การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันนี้เป็นไปได้อย่างยากลำบากมากเพราะถูกกดดันจากสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะมาจากครอบครัว การทำงาน หรือแม้แต่สังคมภายนอกจึงทำให้ส่งผลต่อสุขภาพจิตเลยไปถึงสุขภาพกายตามลำดับ ซึ่งวันนี้จึงมีหลักการคิดแบบ Positive thinking ง่ายๆ เพื่อส่งผลดีให้สุขภาพกายและใจดียิ่งขึ้น Positive Thinking คือ การคิดเชิงบวกมองโลกในแง่บวก ยอมรับต่อสิ่งเล้ารอบกายไม่ว่าจะในแง่ลบหรือแง่บวกก็ตาม ซึ่งเป็นการจัดการอารมณ์ จิตใจ และความรู้สึกให้มีแต่เรื่องดีๆ ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะความเครียดหรือความทุกข์ทำให้ระบบฮอร์โมน และระบบภูมิต้านทานในร่างกายทำงานอย่างสมดุลส่งผลให้สุขภาพดียิ่งขึ้นเพราะสมองของเราสัมพันธ์กับร่างกายของเราดังคำกล่าวที่ว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ขอบคุณภาพ: pxhere การคิดเชิงลบหรือ Negative Thinking คือการมองโลกในแง่ลบ เป็นการสะสมความคิดและความรู้สึกที่ได้พบเจอ ได้สัมผัสมาโดยตรงกับตนเอง เช่น การที่เคยโดนคนรอบข้างตำหนิบ่อยๆ การผิดหวังซ้ำๆ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อจิตใจเป็นบ่อเกิดแห่งความเครียดเป็นจุดเริ่มต้นของโรคซึมเศร้าก็ว่าได้ ดังนั้นเราต้องรู้หลักในการจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกเหล่านี้ขอบคุณภาพ: pxhere 1. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการคิดบวก คือ การบอกตัวเองในตอนเช้าเมื่อตื่นนอนแล้วว่า "วันนี้ฉันจะมีความสุข วันนี้ฉันจะยิ้มกับทุกสิ่ง" หลังจากนั้นให้ใช้ชีวิตไปตามปกติเพียงแค่เราได้เปลี่ยนความคิดเพื่อเตรียมความพร้อมและรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ เชื่อเลยว่าเราจะรู้สึกอยากตื่นไปทำงานไปพบเจอกับสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้าในทุกๆ วันขอบคุณภาพ: pxhere 2. กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ในยุคปัจจุบันเป็นยุคที่ฟังเสียงข้างมากเป็นหลัก ประมาณว่าใครว่าไง เราก็ว่าตามนั้นทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้อยากทำแต่ไม่กล้าตัดสินใจกลัวแปลกแยกจากกลุ่ม หรือกลัวโดนตำหนิจึงทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่อยากจะทำมัน เมื่อสะสมเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้เกิดเป็นความเครียดและกดดันตัวเองตามมา ดังนั้นเราควรกล้าที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำให้ใช้ความคิดเห็นของผู้อื่นเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองทำให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ขอบคุณภาพ: pxhere 3. ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น คือ การจัดการความคิดของตัวเองให้ยอมรับในสิ่งต่างๆ ที่เกิดการผิดพลาดหรือไม่เป็นไปตามที่เราอยากให้เป็น เช่น เราจะออกไปข้างนอกแต่รถดันเสีย ให้เรายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยใช้คำว่า "ก็ดีนะที่รถเสียเราจึงมีเวลาอยู่บ้านได้ทำกิจกรรมกับครอบครัวอย่างที่ทุกๆ วันไม่ได้ทำ" เป็นต้น ซึ่งการที่เราได้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้เราลดความเครียดและฟุ้งซ่านขอบคุณภาพ: pxhere เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ หลักการคิดเชิงบวกที่นำมาฝากกันในวันนี้ พอจะทำให้เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนความคิดกันได้บ้างไหม เชื่อเลยว่าใครหลายๆ คนก็เจอกับปัญหาแบบนี้กันอยู่ แต่อย่างมองว่ามันคือโรคซึมเศร้ากันนะค่ะ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เป็นถึงขั้นนั้นก็ได้เพียงแต่เราได้ออกไปจากกรอบกับสิ่งเดิมก็จะทำให้จิตใจเราแข็งแรงมากขึ้นซึ่งมันส่งผลดีต่อสุขภาพได้แน่นอนจ้า