วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องการบริจาคเลือดครั้งแรกของเราซึ่งก็ไม่สามารถบริจาคได้เราก็เลยอยากจะมาแชร์สิ่งที่เราได้รู้หลังการไปบริจาคเลือดครั้งนี้ ซึ่งว่าด้วยเรื่องการบริจาคเลือด หลาย ๆ คนก็อาจจะมีข้อสงสัยว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง เริ่มบริจาคได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ขั้นตอนการบริจาคเลือด และข้อปฏิบัติหลังการบริจาคเลือดต้องทำยังไงบ้าง วันนี้เราก็จะมาตอบคำถามเหล่านี้กันเลย1.สมบัติผู้บริจาคเลือด- เป็นผู้มีน้ำหนักตั้งแต่ 45 กิโลกรัมขึ้นไป- ไม่อยู่ระหว่างไม่สบาย หรือกำลังรับประทานยาใดๆ- ไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนก่อนบริจาค- ไม่เป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพตามที่สภากาชาดกำหนดไว้ (สามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์สภากาชาดไทย)ส่วนตัวเรามีคุณสมบัติครบทุกข้อเลยก็ผ่านไปได้แบบชิล ๆ เลย2.การเตรียมตัวเพื่อบริจาคเลือดครั้งแรก- ดื่มน้ำ 3 - 4 แก้ว เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิต ( สามารถดื่มน้ำหวาน นม และน้ำผลไม้เพิ่มได้ )- นอนพักผ่อนให้เพียงพอก่อนบริจาคเลือด- ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูงก่อนการบริจาคเลือด- งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนบริจาคเลือดอันนี้สารภาพเลยว่ากังวลมากเพราะว่าช่วงนั้นงานค่อนข้างเยอะทำให้เรานอนค่อนข้างน้อยก็แอบมีความกังวลว่าจะสามารถบริจาคได้หรือเปล่า3.เริ่มบริจาคเลือดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ - เริ่มบริจาคเลือดครั้งแรกได้ตั้งแต่อายุ 17 ปีบริบูรณ์ แต่ยังต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง- อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถบริจาคได้ โดยไม่ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง- ในการบริจาคครั้งแรกผู้บริจาคต้องอายุไม่เกิน 55 ปีในส่วนนี้คือเราอายุ 17 ปีก็คือต้องใช้หนังสือยินยอมจากผู้ปกครองซึ่งที่บ้านเราก็โอเคกับการบริจาคเลือดครั้งนี้ ส่วนนี้เราอยากบอกคนที่อยากบริจาคเลือดแล้วยังเป็นนักเรียนอยู่ ก็คืออยากให้คุยกับผู้ปกครองก่อน เพราะว่าเราเห็นหลาย ๆ คนทะเลาะกับที่บ้านเพราะผู้ปกครองไม่อนุญาตอะไรแบบนี้ 4.ขั้นตอนการบริจาคเลือด - ลงทะเบียน - วัดความดันโลหิต และชีพจร - คัดกรองผู้บริจาค- เจาะเก็บเลือด- พักทานอาหารว่าง - วัดความดันโลหิต และชีพจร (ก่อนกลับ)พอเข้าถึงขั้นตอนก่อนบริจาคเลือดก็เริ่มจากการลงทะเบียนโดยที่เจ้าหน้าที่จะเอาเอกสารมาให้เรากรอกในนั้นก็จะถามข้อมูลส่วนตัวทั่วไปแล้วก็จะเป็นการตอบคำถามคัดกรองว่าเราสามารถบริจาคเลือดได้หรือเปล่า อย่าง พวกโรคประจำตัว การดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้กระทั้งอาหารที่เรากินไปช่วงก่อนบริจาค ซึ่งตอนแรกเราก็คิดว่ามันจะเยอะมาก ๆ แต่พอทำจริง ๆ ก็ไม่ได้เยอะ และไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้น เมื่อกรอกเอกสารเรียบร้อยแล้ว เราก็จะยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พอผ่านแล้วเราก็จะไปทำการวัดความดัน และตรวจสอบความเข้มข้นเลือดว่ามีความเข้มข้นพอที่จะบริจาคหรือไม่ ซึ่งนี่ก็คือจุดพลิกที่ทำให้เราบริจาคไม่ได้เนื่องจากค่าความเข้มข้นเลือดไม่ถึงนั่นเองค่ะ ตอนนั้นคือเฟลมาก แต่ก็ดูเพื่อน ๆ ที่บริจาคได้ ก็คือหลังตรวจความเข้มข้นผ่านแล้วก็จะทำการเก็บเลือด หรือว่าบริจาคเลือดนั่นเอง พอเจาะเก็บเลือดเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้เรากินของว่าแบบ ขนม น้ำหวาน น้ำเปล่า แล้วก็นั่งพักก่อนจะวัดความดันอีกรอบ ส่วนคนที่ความเข้มข้นเลือดไม่ผ่านพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ก็จะให้ธาตุเหล็กมากินนั่นเองค่ะ5.ข้อปฏิบัติหลังบริจาคเลือด- ดื่มน้ำมากกว่าปกติประมาณ 1 - 2 วัน - งดออกกำลังกายหนัก ๆ ยกของหนัก หรือ ซาวน่า อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังบริจาคเลือด- ทานธาตุเหล็กที่ทางสถานบริการให้ตามคำแนะนำจนหมดข้อปฏิบัติที่ควรรู้คร่าวๆก็มีประมาณนี้ หากสงสัยเพิ่มเติมสามารถหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ของสภากาชาดไทย นักเขียนขอเป็นกำลังใจให้ผู้บริจาคเลือดครั้งแรกทุกคน ที่อาจจะมีความกังวลไม่น้อย แต่นักเขียนอยากจะบอกว่าทุกคนเก่งมาก ๆ แล้วที่คิดเริ่มจะบริจาคเลือด และหวังว่าทุกคนจะปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างดี ส่วนตัวนักเขียนเองก็ยังไม่ยอมแพ้ค่ะ บริจาคเลือดรอบหน้าต้องบริจาคได้แน่นอน เครดิตภาพภาพปก: Rahul Sapra / Pexels แก้ไขโดย :FLUFFYภาพประกอบ 1: Acharaporn Kamornboonyarush / Pexelsภาพประกอบ 2: Lisa Fotios / Pexelsภาพประกอบ 3: FLUFFYภาพประกอบ 4: FLUFFY เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !