ภาพปกโดย Nadine Primeau จาก unsplash ลิงก์ https://unsplash.com/photos/LVbK9CdrRbM ความเชื่อของฝรั่งในราวทศวรรษที่ 70 ก็คือ “An apple a day, keeps the doctor away.” หรือ "กินแอปเปิลวันละลูก ไม่ต้องไปหาหมอ" ซึ่งคนไทยก็รับความเชื่อนี้สืบต่อมาด้วย ทว่าในปัจจุบันจากรายงานบางชิ้น อาทิ https://bit.ly/2NnjuhK ได้แสดงให้เห็นว่ามะเขือเทศมีวิตามินและเกลือแร่มากกว่าแอปเปิลอย่างชัดเจน รวมทั้งในหนังสือ The 100 Simple Secrets of Healthy People โดย ดร.เดวิด นิเวน หนึ่งใน 100 ความลับนั้น ก็คือการรับประทานมะเขือเทศวันละลูก ดีกว่าการกินแอปเปิลวันละลูกอย่างที่เชื่อกันมาภาพโดย Joshua Rao จาก unplash ลิงก์ https://unsplash.com/photos/JJesH9QxBK4 สารสำคัญที่เปลี่ยนให้มะเขือเทศเป็นสีแดง ซึ่งมีชื่อว่า ‘ไลโคปีน’ นี้ คือกุญแจที่ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งและหัวใจ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอันปกป้องร่างกายของเราจากความเสียหายของเนื้อเยื่อ และถ้าถามว่ามะเขือเทศคือผักหรือผลไม้ ก็ต้องตอบว่ามะเขือเทศคือผลไม้ เพราะคือส่วนของรังไข่ที่เจริญเติบโตเต็มที่ของพืชดอก น้ำมะเขือเทศแบบ Home made ภาพโดย Dennis Klein จาก unsplash ลิงก์ https://unsplash.com/photos/FzB_512zvP0 ที่สำคัญกว่านั้นก็คือขณะที่ผักและผลไม้มีคุณค่าขณะที่ยังดิบ แต่มะเขือเทศยังสงวนคุณค่าไว้ได้หลังการปรุง และข้อสำคัญอีกอย่างคือหลังการปรุง มะเขือเทศจะเพิ่มไลโคปีนมากขึ้นถึง 2-3 เท่า นอกจากประโยชน์ของมะเขือเทศที่รู้ๆ กันอยู่ คือ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงสายตา และช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจแล้ว มะเขือเทศยังช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%, ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์, ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน, มีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ, ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนั้น ซอสมะเขือเทศยังบรรเทาความเจ็บปวดจากบาดแผล เช่น มีดบาดหรือหกล้มได้ รวมทั้งลดความเสี่ยงจากมะเร็งรังไข่ในหญิง และลดความเสี่ยงจากมะเร็งลูกหมากในชายด้วย ฉะนั้น การรับประทานมะเขือเทศสักสัปดาห์ละ 5 ลูก ไม่ว่าจะในรูปแบบของอาหารที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศ ซุปมะเขือเทศ หรือน้ำมะเขือเทศ โดยเฉพาะน้ำมะเขือเทศที่ทำขึ้นมาเอง จะช่วยในเรื่องการรักษาสุขภาพของเราอย่างง่ายๆ ได้ไม่น้อยเลย ซุปมะเขือเทศ ภาพโดย Jenn Kosar จาก unsplash ลิงก์ https://unsplash.com/photos/k5VGs9qQubc