วันนี้มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยไม่ได้ตั้งตัวตั้งรับกับเหตุการณ์นี้มาก่อนเลยมาเล่าสู่กันฟัง ก่อนอื่นเลยขอท้าวความก่อน คือเราเป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 35-40 ปี เป็นพนักงานโรงแรมคนนึง แต่งานของเราจะเป็นลักษณะงานออฟฟิศ วันๆ ก็อยู่แต่ในออฟฟิศ และเป็นธรรมดาที่งานประเภทนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เนื่องจาก โรงแรมที่เราทำงานอยู่นั้นเจ้าของโรงแรมปล่อยให้บริษัทต่างชาติมาเช่า และเมื่อถึงวันหมดสัญญาเช่า ทางบริษัทก็ไม่ต่อสัญญา เป็นเหตุให้ทางบริษัทต้องจ้างพนักงานออกทั้งหมด โดยให้ค่าชดเชยตามอายุงาน ขอบคุณภาพโดย DarkoStojanovic จาก Pixabay และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อเราตกงานนั่นเอง คือเมื่อตกงานก็ต้องตระเวนหางานใหม่ ว่างงานประมาณ 2 เดือน เราก็ได้งานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งกระบวนการเข้าทำงานก็จะต้องมีการตรวจสุขภาพ ตรวจลายนิ้วมือเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว เอาล่ะ ทีนี้เราก็ได้เอกสารส่งตัวต่างๆ เพื่อไปยื่นให้โรงพยาบาลและศูนย์พิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจตามขั้นตอน เราก็ไปโรงพยาบาลตามปกติ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ผลการตรวจเลือดออกมาก็ปกติทุกอย่าง แต่!!! ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติซะแล้ว เมื่อพยาบาลดูผลเอกซเรย์ของเราและทำท่าทางแปลกๆ รวมทั้งมีพยาบาลคนนึงก็นำผ้าปิดปากมาให้เราใส่ ซึ่งตอนนั้นเราก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ จนเราพูดกับแฟนว่า หรือว่าผลเอกซเรย์ของเราจะไม่ปกติอะไรรึเปล่า ทำไมพยาบาลต้องเอาผ้าปิดปากมาให้เรา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร จนเราไปจ่ายเงินและก่อนที่เราจะก้าวเท้าออกจากโรงพยาบาล นางพยาบาลก็ได้โทรมาแจ้งกับเราว่า ผลเอกซเรย์ของเรามีปัญหาให้เข้ามาพบคุณหมออีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเราก็รับปากและไม่ได้ถามกลับว่าผิดปกติอย่างไร (ด้วยความกลัวคำตอบ) ขอบคุณภาพโดย stevepb จาก Pixabay พอเช้ามาเราก็กลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง และพบคุณหมอ ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าผลจากการเอกซเรย์ปอดของเราพบว่าปอดเป็นฝ้าขาว ซึ่งสันนิษฐานว่าจะเป็นโรคปอด หรือ “วัณโรค” นั่นเอง เรานี่ตกใจมาก ว่าเราน่ะเหรอจะเป็นวัณโรค คุณหมอก็ถามว่าคนในครอบครัวมีใครเป็นโรคนี้บ้าง หรือตัวเองเคยป่วยเป็นโรคนี้มาก่อนหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่เราแน่ใจมากๆ ก็คือ “ไม่” ประกอบกับเราไม่ได้มีอาการของโรคนี้เลย เช่น หายใจเหนื่อย ไอเรื้อรัง หลังจากนั้นคุณหมอก็บอกให้มาตรวจเสมหะดู ซึ่งค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลเอกชนก็จะมากหน่อย เราเลยขอคุณหมอว่าเราขอไปตรวจที่โรงพยาบาลรัฐบาล คุณหมอก็เห็นด้วยและทำใบส่งตัวให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง วันนั้นเรากลับบ้านพร้อมกับความสับสน งุนงง อย่างบอกไม่ถูก ทั้งเสียใจที่ไม่ได้ทำงาน ทั้งกลัวว่าโรคนี้จะร้ายแรงแค่ไหน เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าโรคนี้เป็นอย่างไร รักษาหายหรือเปล่า และเมื่อถัดมาอีกวันเราก็ไปโรงพยาบาลรัฐบาลเพื่อตรวจเสมหะ และผลเสมหะก็ออกมาว่าไม่มีเชื้อวัณโรค คุณหมอได้แจ้งเกี่ยวกับโรคนี้ว่า สาเหตุของการเป็นวัณโรค กรณีของเราคุณหมอสันนิษฐานว่า เราอาจจะได้รับเชื้อจากผู้ป่วยโดยทางเดินหายใจ เพราะเป็นโรคที่ติดต่อกันง่ายมาก แค่เพียงเราได้สูดเอาละอองจากการไอ จาม หรือการพูด เพราะเชื้อโรคจะมีชีวิตอยู่ในอากาศได้เป็นระยะเวลานาน เมื่อสูดดมเข้าไปก็จะทำให้ติดเชื้อโรคได้อย่างง่ายดาย แนวทางการรักษา ต้องกินยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือนจึงจะหายขาด การป้องกันโรค ต้องใส่ผ้าปิดปากตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย แยก จาน ชาม ช้อน รวมถึงของใช้ส่วนตัวออกจากคนอื่นๆ ในครอบครัว เปิดหน้าต่างห้องนอนเพื่อให้แดดส่อง จะได้ทำลายเชื้อโรค ให้อยู่ในที่อากาศถ่ายเท ไม่ควรอยู่ในห้องแอร์ และทานยาให้เป็นเวลาอย่างเคร่งครัด ซึ่งตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้ เราก็ใช้ชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวังมากขึ้น ใช้ผ้าปิดปากตลอดเวลา และแยกของใช้ออกจากคนอื่นๆ ในครอบครัว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคไปสู่คนอื่นๆ ขอบคุณภาพโดย jarmoluk จาก Pixabay ที่เรามาเล่าประสบการณ์การเป็นโรคนี้ก็เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านได้ระมัดระวังในการใช้ชีวิต เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น อย่างเช่น เชื้อโรคต่างๆ เราอาจจะติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวก็ได้ และอีกอย่างที่อยากจะบอกก็คือการยอมรับให้ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างมีสติ เพราะเมื่อเกิดเหตุที่เราไม่คาดคิดอาจทำให้เราคิดฟุ้งซ่านหรือยอมรับไม่ได้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่ายังไงปัญหาก็มีทางออกเสมอ ป่วยได้ก็ต้องหายได้ แต่ยังไง ไม่ป่วยย่อมดีที่สุด ดังคำพระที่ว่า “อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง และหมั่นตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านประสบการณ์ที่จะจำไม่มีวันลืมของเรานะคะ ขอบคุณรูปภาพหน้าปก โดย stevepb จาก Pixabay