น้ำตา:ความหมายที่หลากหลาย(บทความสุขภาพจิต) ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนรุ่นน้องซึ่งโทรศัพท์มาหาด้วยน้ำเสียงร้องไห้ฟูมฟายว่ากำลังผิดหวังอกหักเสียใจที่คนรักตีจากไปมีแฟนใหม่ ทั้งๆที่เขาทุ่มเทความรักและทรัพย์สินเงินทองให้รวมมูลค่าหลายล้านบาท เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นจากการอกหักรักร้าว ผู้เขียนก็ตั้งใจรับฟังด้วยท่าทีที่สงบเป็นมิตรไม่ตำหนิ ปล่อยให้เขาร้องไห้อย่างเต็มที่สักระยะหนึ่ง จนเสียงร้องไห้แผ่วเบาลงแล้ว จึงเริ่มพูดคุยด้วยเพื่อให้การปรึกษาในเชิงจิตวิทยาตามลำดับต่อไป การร้องไห้เป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารที่ลึกลงไปในจิตใจ และใช่มีความหมายเพียงแค่ร้องไห้แต่คือการที่คนเราได้ระบายอารมณ์และความรู้สึกที่คับข้องใจต่างๆออกมาทางน้ำตา และช่วยทำให้รู้สึกปลดปล่อย ผ่อนคลายสบายใจขึ้น นี่แหละคือผลของการเยียวยาจิตใจเบื้องต้นที่ดีเยี่ยมแนวทางหนึ่ง น้ำตามีความหมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับผู้ที่ตีความหมายว่าหมายถึงอะไร เช่น น้ำตาที่ตอบสนองต่อการบาดเจ็บของร่างกายอาจหมายถึงความเจ็บปวดจากบาดแผล น้ำตาในงานแต่งงานและในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรอาจหมายถึงความปลาบปลื้มใจ น้ำตาในงานศพอาจหมายถึงความเศร้าโศกเสียใจจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก น้ำตาที่เกิดจากประสบการณ์ต่างๆของชีวิตล้วนมีความหมายในตัวเองเสมอ การค้นหาความหมายของน้ำตานั้นต้องอาศัยการแปลความจากสิ่งที่แสดงออกทั้งความหมายโดยตรง (denotative meaning) เช่นเมื่อแฟนขอแต่งงานผู้หญิงน้ำตาซึมหมายความว่าปลาบปลื้มยินดี และความหมายโดยนัยยะ (connotative meaning) การที่น้ำตาซึมนั้นอาจหมายถึงการตอบรับการขอแต่งงานก็ได้ เพราะน้ำตามักเป็นสิ่งที่บอกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในจิตใจของคนเราได้มากมายนั้นเอง มีความแตกต่างของน้ำตาระหว่างชายและหญิงอยู่พอสมควร บางสังคมมักไม่ยอมรับการร้องไห้ของผู้ชาย โดยปลูกฝังให้ผู้ชายต้องมีความอดทน เก็บกด อดกลั้น ความรู้สึกปวดร้าวต่างๆไว้ไม่อนุญาตให้ร้องไห้ เป็นผู้ชายร้องไห้มักจะถูกประณามว่าอ่อนแอ หรือเมื่อผู้ชายร้องไห้มักจะตีความหมายถึงความปวดร้าวที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้หญิง ดังเช่นเนื้อหาของบทเพลงที่ชื่อว่า “น้ำตาผู้ชาย” ที่กล่าวไว้ว่า “น้ำตาพูดผู้ชายที่ไหลริน หมายถึงความสูญสิ้นอเนกอนันต์นานา ภายในดวงใจไม่มีผู้ใดรู้ว่า ผู้ชายที่หลังน้ำตายิ่งกว่าฟ้าร้องไห้” นั่นคือตัวอย่างที่สังคมให้ความหมายที่แตกต่างกันมากเกินไประหว่างน้ำตาของผู้ชายและผู้หญิง ทั้งๆที่จริงๆแล้วความต้องการด้านจิตใจทั้งชายและหญิงมีความหมายเหมือนกันมากกว่าความแตกต่าง โดยเฉพาะน้ำตาในภาวะสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักหรือการอกหักรักร้างไม่ว่าชายหรือหญิงก็มีความหมายคล้ายกัน นั่นคือน้ำตาหมายถึงความเสียใจ ความเศร้าใจ ความอาลัยอาวรณ์ ความคับแค้นใจและเจ็บใจ เป็นต้น ในการบำบัดรักษาด้านสุขภาพจิตนั้น น้ำตาอาจหมายรวมถึงการสูญเสีย ความเศร้าโศก การถูกปฏิเสธ ความหวาดกลัว ความรู้สึกไร้คุณค่า ไร้ทางออก เสียใจ เจ็บใจ โกรธ คับข้องใจ แค้นใจ ผิดหวังหรือไม่เหลือแม้แต่ความหวัง แต่ถึงอย่างไรน้ำตาก็เป็นส่วนหนึ่งของความปลดปล่อยและความโล่งใจอยู่ดีนั่นเอง ไม่ว่าน้ำตาของแต่ละบุคคลจะมีความหมายแตกต่างกันอย่างไร แต่ที่เหมือนกันคือความรู้สึกปลดปล่อยที่ได้หลั่งน้ำตาออกมา ดังนั้นเมื่อรู้สึกอยากร้องไห้ก็ให้ร้องได้ ไม่ควรจะประณามกันไม่ว่าเพศใด วัยใด สถานการณ์ใด โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในภาวะสูญเสียต่างๆรวมทั้งอกหักรักร้าง น้ำตาล้วนช่วยปลดปล่อยและแก้ปัญหาใจได้ในระดับหนึ่งเสมอ ในทางพระพุทธศาสนาน้ำตาเป็นสัญลักษณ์ของความทุกข์จากการสูญเสียที่ไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อหลั่งน้ำตาควรคิดถึงความทุกข์ที่ซ้ำซากเพื่อให้เห็นสัจธรรม และเกิดความเบื่อหน่ายแล้วหันมาฝึกปฎิบัติธรรม ดังเช่นสมัยพุทธกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระภิกษุณีปาฏาจาราว่า “ดูก่อนปาฏาจารา เธออย่าคิดไปเลย เธอมาหาเราที่สามารถเป็นที่พึ่งของเธอได้ บัดนี้เธอหลังน้ำตาเพราะความตายของลูกฉันใด ในสังสารวัฏที่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลายไม่ปรากฏก็ฉันนั้น น้ำตาที่หลั่งเพราะความตายของลูกยังมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่” และทรงตรัสต่ออีกว่า “น้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ยังมีปริมาณน้อย ความเศร้าโศกของนรชนผู้ที่ถูกกระทบแล้ว น้ำจากน้ำตามิใช่น้อยมีปริมาณมากกว่ามหาสมุทรเสียอีก เจ้ายังประมาทอยู่เล่า” พุทธพจน์ดังกล่าวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงให้เห็นว่าน้ำตาหมายถึงความทุกข์ของชีวิตที่พบในชาติแล้วชาติเหล่านั่นเอง ดังนั้นในทางพุทธจิตวิทยาหากต้องหลังน้ำตาเพราะสูญเสียใดๆและการอกหักรักร้างก็ควรนำน้ำตามาพิจารณาให้เห็นเป็นความทุกข์ แล้วแสวงหาทางดับทุกข์ที่เป็นนิรันดร์ด้วยการเจริญกรรมฐานทั้งสมถะกรรมฐานและวิปัสนากรรมฐาน เพื่อตัดวงจรที่จะทำให้การหลังน้ำตาจากความเศร้าโศกให้หมดสิ้นลงไปในที่สุดเครดิตภาพ : ภาพปก : Pexels / Pixabay ภาพที่2: darksouls1 / Pixabay ภาพที่3 : StockSnap / Pixabay ภาพที่4 : Activedia / Pixabay ภาพที่5 : JonHoefer / Pixabay รศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสื่อสารสุขภาพจิตและศาสนาปรัชญานักเขียนสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มติชน,อมรินทร์ธรรมะ,ซีเอ็ด,ดีเอ็มจีและวิชบุ๊คประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรwuttipong academy ,ไอดีไลน์ac6555อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !