มีใครเคยเป็นเหมือนกันบ้าง ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เราก็แทบจะไม่เคยพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียงได้ในทันที หลายต่อหลายครั้งที่เราเลือกจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์หรือนาฬิกาปลุกมากดหยุดหรือเลื่อนเวลานอนออกไปอีกเป็น 5 นาที หรือ 10 นาทีบ้าง ซึ่งบางทีอาจจะนานกว่านั้นจนกระทั่งทำให้วันนั้นทั้งวันเราแทบจะไม่มีเวลาเหลือให้ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือไม่มีเวลาให้ได้ออกไปใช้ชีวิตที่ไหนเลย หลายครั้งที่เราคิดว่าการเลื่อนนาฬิกาปลุกในตอนเช้าจะช่วยยืดเวลานอนของเราให้ยาวนานขึ้นได้ แต่กลับกันงานวิจัยจำนวนมากได้กล่าวถึงผลเสียของนิสัยการตื่นแล้วกลับไปนอนต่อในตอนเช้าเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปวดหัวง่าย อารมณ์แปรปรวนระหว่างวัน หรือแม้กระทั่งความจำที่สั้นลง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็อาจนำไปสู่ผลเสียในระยะยาวได้ อย่างเช่น การเรียนหรือการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพ ความขัดแย้งในการเชื่อมต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น น้ำหนักตัวที่อาจเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไปจนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะโรคสมองเสื่อม โรคหัวใจ หรือแม้กระทั่งโรคความดันโลหิตสูง เมื่อทราบถึงผลเสียอันไม่น่าพึงพอใจทั้งหลายประการ คงไม่มีใครอยากตกเป็นทาสของการกระทำเช่นนี้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาเริ่มกำจัดนิสัยตื่นแล้วกลับไปนอนต่อหรือการกดเลื่อนนาฬิกาปลุกของเราให้ได้สักทีด้วย 5 เคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ ไปดูกันเลยว่าจะมีอันไหนที่เหมาะกับเราบ้าง 1. เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะประสบอยู่กับปัญหาของการตื่นนอนในตอนเช้ารวมถึงตัวผู้เขียนเอง ก็มาจากการที่เราเข้านอนและตื่นนอนกันอย่างไม่เป็นเวลา โดยส่วนมากเราจำเป็นต้องตื่นนอนเวลาที่ใกล้เคียงกันทุกวันแต่การเข้านอนของเรากลับไม่คงที่ตามนั้น ยกตัวอย่างเช่น บางวันเราเลือกที่จะเข้านอนเวลา 3 ทุ่มตรง แต่อีกวันเรากลับเลื่อนเวลาเข้านอนของเราออกไปเป็นเวลา 5 ทุ่มตรง โดยที่เราก็ยังคงตื่นนอนในเวลาเช่นเดิม การทำสิ่งนี้มีแต่จะนำเราไปสู่ความผิดปกติของนาฬิกาชีวภาพและการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นการที่เราเข้านอนและตื่นนอนในเวลาที่สอดคล้องกันอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ 💡TRICK หากคุณอยากตื่นนอนเวลา 6 โมงเช้า คุณอาจจะลองตั้งเวลาในการเข้านอนบนโทรศัพท์ของคุณไว้สักประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เพื่อให้คุณมีเวลาเตรียมตัวหรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายก่อนเข้านอนสักประมาณ 30 นาที (มีคำอธิบายในหัวข้อถัดไป) ลองทำเช่นนี้ให้เป็นกิจวัตรที่ต่อเนื่องกันทุกวัน แล้วคุณจะพบว่าการนอนหลับของคุณมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สามารถตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น มีแรงบันดาลใจ และเมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของคุณจะค่อยๆ ปรับตัวได้จนกระทั่งคุณสามารถตื่นและนอนเวลาเดิมได้เองตามธรรมชาติ 2. สร้างกิจวัตรที่ผ่อนคลายก่อนเข้านอน ช่วงเวลาก่อนเข้านอนเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เนื่องจากกิจกรรมใดก็ตามที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นเปรียบเสมือนสิ่งที่ตัดสินทั้งคุณภาพในการนอนหลับและความสามารถในการตื่นนอนของเรา หากเราสามารถสร้างกิจวัตรหรือกิจกรรมที่ผ่อนคลายในช่วงก่อนเข้านอนได้ เราจะรู้สึกได้เองว่าความหนักอึ้งภายในหัวหรือความรู้สึกตึงเครียดในวันนั้นทั้งวันของเรากำลังค่อยๆ เบาบางลง ซึ่งในขณะเดียวกันเราก็ได้ส่งสัญญาณบอกให้ร่างกายของเรารับรู้ด้วยว่า ตอนนี้ถึงเวลาที่ร่างกายของเราต้องการพักผ่อนและพร้อมสำหรับการเข้านอนอย่างเต็มที่แล้ว ในท้ายที่สุดเมื่อเราให้ความสำคัญกับช่วงเวลาในการนอนหลับที่มีคุณภาพ เราก็จะเริ่มต้นเช้าวันใหม่ได้ด้วยความสดใส สมองปลอดโปร่ง และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตลอดทั้งวัน 💡TRICK เมื่อถึงเวลาที่คุณอยากจะเข้านอน คุณอาจจะลองวางโทรศัพท์หรือนำไปชาร์จแบตเตอรี่ไว้ที่ใดสักที่หนึ่งให้ห่างจากตัวคุณ หลังจากนั้นให้คุณลองลุกขึ้นไปทำกิจกรรมอื่นที่ทำให้คุณรู้สึกสงบหรือผ่อนคลายแทน ยกตัวอย่างเช่น การอ่านหนังสือ การฝึกโยคะเบาๆ การนั่งสมาธิ การจดบันทึกประจำวัน หรือการจดรายการสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้ กิจกรรมเหล่านี้สามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายให้แก่คุณได้ คุณจะพบว่าตัวเองสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้นและตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบาสบาย มีจิตใจที่แจ่มใสขึ้นกว่าเดิม 3. วางนาฬิกาปลุกไว้ให้ห่างจากตัวแบบที่เอื้อมไม่ถึง หลายต่อหลายครั้งที่ความง่ายหรือความสะดวกสบายในการเอื้อมมือไปกดปุ่มปิดหรือปุ่มเลื่อนนาฬิกาปลุกของเรา อาจส่งผลให้เวลาในการตื่นนอนของเราถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าการทำสิ่งนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้เราพักผ่อนได้มากขึ้นหรือเพียงพอแต่อย่างใด กลับกันการทำสิ่งนี้จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรารู้สึกมึนงงจากการเดี๋ยวหลับ เดี๋ยวตื่น และรู้สึกคล้ายกับว่าคืนนั้นทั้งคืนเรายังนอนได้ไม่เพียงพอจนกระทั่งเกิดอาการอ่อนเพลียตลอดทั้งวัน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดภาวะสมาธิสั้น มีความสามารถในการจดจำสิ่งต่างๆ ได้น้อยลง รวมไปถึงการมีอารมณ์แปรปรวนและหงุดหงิดง่ายในระหว่างวันด้วยเช่นเดียวกัน 💡TRICK หากคุณอยากที่จะตื่นแล้วตื่นเลย ไม่หวนกลับไปนอนต่อ ให้คุณลองวางนาฬิกาปลุกหรือโทรศัพท์ของคุณไว้ให้ห่างจากตัวอย่างน้อย 2 ฟุต หรือในระยะที่คุณไม่สามารถเอื้อมมือไปหยิบได้ สิ่งนี้จะช่วยให้การเลื่อนนาฬิกาปลุกของคุณมีความยากขึ้นไปอีก เนื่องจากว่าคุณจะต้องใช้ความพยายามในการลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อเดินไปยังที่ที่คุณวางนาฬิกาปลุกหรือโทรศัพท์ของคุณไว้ ซึ่งการที่คุณได้เคลื่อนไหวร่างกายออกจากที่นอนในทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาก็จะช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัวมากยิ่งขึ้น และสามารถลดโอกาสหรือความต้องการที่จะหันหลังกลับไปนอนต่อได้ 4. ใช้แสงจากธรรมชาติเข้าช่วย ร่างกายของคนเราถูกออกแบบมาให้มีส่วนประกอบภายในที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาดมาก หนึ่งในส่วนประกอบภายในนั้นก็คือนาฬิกาชีวภาพ หรือ Biological Clock นั่นเอง สิ่งนี้ทำหน้าที่บอกเวลาตามการขึ้นและลงของแสงจากดวงอาทิตย์ มนุษย์ทุกคนมีสิ่งนี้เหมือนๆ กัน ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่มีเวลาแตกต่างกันก็ตาม แสงแดดจะช่วยส่งสัญญาณบอกให้สมองของคนเรารับรู้ว่าตอนไหนคือเวลาที่ควรจะตื่นและตอนไหนคือเวลาที่ควรจะเข้านอน ซึ่งจากผลสำรวจในระยะยาวของคนที่ใช้ชีวิตผิดเพี้ยนไปจากสมดุลของนาฬิกาชีวภาพ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคนที่มักจะนอนในตอนกลางวันและทำงานในตอนกลางคืนจะพบว่าเมื่ออายุมากขึ้นพวกเขาเหล่านั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดเกิดโรคต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็ง ดังนั้นการเปิดรับแสงจากธรรมชาติในยามเช้าจึงถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการควบคุมนาฬิกาชีวภาพ และป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวของเรา 💡TRICK หากคุณอยากจะเลิกนิสัยการตื่นนอนแล้วกลับไปนอนต่อ โดยใช้วิธีการปรับสมดุลของนาฬิกาชีวภาพหรือการใช้แสงจากธรรมชาติเข้าช่วย คุณอาจจะลองเปิดผ้าม่านหรือมู่ลี่ภายในห้องนอนของคุณทันทีที่คุณตื่น เพื่อให้แสงแดดเหล่านั้นส่องผ่านเข้ามากระตุ้นให้ร่างกายของคุณรู้สึกตื่นตัวมากยิ่งขึ้นพร้อมเปิดรับวันใหม่ได้อย่างสดใสในยามเช้าและหากเป็นไปได้อยากให้คุณลองใช้เวลาอย่างน้อย 5 นาทีในการออกไปรับแสงแดดยามเช้าก่อนเวลา 09.00 น. ร่วมด้วย เพื่อให้แสงจากธรรมชาติช่วยปรับจังหวะการเต้นของหัวใจ คุณจะรู้สึกสดชื่นและรู้สึกตื่นตัวได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้การทำสิ่งนี้ยังช่วยให้คุณได้รับวิตามินดีที่มีส่วนช่วยควบคุมระดับแคลเซียม ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ รวมถึงการเสริมสร้างภูมิต้านทานภายในร่างกายของคุณได้อีกด้วย 5. สร้างกิจวัตรที่ดีในยามเช้าอย่างมีเป้าหมาย กิจวัตรที่ดีในยามเช้าเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่จะนำเราไสู่ความสำเร็จที่เราพึงปรารถนา ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดก็ตามเพื่อเริ่มต้นวันสิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวกำหนดทิศทางหรือประสิทธิภาพในการทำสิ่งต่างๆ ตลอดทั้งวันของเรา เมื่อเรานำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้ในการกำจัดนิสัยที่ตื่นแล้วกลับไปนอนต่อ เราสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการสร้างกิจวัตรที่ดีอย่างมีเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น การตื่นเช้าขึ้นเพื่อที่จะได้มีเวลารับประทานอาหารเช้าหรือแต่งตัวก่อนออกไปทำงานอย่างไม่ต้องเร่งรีบ การกำหนดเป้าหมายจะช่วยสร้างแรงผลักดันให้เรารู้สึกอยากตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรที่ดีหรือกิจวัตรที่เราชอบในยามเช้ามากยิ่งขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เราจะพบว่าการสร้างกิจวัตรที่ดีในยามเช้าอย่างมีเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การได้รับประทานอาหารเช้ากับคนที่เรารัก หรือกระทั่งการมีเวลาอ่านหนังสือเล่มโปรดในตอนเช้า สิ่งเหล่านี้จะไม่เพียงแค่ช่วยให้เราเลิกนิสัยการตื่นนอนแล้วกลับไปนอนต่อได้เท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมที่ดีมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย 💡TRICK หากคุณอยากสร้างกิจวัตรที่ดีในยามเช้าอย่างมีเป้าหมาย คุณอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ โดยการกำหนดกิจวัตรในยามเช้าที่คุณอยากจะทำให้สำเร็จมาก่อน หากคุณมีอยู่แล้วหรือกิจวัตรเหล่านั้นดีต่อคุณอยู่แล้ว คุณอาจจะลองท้าทายตัวเองมากขึ้นไปอีกโดยการใส่กิจวัตรอื่นๆ ที่ส่งผลดีต่อตัวคุณเพิ่มเข้าไป ยกตัวอย่างเช่น การออกกำลังกาย อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ หรือการเขียนขอบคุณสิ่งต่างๆ ในยามเช้า จากนั้นให้คุณลองเรียงลำดับดูว่าคุณควรจะทำสิ่งใดก่อนหรือหลัง แล้วให้คุณเริ่มลงมือทำตามกิจวัตรเหล่านั้นทันทีในเช้าวันถัดไป ระหว่างนั้นให้คุณสังเกตดูว่าการจัดลำดับของคุณเหมาะสมแล้วหรือไม่ หากมีสิ่งใดที่ควรปรับหรือจำเป็นต้องปรับก็ขอให้คุณยืดหยุ่นที่จะปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันของคุณ เมื่อทุกอย่างลงตัวดีแล้ว ผู้เขียนขอเสริมอีกหนึ่งตัวช่วยก็คือการทำ Habit Tracker หรือการสร้างตารางติดตามนิสัย สิ่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่จะช่วยกระตุ้นให้คุณสามารถสร้างกิจวัตรที่ดีในยามเช้าได้อย่างยั่งยืนผ่านความก้าวหน้าที่คุณทำอย่างสม่ำเสมอในทุกวัน อีกทั้งสิ่งนี้ยังจะช่วยให้คุณมีโอกาสเอาชนะหรือเลิกนิสัยตื่นแล้วกลับไปนอนต่อได้ง่ายมากขึ้นด้วย สุดท้ายนี้ไม่ว่าทุกคนรวมถึงตัวผู้เขียนเอง อยากที่จะประสบความสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายในเรื่องใดก็ตาม กุญแจสำคัญของความสำเร็จนั้นๆ ต้องอาศัยเพียงความมีวินัยและความสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับคำคมที่เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า “Consistency is the Key to Success” หรือ "ความสม่ำเสมอคือกุญแจที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ" เพราะฉะนั้นการทำสิ่งที่ดูเหมือนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเราเพียงเล็กน้อยในวันนี้ อาจไม่ส่งผลลัพธ์ให้เราเห็นได้ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ทว่าหากเราลงมือทำสิ่งเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอได้ในทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านั้นจะค่อยๆ ผลิดอกออกผลกลายเป็นผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ให้เรารู้สึกภาคภูมิใจได้อย่างแน่นอน Referencesภาพปก: ภาพปก จาก Canva โดย Anton Estradaภาพประกอบ: ภาพที่ 1 จาก Canva โดย grinvaldsภาพที่ 2 จาก Canva โดย mariasymchychphotosภาพที่ 3 จาก Canva โดย Monster Ztudioภาพที่ 4 จาก Canva โดย Makidotvnภาพที่ 5 จาก Canva โดย Galina Zhigalovaออกแบบภาพทั้งหมด จาก Canva โดย kadewhips (ผู้เขียน)เนื้อหาทั้งหมด โดย kadewhips (ผู้เขียน)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !