แมงลัก สมุนไพรในครัวที่ควรปลูกติดบ้านไว้ แมงลักเป็นพืชล้มลุกชนิดนึ่งที่คนนิยมนำมาทานเป็นผัก แมงลักจัดอยู่ในตระกูลของกะเพราและโหระพา สามารถนำไปประกอบอาหารเมนูต่างๆ ใบจะมีกลิ่นหอมขึ้นจมูก รสชาติดี แต่ใบจะช้ำและเหี่ยวง่ายมาก จึงนิยมนำมาประกอบอาหารเพื่อดับกลิ่นคาวของอาหารนั้นๆและยังช่วยทำให้อาหารมีกลิ่นหอมชวนรับประทานมากขึ้น คนไทยสมัยก่อนมักจะนำส่วนต่างๆของต้นแมงลักมาเพื่อเพื่อดื่ม เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้ทุเลาลงและในปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่โดยเฉพาะในกลุ่มของคนรักสุขภาพ เม็ดแมงลักช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักและเป็นยาระบายได้ดีต้นแมงลัก มักจะปลูกเป็นผักสวนครัวผักประจำบ้านที่ทุกบ้านจะต้องมี สามารถทานได้ง่ายและประกอบเมนูอาหารได้หลากหลายและยังเป็นพืชเศรษฐกิจอีกหนึ่งชนิด ที่สามารถพบเห็นได้ตามท้องตลาดทั่วไป ที่มักปลูกกันเป็นส่วนใหญ่ก็จะมีสายพันธุ์ศรแดง ใบจะใหญ่ หนา อวบอิ่ม พันธุ์นี้พบได้ทั่วทั้งประเทศเลยก็ว่าได้ ลำต้นสีเขียวดูอวบน้ำเป็นทรงเหลี่ยม สูงได้ประมาณ 50 เซนติเมตร ใบสีเขียวโค้งมนปลายใบจะแหลม ดอกจะออกเป็นช่อเรียงยาวมีสีขาวเขียว เมล็ดจะอยู่ด้านในของดอก เมื่อแก่จะดอกจะออกสีน้ำตาลและมีเมล็ดเป็นสีดำแข็ง รากจะเป็นรากแก้วรากฝอยยาวสามารถยาวได้ถึง 30 เซนติเมตรใบแมงลักสามารถนำมาเป็นส่วนประกอบอาหารได้หลายเมนูผู้เขียนขอแนะนำคร่าวๆ เช่น แกงฟักทอง แกงเห็ด แกงเลียง ไข่คั่วใบแมงลัก ผัดกบ แกงเห็ดขม ไข่เจียวใบแมงลัก ต้มไก่ใส่ใบแมงลัก หมกปลาลูกคอกใส่ใบแมงลัก เป็นต้น รสชาติใบแมงลักจะออกหวานและมีกลิ่นฉุนเล็กน้อยทำเมนูที่ว่ามาเข้าน้ำเข้าเนื้ออร่อยและตัดกลิ่นคาวของอาหารได้ดี เมล็ดแมงลักส่วนใหญ่แล้วมักนำมาเป็นส่วนประกอบเมนูของหวานหรือชงดื่มกับน้ำเปล่าอุ่นๆวันละแก้วหรือนำมาผสมทานกับน้ำเต้าหู้ก็ได้ เมนูของหวานที่ผสมเมล็ดแมงลัก เช่น วุ้นเมล็ดแมงลัก พุดดิ้งแตงโมปั่นผสมเมล็ดแมงลัก วุ้นกะทิเมล็ดแมงลัก ทองม้วนสด เป็นต้น นอกจากจะทานใบและเมล็ดแล้ว ยังสามารถนำต้นและใบมาต้มเพื่อดื่ม โดยช่วยบรรเทาอาการไม่สบาย แน่นท้อง ไข้หวัด คัดจมูก ให้นำต้นและใบแมงลักมาประมาณ 1-2 กำมือล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำไปต้มให้เดือด ดื่มวันละ 1 แก้ว เช้า-เที่ยงและเย็นหรือจนอาการทุเลาลง หรือใช้เมล็ดแมงลักเพื่อลดน้ำหนักก็ควรใช้เมล็ด 1-2 ช้อนชานำไปแช่น้ำเพื่อให้เมล็ดพองตัวก่อนค่อยนำมาทาน ให้ทานก่อนทานอาหารสักครึ่งชั่วโมง วันละ 1 ครั้งพอ จะช่วยให้อยู่ท้องไม่อยากอาหาร ช่วยให้อิ่มนาน กินอาหารได้น้อยลงและยังช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น ผู้ที่รักสุขภาพส่วนใหญ่จึงนิยมทานเม็ดแมงลักเพื่อลดน้ำหนักเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแต่ต้องต้องหมั่นออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยนะ คุณค่าทางโภชนาการใบแมงลัก 100 กรัม ให้พลังงาน 32 แคลอรีใยอาหาร 2.6 กรัมโปรตีน 2.9 กรัมไขมัน 0.8 กรัมแคลเซียม 350 มิลลิกรัมธาตุเหล็ก 4.9 มิลลิกรัมคาร์โบไฮเดรต 11.1 กรัม ฟอสฟอรัส 86 มิลลิกรัม วิตามินเอ 10,666 มิลลิกรัมวิตามินซี 78 มิลลิกรัม ไนอะซิน 1.0 มิลลิกรัมไทอามีน 0.30 มิลลิกรัม ไรโบเฟลวิล 0.14 มิลลิกรัม ประโยชน์และสรรพคุณของใบแมงลักบำรุงโลหิตบำรุงผิวพรรณบำรุงสายตาแก้ไข้แก้ไอแก้ปวดท้องขับเสมหะท้องอืดท้องเฟ้อบรรเทาอาการปวดฟันช่วยสมานแผลขับลมในกระเพาะป้องกันมะเร็ง คุณค่าโภชนาการเม็ดแมงลัก 100 กรัม ให้พลังงาน 420 แคลอรีใยอาหาร 54 กรัมโปรตีน 15 กรัมคาร์โบไฮเดรต 54 กรัมไขมัน 16 กรัม รูปเม็ดแมงลักที่ผ่านกาตากแดดให้แห้งเป็นเวลา 2 วัน เรียบร้อยสามารถนำไปทานโดยทำให้พองก่อนนะหรือจะนำไปปลูกก็ได้ เก็บไว้ได้นานสุด 2 ปีนะประโยชน์และสรรพคุณของเมล็ดแมงลักควบคุมน้ำหนักช่วยลดน้ำหนักอิ่มท้องนานบำรุงกระดูกช่วยระบายลดอาการท้องผูกลดระดับคอเลสเตอรอลต่อต้านอนุมูลอิสระลดความเสี่ยงโรคความดันลดความเสี่ยงโรคเบาหวานลดความเสี่ยงโรคหัวใจ แนะนำการทานเม็ดแมงลักง่ายๆเดินตรงเข้าไป 7-Elenvenไปที่แผนกนม เพื่อนๆจะเห็นน้ำเต้าหู้ ตราTofusan น้ำเต้าหู้ผสมเม็ดแมงลัก พร้อมดื่มขวด 15 บาท รสชาติไม่หวานอิ่มท้องนานที่สำคัญก็ผสมเม็ดแมงลัก เม็ดแมงลักเมื่อผสมกับน้ำเต้าหู้จะไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนกับใบ พร้อมดื่มเลยนะคะจะทานตอนเช้าก็ดีหรือสายหน่อยก็ดีอิ่มท้องนานช่วยได้ เม็ดแมงลักที่เราได้จากต้นแมงลักนั้นแหละ จากที่นำมาช่อที่แก่แล้ว ผึ่งแดดไว้ประมาณ 1-2 วัน และขย้ำให้ช่อหลุดไปเหลือไว้แต่เม็ดสีดำเล็กๆนั้นแหละ ใช้ช้อนชาตักให้ได้ 1-2 ช้อนชา ใส่แก้วผสมน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น จะผสมน้ำผึ้งสัก 1ช้อนชาก็ได้นะจะได้ทานง่ายขึ้นทำแบบนี้จะมีกลิ่นฉุนเหมือนกับใบ อาจจะค่อยข้างกินยาก แต่อย่าเพิ่งทานนะให้เม็ดแมงลักแตกตัวพองเต็มที่มีสีขาวๆหุ้มก่อนค่อยนำมาทาน ควรทานตอนเช้าก่อนอาหาร วันละ 1 แก้วพอนะวิธีการปลูกด้วยการหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ผู้เขียนเองได้ปลูกไว้ที่หน้าบ้าน ปลูกใส่กระถางหรือแปลงเพาะก็ได้ปลูกให้พื้นที่ที่มีแสงแดดอย่างทั่วถึงหรือรำไรก็ได้ เพราะแมงลักเป็นพืชที่ชอบแสงแดดอยู่แล้ว พรวนดินให้ละเอียดเป็นดินร่วนซุนปนทรายหรือดินทั่วไปโดยผสมกับแกลบ หว่านเมล็ดและใช้ดินกลบทับอีกหนึ่งรอบ จากก็รดน้ำให้ชุ่มทุกวันเช้าเย็น รอให้ต้นเจริญเติบโตครบ หนึ่งเดือนค่อยย้ายไปปลูกหลุมละ 1 ต้น ต้นจะได้เจริญเติบโตได้เร็วขึ้นและเมื่อต้นมีอายุ มากกว่า 40 วันและให้ใส่ปุ๋ยรอบๆบริเวณโคนต้น จะเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก็ได้และหมั่นรดน้ำอย่างสม่ำเสมอไม่ให้แห้งหรือแฉะมากจนเกินไป ถ้าอยากเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็รอให้ต้นเริ่มออกดอก แล้วให้สังเกตตรงช่อจะเป็นจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาล ก็สามารถตัดไปผึ่งแดดให้แห้งสนิทอีกรอบนึง จากนั้นใช้มือขยี้ให้ละเอียดทุกช่อ จะมีเม็ดแมงลักสีดำหลุดออกมา แล้วใช้กระด้งผัดเศษผงของช่อออกให้หมด จากนั้นก็เก็บเมล็ดไว้ในภาชนะและเขียนชื่อพร้อมวันเดือนปีติดไว้ อย่างน้อยเมล็ดพันธุ์ที่เราเก็บไว้ควรใช้ไม่เกิน 2 ปีนะคะ เมล็ดที่นำไปหว่านจะได้เติบโตง่าย การทานเม็ดแมงลักก็มีข้อควรระวัง ดังนี้ไม่ควรทานเมล็ดแมงลักที่ยังไม่พองตัวพองตัวอย่างเต็มที่ เพราะจะทำให้เข้าไปอุดตันในลำไส้ หรือเป็นก้อนจับภายในกระเพาะอาหารไม่ควรทานพร้อมกับยา เพราะจะดูดสรรพคุณยาเหล่านั้นหายไปหมด ไม่มีประสิทธิภาพของยานั้นๆที่ทานเข้าไปควรทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะถ้าทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการแน่นท้องได้ เพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาผักสวนครัวที่ควรมีติดบ้านไว้ ปลูกง่าย กินง่าย กินหอมแถมยังช่วยลดน้ำหนักได้อีก ผู้เขียนก็แนะนำต้นแมงลักเลยนะคะ ปลุกครั้งเดียวกินได้ตลอดทั้งปี ไม่ค่อยมีโรคและวัชพืช ดูแลง่าย โตเร็ว ใส่เมนูอาหารก็อร่อยและมีประโยชน์หรือจะทานเมล็ดแมงลักเพื่อควบคุมน้ำหนักก็ดี สุดท้ายก็อย่าลืมทานผักให้หลากหลาย เลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะ ภาพปก ออกแบบจากcanvaโดยผู้เขียน ภาพประกอบบทความทั้งหมดโดยผู้เขียนอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้