ผักคราดหัวแหวน ทางภาคเหนือเรียกว่า ผักเผ็ด เป็นผักที่ขึ้นเองตามทุ่งนาหรือพื้นที่รกร้าง จะเห็นเยอะที่สุดคือช่วงหลังจากเกี่ยวข้าวเสร็จ ผักชนิดนี้ก็จะขึ้นมาให้เห็นและออกดอกสีเหลืองสวยงาม ลักษณะของผักคราดหัวแหวนจะเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีใบกว้าง และมีขนอ่อนๆปกคลุมทั่วใบ ก้านจะอวบๆ เลื้อยไปตามหน้าดิน จุดสังเกตที่เด่นสุดคือ ดอกที่มีสีเหลืองสดใส สวยงามมากเวลาแดดส่องถึง ทางภาคเหนือจะนิยมนำมาใส่ลงในแกง ตัวผักจะมีรสชาติเผ็ดชา เมื่อกัดโดนจะรู้สึกเผ็ดชาที่ลิ้น ช่วยเพิ่มรสชาติของแกงให้อร่อยและน่ากินมากยิ่งขึ้น นอกจากใส่ลงไปในแกงแล้ว คนเหนือยังนิยมนำยอดอ่อนมาต้มแล้วจิ้มกับน้ำพริกอีกด้วย "ภาพประกอบโดย เจ้าของบทความ"ผักพื้นบ้านไม่มีราคาแต่มากด้วยสรรพคุณ ผักคราดหัวแหวน นอกจากใช้รับประทานเพื่อเพิ่มความอร่อยแล้ว ผักชนิดนี้ยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมายที่น่าสนใจ ที่เด่นมากที่สุดและทางบ้านเราใช้มากที่สุดคือ ใช้รักษาอาการปวดฟันสำหรับเด็กๆ เมื่อเด็กๆปวดฟัน ก็ใช้ดอกของผักคราดหัวแหวนตำผสมกับเกลือเล็กน้อย จากนั้นก็นำมาโปะเข้าบริเวณที่ปวด อมไว้สักครู่ ความเผ็ดชาของผักคราดหัวแหวนจะช่วยลดอาการปวดฟันลงแถมเกลือก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับปากและลำคอได้อีกด้วย ที่สำคัญคุณยายของเรา เคยนำต้นผักคราดหัวแหวนทั้งต้นมาต้มจนเดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ นำมาใช้แทนน้ำยาบ้วนปากโดยคุณยายเคยบอกเราว่า ผักชนิดนี้ทางเมืองจีนเขาเอาไว้ใช้เป็นยาชาด้วย "ภาพประกอบโดย เจ้าของบทความ"สำหรับชาวบ้านแถบภาคเหนือ เวลาทำกับข้าวก็มักจะหาเก็บผักตามริมรั้วหรือกลางทุ่งนามาประกอบอาหาร บางบ้านการทำอาหารหนึ่งมื้อแทบจะไม่ต้องเสียเงินเลย ปลา หอย ก็หาตามทุ่งนา มีแต่เนื้อหมูที่ต้องไปซื้อที่ตลาด อาหาร ส่วนใหญ่ที่มักจะทำกันบ่อยที่สุดก็คือ แกงแค เป็นแกงที่จะรวมผักทุกอย่างที่หาได้เข้าด้วยกัน ใครมีปลาก็ใส่ปลา มีหอยก็ใส่หอย มีหมูก็ใส่หมู ไม่มีก็ไม่ต้องใส่ และแกงแคทุกครั้งรสชาติจะออกมาเด็ดมากๆ ถ้าใส่ผักคราดหัวแหวนเข้าไปด้วย กัดทีลิ้นชาที มันอร่อยจนยากจะลืมเลยทีเดียว "ภาพประกอบโดย เจ้าของบทความ"