เคยเป็นเหมือนกันไหมเวลาเราต้องตื่นนอนลุกไปทำงานนั้นทำให้เรารู้สึกอยากนอนต่อ ง่วงก็ง่วง นั่นเป็นเพราะร่างกายของเรานอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อันเกิดมาจากเรานอนหลับดึก แต่ต้องมีภารกิจในตอนเช้า บางคนไม่นอนเลยก็มี หากเราทำเป็นประจำแน่นอนครับ ย่อมส่งผลให้ในอนาคตแน่นอนอาจก่อให้เกิดโรคต่างๆที่เกิดมาจากการนอนน้อยตามมาอีกด้วย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจเป็นต้น แต่เมื่อเรารู้แล้วหลายคนก็พยายามปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นดูบ้าง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที ดังนั้นในวันนี้ผมจีงอยากแนะนำ 6 ข้อในการปรับการนอนของเราให้นอนเร็วขึ้นสำหรับคนนอนหลับยากหรือมีปัญหากับการนอน ลองมาฟังกันดู.. 1. กำหนดเวลานอนให้ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง มาที่ขั้นแรกเลยครับ เราต้องกำหนดเวลานอนอย่างจริงจัง คือเราต้องรู้ก่อนว่าโดยเฉลี่ยแล้วเรานอนประมาณกี่โมง ต้องมั่นคอยสังเกตเวลานอนคร่าวๆของเราและสังเกตดูว่านอนกี่โมงถึงจะนอนหลับตื่นมาแล้วไม่ง่วง ( แบบตั้งเวลาปลุกไว้ทุกๆ 5 นาทีแล้วนอนต่ออะนะ 55++ ) พอเรารู้ถึงเวลาที่เหมาะสมกับการนอนหลับของเราแล้ว จากนั้นเราก็จัดการกิจวัตรประจำวันให้เสร็จๆไว เพื่อเตรียมเข้านอน แนะนำเวลาที่เหมาะสมของคนเรานั้นไม่ควรเกิน 22.00 น. เพราะจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการนอนเต็มที่ส่งผลให้หลับสนิทและควรตื่นนอนช่วง 06.00น.-08.00น. ควรทำเป็นประจำ เพื่อไม่ให้นาฬิกาของชีวิตเราสับสนและร่างกายพักผ่อนได้เต็มที่ ข้อนี้ผมลองแล้วปรากฏว่าตื่นมาสดชื่น รู้สึกนอนเต็มอิ่มและไม่ง่วงระหว่างวันครับ 2. ไม่หลับก่อนเวลาที่กำหนดไว้ ไม่ควรงีบหลับนานในตอนกลางวัน ควรหาเครื่องดื่มที่กระตุ้นสมอง อาจจะเป็นพวกชาหรือกาแฟ ผลไม้รสเปรี้ยว เป็นต้น หรือถ้าง่วงก็อาจจะออกไปล้างหน้าซักหน่อย เผื่อจะได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าไม่ไหวจริงก็งีบได้ครับ แต่ไม่ควรเกิน 30 นาทีนะ โดยตั้งเวลาปลุกไว้ เพื่อไม่ให้เกินว่า 30 นาที โดยทั่วไปผมจะชอบดื่มกาแฟหรือไม่ก็อมลูกอมรสเปรี้ยวครับ ลองแล้วได้ผลดีชะงักเลยทีเดียวแหละ3. งดเล่นมือถือหรือเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ควรงดเล่นมือถือหรือโซเซียลต่างๆ ก่อนเข้านอนอย่างน้อย 30 นาที เพื่อทำให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้นไม่มีสิ่งมาก่อกวนจิตใจของเราก่อนนอน อีกอย่างมือถือที่เราใช้งานนี้มีแสงสีฟ้าจากจอ ส่งผลให้ร่างกายของเรารับรู้ว่ายังไม่มืดและหลั่งสารเมลาโตนิน ทำให้หลับยากขึ้นนั่นเอง ข้อนี้สําหรับผมแล้วจะทํายากหน่อยเพราะเป็นคนติดมือถือมากๆ เลยใช้วิธีในข้อถัดไปเลยครับ 4. หรือติดมือถือจริงๆ ก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์เถอะ… เปิดยูทูปหรือเทปเสียงอะไรก็ได้ เปิดเบาๆผ่อนคลายสบายหู ฟังเรื่องที่เราชอบหรืออาจจะเป็นเสียงดนตรี จังหวะหรือทำนองอะไรก็ได้ที่ทำให้เราเคลิ้มหลับ ส่วนตัวผมชอบฟังแนวเรื่องเล่าสยองขวัญ ระทึกขวัญ หรือไม่ก็รายการของอาจาร์ยยอดครับ (ฟังก่อนนอนประจำครับ555++) สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยกล่อมให้เราหลับได้ไม่มากก็น้อยเลยแหละครับ สําหรับผมแล้วพอได้ฟังแล้วสักพักจะเคลิ้มหลับไปเองครับ คําแนะนําในการใช้หูฟัง เมื่อเปิดเสียดังเป็นอันตรายต่อรูหู จึงไม่ได้ยินเสียงข้างนอก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อภายในหูได้ 5. ไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆก่อนเข้านอน ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อหนักๆ จนเกินไป อย่างเช่น ข้าวขาหมู หมูกระทะ หรือพวกเนื้อต่างๆ เป็นต้น เพราะจะทำให้กระเพาะของเรานั้นย่อยยากและทำงานหนักเกินไปหรือดื่มน้ำในปริมาณมากๆ หรือเครื่องดื่มต่างๆที่ทำให้หลับยากขึ้น เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน พวกชาหรือกาแฟต่างๆ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพราะจะทำให้เราหลับไม่สนิทและอาจตื่นมาในกลางดึกได้ ส่งผลให้เรานอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งให้อาจก่อเกิดโรคต่างๆอันสืบเนื่องมาจากการนอนน้อยในอนาคตได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น ควรทิ้งระยะเวลาหลังจากมื้ออาหารเย็นไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนนอนและควรปัสสาวะก่อนนอนทุกครั้ง เพื่อการพักผ่อนนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อนี้ผมลองแล้วปรากฏว่าไม่ลุกตื่นขึ้นปัสสาวะตอนกลางดึก ทําให้ได้นอนต่อเนื่องและตื่นขึ้นมาแบบสดชื่น ความงัวเงียเป็นศูนย์เลยครับ6. ท่านอนก็สำคัญไม่แพ้กัน คนเราควรจัดท่านอนให้เหมาะสมกับการนอนหลับ เป็นท่าที่นอนแล้วรู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว เพื่อการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพและการหลับพักผ่อนที่เพียงพอร่างกายจะทำให้กระปรี้กระเปร่า จิตใจสดชื่นเบิกบาน ท่านอนที่อยากแนะนำในวันนี้ คือ ท่านอนหงาย หรือ นอนตะแคงซ้าย เพราะการนอนตะแคงซ้ายจะส่งผลดีกับกระดูกสันหลังและช่วยการนอนหลับนั่นดีขึ้น ช่วยระบบย่อยอาหาร การนอนตะแคงซ้ายช่วยให้กระเพาะอาหารและตับอ่อนอยู่ในที่ ๆ ถูกต้องและยังช่วยให้ของเสียเคลื่อนที่เข้าสู่ลำไส้ใหญ่เพื่อขับถ่ายในตอนเช้าและยังเหมาะสมกับสตรีมีครรภ์ด้วยนะ ในส่วนนี้ผมชอบนอนหงายครับ เพราะบางทีการนอนตะแคงนานๆแขนเราอาจถูกทับเป็นเวลานาน ตื่นมาอาจจะปวดแขนได้ แต่เอาท่าที่เราสะดวก นอนสบายเลยครับ เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับ 6 ข้อ ในการช่วยปรับเวลานอน สําหรับผมแล้วก็จะยากในตอนเริ่มต้นแต่หากเราตั้งเป้าหมายและลงมือทํามันด้วยความพยายามแล้วผลที่ออกมานั้นย่อมดีเกินคาด โดยส่วนตัวจากเดิมผมนั้นเป็นคนที่มีอารมณ์ขี้หงุดหงิดง่าย ฉุนเฉียว สมองเบลอในบางครั้ง หลังจากได้ลองนําวิธีทั้ง 6 ข้อมาปฏิบัติแล้วก็รู้สึกว่าตนเองอารมณ์แจ่มใสมากขึ้น สมองปลอดโปร่งมากกว่าเดิมครับ แต่เราก็ควรมีวินัยในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์และสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ชีวิตของเราทั้งหน้าที่การงาน สังคม ก็จะดีขึ้นตามมาเป็นลำดับนั่นเองครับ ภาพปก โดย Sammy-Sander จาก Pixabay ตกแต่งเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ canva.comภาพที่ 1 โดย Nattanan Kanchanaprat จาก Pixabayภาพที่ 2 โดย Engin Akyurt จาก Pixabay ภาพที่ 3 โดย DanFa จาก Pixabayภาพที่ 4 โดย 지원 이 จาก Pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !