เรียนตามตรงว่าตอนแรกผมตั้งใจจะเขียนบทความเพื่อผู่ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง แต่พอได้ใช้เวลาคิดทบทวนหลายต่อหลายรอบ ผมมองว่า โรคเส้นเลือดในสมองตีบ หรือ Stroke ได้เปลี่ยนวิธีคิดของผมเอง แล้วผมควรจะแบ่งปันแนวคิดนี้สู่คนปกติด้วยเห็นจะดีกว่า ในการนี้ผมต้องกราบขอบพระคุณทางทรูที่อนุมัติบทความเรื่องโรคหลอดเลือดในสมอง (โดยเฉพาะวัยรุ่น) เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่า “ทุกคนห้ามประมาทไม่ว่าจะช่วงวัยใดก็ตาม” (Cr: by drobotdean from https://bit.ly/3av3Fyw) แม้ว่าคุณผู้อ่านบางท่านอาจยังอายุไม่มาก -> นั่นไม่ได้เป็นหลักประกันว่าคุณจะไม่มีโอกาสป่วย โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมอง (Cr: by macrovector from https://bit.ly/3cC2LCg) เป็นที่ทราบดีว่าโรคหลอดเลือดสมองส่วนใหญ่ ผลของอาการป่วย -> ไม่เสียชีวิต ก็พิการครับ ซึ่งผมน่าจะเป็นส่วนน้อยที่กลับมาใช้ชีวิต + ทำงานได้ เฉกเช่นคนปกติ (เหลือแค่วิ่ง) แต่ที่เพิ่มเติม คือ ตารางกายภาพ วินัย และสติครับ ที่ยิ่งไปกว่านั้น หลายท่านมองว่าแหมือนผมตายแล้วเกิดใหม่ ใช่ครับ! เรียกว่า “ปฏิวัติ” ตัวเองจะเหมาะสมกว่าครับ ไม่ว่าจะเป็นนิสัย และ/หรือวิธีคิดเปลี่ยนหมด ที่ไม่เปลี่ยนเลยคือ นิสัย “รักการอ่าน” โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ยังชอบอ่านเหมือนเดิม มาครับผมจะมาอธิบายเป็นข้อ ๆ ว่า 2 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน แนวคิดผมเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง 1.ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ (ตามภาพด้านล่าง-> ขนาดคำว่าว่า Impossible ยังมีคำว่า [i'm] possible อยู่เลย) (Cr: by kjpargeter from https://bit.ly/2vKD4i5) จาก(ผม)อดีตผู้ป่วยที่บุคลากรทางแพทย์ประเมินว่าผมมีโอกาสรอดเพียง 10% แต่ตอนนี้ผมกลับมาใช้ชีวิตได้เสมือนคนปกติ ทั้งหมดทั้งมวลนอกจากกำลังใจจากผู้อื่น เราต้องมีกำลังใจให้ตัวเอง มะม้าผมพูดเสมอว่าชีวิตผมจากนี้ คือ กำไรล้วน ๆ ดังนั้น (ผม) ต้องคืนกำไรเหล่านี้สู่สังคม 2. จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว (ท่านอดีตคณบดีและคณบดีคนปัจจุบันของผมได้กล่าวไว้ว่า) "ไม่ว่าในสถานการณ์เป็นแบบใด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ชีวิตกต่ำ -> จิตใจย่อมจมดิ่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า? ในสภาวะแบบนี้ จิตใจของผู้ป่วย เช่น ตัวผมเองและคนรอบข้างต่างต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกันมากที่สุด" ผู้อ่านคงอยากทราบว่า ผู้ป่วยจะให้กำลังใจคนรอบข้างอย่างไรในสภาวะที่ประสบอยู่ กลับกันจะเป็นภาระเสียมากกว่า ไปอ่านข้อต่อไปกันครับ 3. ภาระ vs กำลังใจ ส่วนตัวผมนิยาม “ภาระ” และ “กำลังใจ” ไว้ต่างกัน กล่าวคือ ภาระนั้นผู้อ่านอาจมองว่าการมีชีวิตอยู่ต่อไปเป็นอุปสรรคกับผู้ดูแล นั่นอาจจะเพราะ ผู้ดูแล/คนรอบข้างกำลังเปรียบเทียบ(ร่างกายของ)ผู้ป่วยก่อนกับหลังประสบเหตุ ตัวผู้ป่วยก็เช่นกันมักเปรียบเทียบตัวเองก่อนป่วยกับหลังป่วย จริง ๆ เราต้องยอมรับตัวเองว่า เราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เราใช้ร่างกายมาเปลืองมากแล้ว: จะเดิน จะเหินอะไร ก็จำเป็นต้องระวัง ดังนั้นเฝ้าบอกตัวเองว่า “อย่าเพิ่งยอมแพ้” ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจงกายภาพ - การลุกขึ้นมากายภาพจึงน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้ของผู้ป่วยและเปรียบเป็นน้ำทิพย์ต่อตัวเองและชโลมจิตใจผูดูแลและผู้อื่นอย่างอัตโนมัติ แต่ในทางตรงกันข้ามการนอนนิ่งเฉยนั่นแหล่ะภาระ (Cr: by macrovector_official from https://bit.ly/2uLdxVz) 4.ไม่มีความพยายามใดที่ลงทุนไปแล้วสูญเปล่า กว่า 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งตัวผมไม่เคยหยุดกายภาพเลย วันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามันคุ้มครับ ได้มีโอกาสกลับมาทำประโยชน์ได้อีกครั้ง (Cr: freepik from https://bit.ly/38u16vh) 5. การมีฃีวิตอยู่มีค่าเสมอเพราะ เรามีโอกาสในการทำประโยชน์ให้ผู้อื่นไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อย่างน้อยการมีชีวิตต่อ (ดำเนินชีวิตต่อด้วยข้อจำกัดทางกาย) ย่อมเป็นตัวอย่างที่ดีว่า เราเลือกที่จะสู้ต่อไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง 6. งานประจำไม่มีทำ ไม่ได้แปลว่าเราไร้ความสามารถ อย่างน้อยก็มี True ID ที่เปิดโอกาสให้ใครหลายๆคนมีรายได้พิเศษในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ 7. ห้ามประมาทในชีวิตอีกเพราะบทเรียนที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าเราประมาทในชีวิตเกินไป 8. เป็นได้ ก็หายได้ครับ 9. ร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่ข้ออ้างของการไม่ทำความดี ผมเชื่อว่าเบื้องบนเห็น เมื่อเราเจตนาดี ลงมือทำดี ความดีจะเป็นเกราะป้องกันและช่วยเหลือเปรียบเสมือนมือที่มองไม่เห็นคอยช่วยเหลือเราในยามที่เราต้องการเสมอ (โดยไม่จำเป็นต้องร้องขอ) 10. ฟังเสียงร่างกายตัวเองเสมอ ถ้าร่างกายบอกเหนื่อยหรืออยากพัก จงพักครับ เมื่อทุกคนล้วนเกิดจากธรรมชาติ เสมือนเราขอยืมร่างกายจากธรรมชาติ หากเราดูร่างกาย(ทรัพย์สิน)ที่ยืมไม่ดีผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิเรียกคืน ถึงเวลาเราจะไม่คืนย่อมไม่ได้ เพราะใดๆ ในโลกล้วนมีอายุไข (Cr: by jcomp from https://bit.ly/2VLJh8d ) 11. ความตายใคร ๆ ก็ต้องประสบเข้าสักวัน การคิดสั้นไม่ใช่ทางออก กลับกันผมมองว่าเป็นการหนีปัญหาที่ไม่น่าให้อภัย ในทางพุทธศาสนาน่าจะถือเป็นหนี้กรรมเฉพาะตัว ส่วนหนี้ทางแพ่ง (กฎหมาย) ไม่ระงับนะครับ เพราะมันจะตกติดไปยังทายาทตาม กฎหมายแพ่ง: บรรพมรดก! กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ปัญหามีไว้ให้แก้ครับ ไม่ใช่หนี 12. ความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่แน่นอนเสมอ หากบทความชินนี้ยังพอมีประโยชน์ต่อใครหลาย ๆ คนโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สู้ครับ และขอให้ผลบุญจากการอ่านนี้อุทิศแก่บรรดาผู้ป่วยเหล่านั้นครับ -สาธุ- รับมอบมง //ไม่ตลก! เครดิต ปกโดย vectorhero99 จาก https://bit.ly/2Ib19Bk