ในยุคปัจจุบันที่มีแต่ความเร่งรีบ ทุกอย่างต้องรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ทำให้การใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าจะเป็นการกิน การเดินทาง การทำงาน หรือแม้แต่การนอน ทุกอย่างต้องมีตัวช่วยให้รวดเร็ว ฉับไว รอเวลาไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ความเร่งรีบนี้ทำให้เราอาจจะหลงลืมอะไรบางอย่างไป ลองคิดย้อนไปสัก 10-20 ปีก่อน สมัยที่เราเริ่มมีรถไฟฟ้าสมัยแรก ๆ การเดินทางโดยรถเมล์ยังคงเป็นพาหนะหลักสำหรับคนส่วนใหญ่ ถึงแม้จะเป็นการเดินทางที่ไม่รวดเร็วทันใจ แต่ก็ได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในระหว่างการเดินทางมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่ต้องตื่นแต่เช้าแบกกระเป๋าใบใหญ่กว่าตัวไปโรงเรียน คนวัยทำงานที่ง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุที่เดินทางไปออกกำลังกายตอนเช้า ทำให้เราอดที่จะยิ้มตามไปกับวิถีชีวิตของแต่ละคนไม่ได้ เพราะทุกคนมีความน่ารักในแบบของตัวเอง หากเราลองหันกลับมาดู แล้วลองปล่อยชีวิตให้หมุนช้าลงไปบ้าง มองสิ่งรอบตัวข้าง ๆ มากขึ้น เราอาจจะเพิ่งเห็นว่า น้องคนนี้เดินทางพร้อมเราทุกวัน พี่คนนั้นส่งยิ้มให้กับเราทุกวัน และหากเราหยุดมองสักนิด ละสายตาจากโทรศัพท์มือถือสักหน่อยเราได้มีโอกาสยิ้มตอบ และได้พบว่าคุณลุงคนนั้นแข็งแรงเหลือเกิน ไปออกกำลังกายได้ทุกเช้า รถติดก็ดีไปอีกแบบ ได้เจอคนน่ารัก ๆ ระหว่างทางมากมาย หากเช้านี้ เราเริ่มต้นวันด้วยพลังใจที่ดี ลองทำงานในสภาวะจิตใจที่แจ่มใสและสดชื่นแล้วนั้น ผลลัพธ์ของการทำงานคงจะน่าชื่นใจ แต่ถึงแม้จะยังไม่ได้ดั่งใจหวัง เราคงยังมีกำลังใจในการสู้ต่อไป และแน่นอน พลังกายที่แข็งแรง ย่อมนำมาซึ่งแรงกำลังในการทำสิ่งดี ๆ ให้แก่ตัวเราเองและสังคม ลองทานอาหารดี ๆ มีคุณค่าทางอาหาร ใช้เวลาในการเลือกอาหารดี ๆ เดินเล่นท่ามกลางแดดอ่อน ๆ ให้ร่างกายได้รับวิตามินยามเช้า แล้วความสดใสจะอยู่กับเราตลอดวัน สิ่งสำคัญสุดท้าย อยากให้ทุกคนใส่ใจกับการพักผ่อนด้วยการนอนหลับที่มีคุณภาพ พักความเคร่งเครียด และความเร่งรีบลงในท้ายวัน ปล่อยให้มือถือได้ชาร์จพลังงานข้างๆตัว และให้ตัวเราได้ชาร์จพลังงานดี ๆ ด้วยหนังสือสักเล่ม หรือจะเป็นเวลาของครอบครัวที่จะได้นั่งคุยเล่นกันในช่วงเวลาก่อนนอน แค่คิดภาพก็มีความสุขมากมายแล้วล่ะ คุณว่าไหม? เครดิตรูปภาพ : ภาพของผู้เขียน