พืชสมุนไพรนั้นมากมาหลายชนิด และบางชนิดเราอาจคิดว่าเป็นเพียงต้นไม้ธรรมดา ที่ให้ร่มเงา หรือเพียงแค่รับประทานได้เท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วต้นไม้หลายชนิดที่ขึ้นอยู่ตามบ้านนั้นอาจมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ที่ช่วยรักษาโรคและอาการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นไม่ต้น ไม้ผล หรือพืชล้มลุก ผู้เขียนจึงมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง ในการนำข้อมูลของพืชสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ทั้งด้านของลักษณะและด้านของสรรพคุณ เพื่อให้ทุกท่านทราบถึงคุณค่าของพันธ์ไม้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในบริเวณบ้าน หรือตามที่ต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถนำมาทำประโยชน์ได้ ในบทความนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูลของสมุนไพรหนึ่งชนิดที่เป็นที่รู้จักและนิยมนำมารับประทานกันทั่วไป นั่นคือ “สะเดา” ที่สามารถนำมารักษาแก้อาการได้หลายอาการภาพถ่ายโดยผู้เขียน“สะเดา” เป็นไม้ยืนต้นต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูงได้ถึง 25 เมตร ลักษณะของต้นสะเดาจะเป็นต้นตรงทรงเรือนยอดมีพุ่มหนาตลอดปี เปลือกของลำต้นหนาสีเทาหรือสีเทาดำ ผิวแตกเป็นร่องตื้น ๆ เยื้องสลับกับความของลำต้น มีรากที่แข็งแรง กว้างขวาง และหยั่งลึก วนเปลือกของกิ่งมีลักษณะค่อนข้างเรียบ และเนื้อไม้มีสีแดงเข้มปนสีน้ำตาล เสี้ยนค่อนข้างสับสนเป็นริ้ว ๆ แคบ เนื้อหยาบ เป็นมันเลื่อม มีความแข็งแรงทนทาน ส่วนแกนไม้มีสีน้ำตาลแดง มีความแข็งแรงและทนทานมาก ใบของมันมีลักษณะเป็นใบเดี่ยวสีเขียนทึบ ใบอ่อนจะมีสีแดงแกมเขียวอ่อน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ โคนใบเบี้ยวเห็นชัดเจน ส่วนปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม ขอบใบเป็นจักคล้ายฟันเลื่อย ค่อนข้างเกลี้ยง ออกดอกเป็นช่อแยกแขนงขนาดใหญ่ตามง่ามใบหรือตามมุมที่ร่วงหลุดไปและที่ปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็กสีขาวหรือสีเทา ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ แตกกิ่งกางออกเป็น 2-3 ชั้น ที่ปลายเป็นช่อกระจุกอยู่ 1-3 ดอก มีขนคล้ายไหม มีใบประดับและใบประดับย่อยเป็นรูปใบหอก ลักษณะของผลจะคล้ายผลองุ่น ผลมีลักษณะกลมรี ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียว มีรสหวานเล็กน้อยภาพถ่ายโดยผู้เขียนสรรพคุณของ “สะเดา” ช่วยระบบย่อยอาหาร บำรุงโลหิต บำรุงสายตา แก้กษัย ช่วยให้หลับง่าย ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง แก้ไข้ สร้างภูมิคุ้มกันให้รางกาย แก้อาการไอ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยรักษาเบาหวาน แก้เลือดกำเดาไหลภาพถ่ายโดยผู้เขียนสมัยที่ผู้เขียนเป็นเด็กนั้น ในบริเวณบ้านมีต้น “สะเดา” ถึงสิบต้น แต่ละต้นก็สูงใหญ่ แม่ของผู้เขียนมักจะนำดอกมาจิ้มน้ำปลาหวานรับประทาน สำหรับผู้เขียนตอนนั้นไม่รู้จักคุณประโยชน์ของสะเดาจึงไม่ค่อยชอบรับประทานเท่าไรนัก เพราะ “สะเดา” มีรสขม จนครั้งหนึ่งผู้เขียนป่วยและมีอาการไอ ปู่จึงนำใบ “สะเดา” และส่วนของยอด มาต้มกับน้ำใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ใช้เวลาต้มไม่นานเพียง 10 นาที จากนั้นนำมาให้ดื่ม เช้ากลางวันเย็นเวลาละแก้ว ติดต่อกันสองวันก็เริ่มหายจากอาการไข้และอาการไอ นอกจากนี้ผู้เขียนเคยเป็นแผลพุพองจากน้ำร้อนลวง และที่แผลมีน้ำเหลืองไหลออกมา ปู่ได้นำส่วนเปลือกชั้นในที่ขูดออกมาจากลำต้น มาเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว เคี่ยวจนเป็นสีน้ำตาลอ่อน แล้วนำสำลีมาชุบน้ำยาที่เคี่ยวได้ทางบริเวณที่เป็นแผลเบา ๆ ประมาณ 3 วันแผลก็เริ่มแห้งและหายในที่สุดที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงสรรพคุณบางส่วนที่ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์มา ซึ่งนอกจากนี้ “สะเดา” ยังมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการอื่น ๆ ได้อีกมาก และผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านหันมาสนใจคุณค่าของพืชสมุนไพรมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่สืบต่อไป