พูดถึงข่าสมุนไพรใกล้บ้านที่หลายๆคนมักจะปลูกเอาไว้เพื่อเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหาร หลักๆแล้วจะใช้ในเมนูต้มยำ ต้มแซ่บ เครื่องแกง น้ำพริก เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ส่วนเหง้าในการปรุงอาหาร มีกลิ่นฉุน หอม รสชาติเผ็ดร้อน ข่าเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับขิง กระชาย ขมิ้น นอกจากจะกินส่วนเหง้าแล้ว ยังนิยมกินส่วนใบอ่อนหรือส่วนที่ต่อจากเหง้านั้นแหละ เรียกอีกอย่างว่าลำต้น รสชาติจะหวานกว่าส่วนเหง้า ส่วนใบยังสามารใช้ประโยชน์ต่างๆได้ เช่น ใช้ห่อแทนใบตอง รวมไปถึงดอกขอข่าซึ่งนิยมนำมากินกับน้ำพริกหรืออาหารอีสานเมนูต่างๆได้ด้วย คุณค่าทางโภชนากาข่าอ่อนส่วนเหง้า 100 กรัม 20 กิโลแคลอรี่ กากใยอาหาร 1.1 กรัม แคลเซียม 5 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.13 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.15 กรัม วิตามินซี 23 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.1 มิลลิกรัมประโยชน์ของการบริโภคข่าบรรเทาอาหารไม่ย่อย ลดอาการจุดเสียด แน่นท้อง ลดแก๊สในกระเพาะอาหารขับลมในลำไส้แก้ไอบำรุงธาตุยาระบายอ่อนๆต้านอนุมูลอิสระแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยแก้เหน็บชารักษากลากเกลื้อนต้านมะเร็งบรรเทาอาการปวดอันนี้เราไม่ได้โม้นะ โดยส่วนแล้วเราโตมาข่าเลยก็ว่าได้ เป็นพืชสมุนไพรที่แม่ปลูกไว้รอบๆบ้านเลย ตอนเด็กเราเคยนั่งกินส่วนใบอ่อนของข่าแทนขนมด้วยแหละ วันที่แม่ไม่อนุญาตให้ซื้อขนมให้ เราก็จะกินข่าขอแม่แทนวันที่แม่ตัดหรือทำการการขยายต้นใหม่นั้นแหละ ประโยชน์ของข่าฟังแล้วน่าทึ่งมากๆเลยนะ เรากินแบบสดและปรุงใส่อาหารและปรุงเป็นยาเราก็เคย วันนี้นำวิธีการปรุงเป็นยาเพื่อบรรเทาอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อยมาฝาก จะใช้เป็นเหง้าสดหรือเหง้าแห้งก็ได้ ใช้ประมาณ 5 กรัมต้มกับน้ำเปล่าให้เดือด ประมาณสัก 5 นาที แล้วก็นำมาดื่มครั้งละ 1 แก้ว รสชาติจะเผ็ดร้อนนิดหน่อยนะคะ ดื่มวันละ 3 แก้วหลังอาหาร มันช่วยทำให้เราขับลมออกมาได้เร็วขึ้นคะ สบายท้องไม่แน่นท้องมาก แล้วอาการจุกเสียดแน่นท้องก็จะค่อยๆหาย ส่วนใหญ่ก็จะผายลมออกมาคะ แนะนำให้ดื่มตอนน้ำอุ่นๆจะช่วยให้สบายท้องมากขึ้นนะคะ ใช้เวลาเพียง 2 วัน หรืออาจจะวันเดียวด้วยซ้ำคะ ลักษณะของข่า ข่าเป็นพืชตระกูลล้มลุก สูงได้ถึง 2.5 เมตร โดยจะมีเหง้าของรากอยู่ใต้ดิน สีเปลือกจะมีสีน้ำตาลลายเนื้อด้านในจะเป็นสีขาวเหลืองมีข้อปล้องสั้น ก้านของใบที่ดูคล้ายลำต้นจะแตกกอและซ้อนกันเป็นชั้นๆมีสีเขียวอ่อนๆและสีขาว ใบจะเป็นรูปคล้ายๆหอกมีสีเขียว ก้านใบจะเป็นกาบหุ้ม ส่วนดอกจะออกเป็นช่อ คล้ายดอกกล้วยไม้เรียงกันแน่นอยู่เป็นจำนวนมาก มีกลิ่นหอมสีขาว โดยดอกจะออกประมาณช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนการปลูกข่า สามารถปลูกได้ง่าย ใช้ส่วนเหง้าโดยให้เหลือส่วนลำต้นไว้ด้วยนะคะ ในการปลูกแต่ต้องมีอายุมากกว่า 1 ปีนะต้นจะเจริญเติบโตได้ดี ปลูกง่ายโตไว จะเป็นฤดูฝน ชอบมากในดินที่ร่วนซุย นำไม่ท่วมขัง ระบายน้ำได้ดี เราปลูกโดยการขุดหลุดให้กว้างแล้วก็วางเหง้าลงในดินเลย โดยจะตากดินที่ขุดไว้ซักประมาณ 1-2 วัน จากนั้นผสมปุ๋ยคอกลงไปเล็กน้อยแล้วผสมให้เข้ากับดิน ใส่ข่าลงไปกลมด้วยดินและรดน้ำเท่านี้แหละ เป็นวิธีง่ายๆที่เราใช้ทำอยู่ประจำเวลาที่จะขยายพันธุ์ข้อควรระวังในการกินข่าควรกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรมากหรือน้อยเกินไปผู้ที่แพ้ข่าหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของข่า แล้วเกิดอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนทางผิวหนัง ควรหยุดใช้ทันทีไม่ควรกินมากเกินไป ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ยา หรือส่วนผสมในอาหารเสริมต่างๆนี้เป็นคุณประโยชน์ของข่า พืชสมุนไพรที่อยู่คู่คนไทยมานานแสนนานและเชื่อว่าหลายๆบ้านก็ปลูกไว้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารได้ดี เพิ่มรสชาติความกลมกล่อมและหอมกลุ่นให้กับอาหารนั้นด้วย มีประโยชน์และก็โทษเช่นกันคะ ถ้าเรากินในปริมาณที่พอเหมาะก็เป็นเรื่องต่อร่างกาย สุดท้ายนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆนะคะ ออกแบบจากCanvaโดยผู้เขียนบทความภาพประกอบ : ภาพที่1โดยSuanpa,ภาพที่2-4 โดยผู้เขียนบทความอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้