หรือ street แบบเรียบหรู • ราคา: ประมาณ 5,000 บาท คู่ที่ 3: Air Jordan 3 “White Cement Reimagined” • รุ่น: Air Jordan 3 • จุดเด่น: หนังสีขาวเรียบหรู ตัดกับลาย Elephant Print ที่ส้นและหัวรองเท้า • ดีไซน์: เป็นรุ่นที่ Tinker Hatfield ออกแบบให้ Michael Jordan และถือว่าเป็นตำนาน • ความพิเศษ: รุ่น “Reimagined” คือการนำ OG (ต้นฉบับ) กลับมาทำใหม่ให้เหมือนปี 1988 • เหมาะกับ: คนที่ชอบรองเท้าสาย Jordan หรือแนว vintage basketball • ราคา: ประมาณ 7,500 บาท คู่ที่ 4: Nike Air max DN8 “Hot Pink” • รุ่น: Nike Air max DN8 • จุดเด่น: สีชมพูสดทั้งคู่ พื้นเป็นแท่งสปริง Shox สีดำเต็มความยาว • ดีไซน์: เน้นความล้ำสมัย futuristic / ดู sporty และโฉบเฉี่ยว ดูสปอร์ต ล้ำสมัย • ความพิเศษ: ระบบ Shox ของ Nike ให้แรงดีดตัวสูง ใส่เดินหรือออกกำลังกายได้ • เหมาะกับ: คนที่ชอบรองเท้าแนวแฟชั่นเท่ ๆ สีสด หรือใส่ไปออกกำลังกาย • ราคา: ประมาณ 6,900 บาท เครดิตรูปภาพ : รูปภาพโดยครีเอเตอร์ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !