พลังงานความถี่การสั่นสะเทือนส่งผลต่อชีวิตเราอย่างไร (บทความสุขภาพจิต) ภาพจาก: WiKiImages /pixabay ท่านเคยสงสัยไหมว่า? ชีวิตเราแต่ละคนที่พบเรื่องดีๆและเรื่องแย่ๆที่แตกต่างกันออกไปนั้นเป็นเพราะว่าแต่ละคนอยู่ท่ามกลางพลังงาน ความถี่และการสั่นสะเทือนที่แตกต่างกันนั่นเอง หากเราเข้าใจเรื่องเหล่านี้จะสามารถปรับตัวให้อยู่ในพลังงานความถี่และการสั่นสะเทือนในทางที่ดีได้ จะช่วยให้ชีวิตมีคุณค่าและดีงามได้ยิ่งๆขึ้น พลังงาน( Energy )ความถี่( frequency )และการสั่นสะเทือน(vibration) ส่งผลต่อชีวิตมนุษย์เรามากมาย การที่โลกหมุนรอบตัวเอง ดวงจันทร์หมุนรอบโลก โลกเราหมุนรอบดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ทุกดวงหมุนอยู่ในระบบสุริยจักรวาลนับล้านปีโดยไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั้น ล้วนมีพลังงานที่ยิ่งใหญ่ดึงดูดระบบนี้เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากพลังงานแล้ว ยังมีคลื่นความถี่อีกมากมายเช่นคลื่นวิทยุ วิทยุโทรทัศน์ที่มีนับหมื่นคลื่น และแต่ละคลื่นก็อยู่ในความถี่ที่ไม่ซ้ำกัน จึงมีช่องสถานีวิทยุและวิทยุโทรทัศน์มากมายทั่วโลก นอกจากนั้นสัตว์ต่างๆก็รับคลื่นความถี่ได้ต่างกัน เช่นปลาวาฬและสุนัขรับคลื่นความถี่ในสิ่งที่มนุษย์รับไม่ได้ เฉกเช่นเดียวกับพระอริยสงฆ์และอรหันต์ทั้งหลายที่ได้อภิญญา(มีหูทิพย์ ตาทิพย์ หยั่งรู้จิตใจผู้อื่นได้ ระลึกชาติได้ มีอิทธิวิธี และละกิเลสได้) ก็รับคลื่นความถี่ต่างๆที่คนทั่วไปรับไม่ได้ ล้วนเป็นเรื่องของพลังงานความถี่และการสั่นสะเทือนเช่นกัน นอกจากนั้นการสั่นสะเทือนก็สัมพันธ์กับพลังงานและความถี่ด้วยเช่นกัน กล่าวคือทุกสรรพสิ่งทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ทั้งมีชีวิตและไร้ชีวิตล้วนมีการสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะจิตใจมนุษย์นั้นมีการสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา มีเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป นับครั้งไม่ถ้วนเป็นสันตติต่อเนื่องอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นเมื่อมีการสั่นสะเทือนจึงต้องกระเทือนถึงสรรพสิ่งต่างๆที่แวดล้อมอยู่เช่นกัน เช่นเมื่ออยู่กับคนจิตใจดีมีเมตตาพลังงานก็เปี่ยมสุข ตรงกันข้ามเมื่ออยู่ใกล้คนอิจฉาริษยาก็เป็นพลังงานด้านลบนั่นเอง มีคำกล่าวที่ว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว เพียงแต่ประสาทสัมผัสการรับรู้ของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการสั่นสะเทือนในแต่ละระดับเท่านั้นเอง ภาพจาก : ParallelVision /pixabay มนุษย์ทุกคนเป็นเสมือนโรงงานผลิตทั้งเครื่องรับและเครื่องส่งพลังงาน ความถี่ และการสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการปรุงแต่งทางความคิดจากการทำงานของปสาทรูป5คือ หู ตา จมูก ลิ้นและกาย ร่วมกับจิต(ธรรมชาติที่รับรู้อารมณ์) และเจตสิก(ธรรมชาติที่ปรุงแต่งอารมณ์) ทั้งคิดดีคิดไม่ดีโดยเฉพาะโลภะโทสะโมหะ จะส่งผลต่อการสั่นสะเทือนความเลวร้ายในชีวิตส่วนตัวครอบครัวและสังคม ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่จะพบว่า เด็กเกเรก็จะคบกับเด็กเกเร เด็กขยันเรียนก็มักจะรวมกลุ่มกับเด็กขยันเรียน คนดีก็รวมกลุ่มกับคนดี คนชั่วก็มักจะรวมกลุ่มกับคนชั่ว นั่นเป็นเพราะว่าพลังงานความคิดของคนเหล่านั้นอยู่ในคลื่นความถี่เดียวกันนั่นเอง สำหรับผู้ป่วยจิตเวชโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นจะมีความคิดลบต่อทั้งตัวเองผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม โดยคิดวนไปวนมาอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นคลื่นความถี่จึงเป็นคลื่นลบๆทั้งสิ้น จนกระทั่งทำให้จิตใจหม่นหมองถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายในที่สุด ดังนั้นหนึ่งในวิธีรักษาผู้ป่วยเหล่านี้นักสุขภาพจิตจะชี้ชวนให้เขาเหล่านั้นหันมาคิดด้านดีหรือคิดบวกต่อทั้งตนเองผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม นั่นก็คือการปรับพลังงาน การสั่นสะเทือนและความถี่ให้มาอยู่ในคลื่นแห่งความดีงามและสงบสุขนั่นเอง การจะใช้พลังงานความถี่และการสั่นสะเทือนมาเพื่อสร้างความดีงามในการดำรงชีวิตนั้นสามารถทำได้ด้วยการ 1)คิดดีพูดดีทำดีโดยเฉพาะการคิดดีจะส่งพลังงานดีๆเหล่านั้นไปสู่ตัวเองผู้อื่นและสิ่งแวดล้อมและทั่วจักรวาล จักรวาลจะรับรู้ถึงพลังงานและส่งคลื่นที่ดีมาถึงมนุษย์เราเช่นกัน 2)การเจริญภาวนาทั้งสมถะภาวนาและวิปัสสนาภาวนาตามแนวพระพุทธศาสนาจะช่วยให้จิตใจสงบและปรับพลังงาน ความถี่และการสั่นสะเทือนในทางที่ดีงามจนถึงขั้นได้อภิญญานั่นเอง ภาพจาก DuongNgoc /pixabay ดังนั้นการคิดดี พูดดี ทำดีอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับเจริญภาวนาจะช่วยให้จิตใจสงบและเกิดปัญญา เป็นการปรับพลังงาน ความถี่และการสั่นสะเทือนในทางที่ดีงามในตัวเรา เพื่อให้ชีวิตพบแต่สิ่งที่ดีงามทั้งทางโลกและทางธรรมในที่สุดภาพปก : Myriams-Fotos /pixabay รศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสื่อสารสุขภาพจิตและศาสนาปรัชญานักเขียนสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มติชน,อมรินทร์ธรรมะ,ซีเอ็ด,ดีเอ็มจีและวิชบุ๊คประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรwuttipong academy,ไอดีไลน์ac6555 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !