คุณเคยสงสัยแบบเรามั้ยว่า กะหล่ำดอก กับบร็อกโคลีอะไรมีประโยชน์มากกว่ากัน ? ด้วยราคาบรอกโคลีที่แพงกว่า กะหล่ำดอก ประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม ไม่รู้ว่าเพราะบรอกโคลีเป็นผักที่มีถิ่นฐานมาจากอิตาลี หรือเพราะบรอกโคลีมีประโยชน์มากกว่า เลยมีราคาแพงกว่า ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ? วันนี้เราจะพาคุณไปเปรียบเทียบ คุณค่าทางสารอาหารของ กะหล่ำดอก กับ บรอกโคลี ว่าอะไรมีประโยชน์มากกว่ากัน ?สำหรับเราขอเดาว่า บรอกโคลีน่าจะมีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่า เนื่องจากบรอกโคลีมีสีเขียว และมีราคาแพงกว่า เรามาดูกันเลยค่ะ กะหล่ำดอก และบรอกโคลี อะไรมีประโยชน์มากกว่ากัน ?กะหล่ำดอก และบรอกโคลีมีวิตามินเคสูง วิตามินเค (Vitamin K) เรารู้จักตั้งแต่เด็ก ๆ ว่ามันช่วยให้เลือดหยุดไหล ป้องกันเลือดไหลไม่หยุด ถ้าใครคิดภาพไม่ออก ลองจินตนาการว่าถ้าคนสองคนถูกมีดบาดเหมือนกัน ตำแหน่งและความลึกของแผลเท่ากัน คนหนึ่งไม่มีอาการขาดวิตามินเค เลือดหยุดไหลได้ภายใน 2 นาที ในขณะที่อีกคนหนึ่งขาดวิตามินเค อาจต้องใช้เวลาถึง 10 กว่านาทีที่เลือดจะหยุดไหล นอกจากวิตามินเคจะช่วยป้องกันเลือดไหลไม่หยุดแล้ว ยังช่วยป้องกันกระดูกเปราะบางอีกด้วยเรามาดูกันค่ะ ว่า ระหว่างกะหล่ำดอก และบรอกโคลีอะไรมีวิตามินเค สูงกว่ากัน เราไปตามหาข้อมูลในเว็บกรมควบคุมอาหารของประเทศสวีเดน โดยเปรียบเทียบปริมาณวิตามินเค ในกะหล่ำดอก และบรอกโคลีในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน พบข้อมูลดังนี้ค่ะกะหล่ำดอก มีวิตามินเค 27 ไมโครกรัม หรือ 0,027 มิลลิกรัม เทียบเท่าประมาณ 36% ของปริมาณวิตามินเคที่ควรได้รับต่อวันบรอกโคลี มีวิตามินเค 110 ไมโครกรัม หรือ 0.11 มิลลิกรัม เทียบเท่าประมาณ 147% ของปริมาณวิตามินเคที่ควรได้รับต่อวันความสำคัญของวิตามินเคตรงนี้ สำหรับสาว ๆ ที่ประจำเดือนมามาก ก็สามารถใช้ประโยชน์จากวิตามินเคในกะหล่ำดอก และบรอกโคลีได้นะคะ กินอาหารพวกนี้ก็จะช่วยทำให้เลือดไม่ออกมากจนเกินไป กะหล่ำดอก และบรอกโคลีมีวิตามินซีสูง นอกจากกะหล่ำดอก และบรอกโคลีจะมีวิตามินเคสูงแล้ว ยังมีวิตามินซี และโฟเลตสูงมากอีกด้วย ประโยชน์ของวิตามินซีคงน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว เรามาดูกันเลยค่ะว่าอะไรมีวิตามินซีสูงกกว่ากัน เราเปรียบเทียบปริมาณผักทั้งสองชนิดในปริมาณ 100 กรัมเท่ากันนะคะกะหล่ำดอก มีวิตามินซี 79,1 มิลลิกรัม เทียบเท่าประมาณ 98,9% ของปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวันบรอกโคลี มีวิตามินซี 83 มิลลิกรัม เทียบเท่าประมาณ 103,8 % ของปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวันนอกจากกะหล่ำดอก และบรอกโคลีจะมีวิตามินเค และวิตามินซีสูงแล้ว ยังมี วิตามินบี 9 หรือโฟเลตค่อนข้างสูง ซึ่งวิตามินบี 9 หรือ โฟเลตช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง และสร้างเซลล์ใหม่ โดยในบรอกโคลีมีโฟเลตสูงกว่ากะหล่ำดอกสองเท่า ( ในปริมาณ 100 กรัม กะหล่ำดอกมีโฟเลต 44% และบรอกโคลีมี 87 % ของปริมาณโฟเลตที่แนะนำต่อวัน) นอกจากนั้นในทั้งกะหล่ำดอกและบรอกโคลีมีธาตุเหล็กสูงพอ ๆ กับทับทิมซึ่งเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ควรกินบำรุงเลือด อ่านต่อได้ใน 9 ผลไม้บำรุงเลือด มีธาตุเหล็กสูง ลดอาการอ่อนเพลีย ช่วงมีประจำเดือน (trueid.net)หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าถ้าบรอกโคลีมีวิตามินซีสูงขนาดนี้ กินบรอกโคลีแค่ 100 กรัมก็น่าจะได้วิตามินซีเกินปริมาณที่ควรได้รับต่อวันแล้ว จริง ๆ ก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่วิตามินซีจะไวต่อความร้อนมาก ยิ่งใช้ความร้อนมากและนานในการทำอาหาร วิตามินซีก็จะถูกทำลายมากเท่านั้น ดังนั้นเราอาจจะต้องไปกินผลไม้เพิ่มวิตามินซี ก็อ่านต่อในบทความเรื่องผลไม้ต่าง ๆ ที่เราเคยแชร์ไปแล้วเมื่อเรารู้ความสำคัญ และปริมาณของวิตามินต่าง ๆ ในกะหล่ำดอก และบรอกโคลีแล้ว สำหรับผู้หญิงใครที่ประจำเดือนมามากกว่าปกติ จะเลือกบร็อกโคลีมาผัดกุ้งกินช่วงวันนั้นของเดือนก็ได้ สำหรับเราไม่ได้มีปัญหาประจำเดือนมามาก แต่เราก็ยังชอบบรอกโคลีผัดกุ้งเพราะเรารู้สึกว่าเป็นอะไรที่เข้ากัน แต่วันนี้เลือกกะหล่ำดอก มาผัดหมูแทน เพราะไม่ได้เน้นวิตามินเคมาก แถมกะหล่ำดอกมีราคาถูกกว่ากันพอสมควร วัตถุดิบ และวิธีทำก็ง่ายมาก มีเพียงหมูหั่นเป็นชิ้น กะหล่ำดอก ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามชอบ มะเขือเทศหนึ่งลูกสำหรับเพิ่มสีสัน กระเทียมสับ น้ำมันพืชเล็กน้อย วันนี้เลือกใช้น้ำมันที่เหมาะกับการผัดค่ะ วิธีเลือกน้ำมันพืชอ่านต่อได้ เปรียบเทียบปริมาณไขมันในน้ำมันพืช 6 ชนิด เลือกอย่างไร ลดเสี่ยงโรคอ้วน ไขมันสูง โรคหัวใจ (trueid.net)เครื่องปรุง เช่น รสดี ซอสหอยนางรม น้ำปลา กะหล่ำดอก เป็นผักที่แคลอรี่ต่ำ กินได้ไม่อ้วน เพราะในกะหล่ำดอก 100 กรัม ให้พลังงานเพียงแค่ 24 กิโลแคลอรี่เท่านั้น ซึ่งแคลอรี่น้อยกว่าผลไม้แคลอรี่ต่ำอย่างแตงโมซะอีก อ่านต่อได้ใน 10 ผลไม้ น้ำตาลน้อย แคลอรี่ต่ำ สำหรับคนต้องการคุมน้ำหนัก (trueid.net)โดยส่วนตัวเราเอง เคยมีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน เวลากินผัดกะหล่ำดอกเข้าไปจะรู้สึกว่าลมในท้องเยอะ ทำให้บางครั้งรู้สึกอึดอัดไม่สบายท้อง เราจึงหันไปกินบรอกโคลีแทน ซึ่งเรารู้สึกว่าการกินบรอกโคลีไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องลมในท้องมากนัก แต่ช่วงหลัง ๆ เราไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน เราจึงหันมากินผัดกะหล่ำดอกเป็นครั้งคราว แม้บรอกโคลีจะไม่มีปัญหาเรื่องลมในท้อง แต่อาจจะต้องระวังในคนที่กินยาสลายลิ่มเลือด เช่น คนที่มีปัญหาโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน ที่หมอให้กินยาต่อเนื่อง เพราะบรอกโคลีมีวิตามินเคสูงมาก เสี่ยงที่จะทำให้เลือดเป็นลิ่มง่าย ทำให้ยาสลายลิ่มเลือดที่กินเข้าไปได้ผลลดลง ดังนั้นอาจจะต้องระวังเป็นพิเศษนะคะสำหรับคนท้องการกินบรอกโคลีจะดีต่อสุขภาพของตัวเองและลูกมากกว่าการกินกะหล่ำดอก เพราะวิตามินบี 9 หรือ โฟเลตจะดีต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและเซลล์ใหม่ เราเองไปเดินซื้อผัก คิดสงสัย เลยเอามาเปรียบเทียบกันดู เพราะเห็นกะหล่ำดอก และบรอกโคลีมีลักษณะคล้ายกัน แต่ไม่รู้ว่าอะไรมีประโยชน์มากกว่า คราวนี้รู้แล้ว ก็เลือกเอาค่ะว่าเราควรจะรับประทาน กะหล่ำดอก หรือ บรอกโคลี วันนี้ขอตัวไปกินกับข้าวฝีมือตัวเองก่อน แล้วจะมาแชร์เรื่องผักและผลไม้อื่น ๆ ให้อ่านกันใหม่นะคะปล. ไม่ค่อยมีฝีมือทำอาหาร เป็นสูตรมั่ว ๆ แล้วแต่จะใส่ของตัวเอง เลยไม่กล้าเอาสูตรมาฝาก 😉บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ https://women.trueid.net/detail/grEx0xWjjdqLhttps://women.trueid.net/detail/PNeQ3JPJy43Nhttps://food.trueid.net/detail/Glv5VOvvKdjohttps://food.trueid.net/detail/Y9n3mDENVnW8อ้างอิงข้อมูลจาก กรมควบคุมอาหารของประเทศสวีเดนเครดิต ภาพปก และภาพประกอบบทความทั้งหมด โดยผู้เขียนBy Nurseonomy เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !